กพร.เปิดผลสำเร็จการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตซีโอไลต์และยิปซัมคุณภาพสูงจากแหล่งแร่ศักยภาพภายในประเทศ พร้อมโชว์ ทรายแมวซีโอไลต์ จากแร่ดินขาว และยิปซัมเกรดอาหาร จากแร่ยิปซัมใช้ในการผลิตอาหารประเภทเต้าหู้อ่อน ขนมขบเคี้ยว หรือเป็นสารตัวเติมในการผลิตเบียร์
นายเศรษฐรัชต์ เลือดสกุล รองอธิบดีกรมอุตสาหกรรมพืนฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดงานสัมมนาฯ เรื่อง “เทคโนโลยีการผลิตซีโอไลต์และยิปซัมคุณภาพสูงจากแหล่งแร่ศักยภาพภายในประเทศ” ร่วมกับคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ว่าที่ผ่านมา กพร. ได้ดำเนินการพัฒนาและส่งเสริมผู้ประกอบการให้มีการเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิตเพื่อลดการสูญเสียแร่ เก็บกลับคืนวัตถุดิบแร่จากเศษแร่เหลือทิ้งและหางแร่จากการแต่งแร่ และพัฒนาแร่คุณภาพสูงเพื่อเพิ่มมูลค่าแร่ ให้เกิดมูลค่าเพิ่มตลอดทั้งห่วงโซ่คุณค่าของอุตสาหกรรมแร่ ลดการนำเข้าวัตถุดิบคุณภาพสูงจากต่างประเทศ รองรับความต้องการของภาคอุตสาหกรรมและทิศทางการพัฒนาประเทศสู่อุตสาหกรรมยุคใหม่ ผ่านการศึกษา วิจัย และพัฒนาเทคโนโลยีทั้งในระดับห้องปฏิบัติการ (Lab scale) และโรงงานต้นแบบ (Pilot scale) รวมทั้งผลักดันเทคโนโลยีและขยายผลนวัตกรรมสู่การผลิตในเชิงพาณิชย์
นักวิจัยพัฒนาระบบประสาทเทียมหุ่นยนต์สามารถระบุพื้นผิวที่สัมผัสได้
และในปีนี้ กพร. ประสบความสำเร็จในการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตซีโอไลต์และยิปซัมคุณภาพสูงจากแหล่งแร่ศักยภาพภายในประเทศ จากแร่ดินขาวชนิดหินพอตเทอรี่ (Pottery stone)ราคา 700-900 บาทต่อตัน สำหรับใช้เป็นวัสดุดูดซับกลิ่นหรือบำบัดน้ำเสีย ราคา 17,000-20,000 บาทต่อตัน คิดเป็นมูลค่าเพิ่มกว่า 20 เท่า โดยทรายแมว ซีโอไลต์ที่ กพร. ได้ผลิตขึ้นเป็นหนึ่งในตัวอย่างผลิตภัณฑ์จากซีโอไลต์และจากแร่ยิปซัม ราคาประมาณ 1,000 บาทต่อตัน อีกทั้งประสบความสำเร็จในการผลิตเป็นยิปซัมเกรดอาหาร (Food Grade) สำหรับใช้ผลิตอาหารประเภทเต้าหู้อ่อน ขนมขบเคี้ยว หรือเป็นสารตัวเติมในการผลิตเบียร์ ซึ่งมีราคา 40,000 บาทต่อตัน คิดเป็นมูลค่าเพิ่ม 40 เท่า ซึ่งทั้ง 2 เทคโนโลยี ถือเป็นความสำเร็จครั้งแรกในไทย