กระทรวงพลังงาน ยืนยัน ผลการตรวจสอบโครงการโซลาร์เซลล์ที่แม่สะเรียง ดำเนินการแก้ไขปรับปรุงแล้วเสร็จและใช้งานได้ตามปกติ
นายสมภพ พัฒนอริยางกูล โฆษกกระทรวงพลังงาน ชี้แจงกรณีสืบเนื่องจากที่มีการรายงานข่าวว่า ผลการตรวจสอบโครงการส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนในหน่วยงานภาครัฐ โดย กอ.รมน. ภาค 3 ที่จังหวัดตากและจังหวัดแม่ฮ่องสอน จำนวน 20 แห่ง ของคณะทำงานกำกับติดตามผลการดำเนินโครงการเทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งมีนายสมบูรณ์ หน่อแก้ว รองปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน มีผลการตรวจสอบโครงการไม่ตรงกับของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ประจำจังหวัดแม่ฮ่องสอนนั้น
“ข้อมูลรายงานดังกล่าวอาจมีความคลาดเคลื่อน เพราะได้นำระยะเวลาการลงพื้นที่ตรวจโครงการ ซึ่งไม่พร้อมกันแล้วนำมาเปรียบเทียบกัน กล่าวคือตอนที่ ป.ป.ช. จังหวัดแม่ฮ่องสอนลงไปตรวจนั้น เป็นช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ซึ่งมีหลายแห่งยังแก้ไขไม่แล้วเสร็จ แต่ในส่วนของคณะทำงานของนายสมบูรณ์ หน่อแก้ว รองปลัดกระทรวงพลังงานลงพื้นที่ตรวจคือวันที่ 24 มีนาคม 2564 ซึ่งได้ลงพื้นที่พร้อมกับสื่อมวลชนและส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง พร้อม กอ.รมน. ภาค 3 ในฐานะเจ้าของโครงการ ได้ตรวจสอบหน้างานที่อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน 2 แห่งคือ บ้านกิ่วลม และ บ้านแม่กะไน พบว่า กอ.รมน. ภาค 3 และผู้รับจ้าง ได้ดำเนินการแก้ไขปรับปรุงแล้วเสร็จและใช้งานได้ตามปกติ
ประกอบกับรายงานสรุปของ กอ.รมน. ภาค 3 ที่ยืนยันว่าปัจจุบันสถานะของโครงการทั้ง 20 แห่งได้ดำเนินการแก้ไขซ่อมแซม สามารถใช้งานได้ทั้งหมด 18 แห่ง และอยู่ระหว่างการแก้ไขอีก 2 แห่งคือ 1.บ้านห้วยปูแกง จังหวัดตากไม่สามารถงานได้เพราะแหล่งน้ำไม่เพียงพอ ตอนนี้ กอ.รมน. ภาค 3 ได้ประสานการท่าเรือแห่งประเทศไทย เพื่อสร้างฝายกักเก็บน้ำเพื่อให้มีแหล่งน้ำใช้ในโครงการ และปัจจุบันได้รับงบประมาณในการก่อสร้างฝายแล้ว 2.บ้านสล่าเชียงตอง จังหวัดแม่ฮ่องสอนไม่สามารถใช้งานได้เนื่องจากเครื่องแปลงกระแสไฟฟ้าชำรุดอยู่ระหว่างส่งซ่อม ซึ่งได้รับแจ้งว่าการซ่อมจะแล้วเสร็จและใช้งานได้ภายในสัปดาห์นี้
- กฟผ.ผลักดัน โซลาร์เซลล์เขื่อนสิรินธร แหล่งเรียนรู้พลังงานหมุนเวียน
- กฟผ. วางทุ่นเอก โครงการโซลาร์เซลล์ทุ่นลอยน้ำ
ซึ่งหากทั้ง 2 จุดซ่อมแซมแล้วเสร็จ ขอให้ กอ.รมน. ภาค 3 แจ้งกระทรวงพลังงานด้วย โดยในช่วงที่ลงพื้นที่ตรวจ รองปลัดกระทรวงพลังงาน ได้มีนโยบายที่ชัดเจนว่าในระหว่างนี้หน่วยงานผู้รับทุนสนับสนุนโครงการจะต้องเป็นผู้ดูแลรับผิดชอบอุปกรณ์ต่างๆ ให้ชาวบ้านได้ประโยชน์สูงสุดไปก่อน จนกว่าจะมีหน่วยงานส่วนท้องถิ่นมารับโอนโครงการไปดูแลบริหารจัดการต่อไป และกระทรวงพลังงานจะมีการตรวจสอบโครงการจากกองทุนเพื่อส่งเสริม การอนุรักษ์พลังงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การใช้งบประมาณจากแหล่งเงินดังกล่าวมีประสิทธิภาพให้มากที่สุด” โฆษกกระทรวงพลังงานกล่าว