‘บ้านปู เน็กซ์’ จับมือ ‘UMT’ ขับเคลื่อนสมาร์ทซิตี้ ขยายพื้นที่ให้บริการรถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้า MuvMi ครอบคลุมกว่า 2,000 จุด ทั่วกรุงเทพฯ เชื่อมต่อขนส่งมวลชน รถ-เรือ-ราง ลดมลภาวะ
นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) และบริษัท บ้านปู เน็กซ์ จำกัด กล่าวว่า ‘บ้านปู เน็กซ์’ และ ‘UMT’ ร่วมผลักดันการใช้ ‘สมาร์ทโมบิลิตี้’ (Smart Mobility) เดินหน้าเพิ่มจำนวนรถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้า ‘มูฟมี’ (MuvMi) เป็น 100 คัน ให้บริการครอบคลุม 6 ย่านฮิตทั่วกรุงเทพฯ ย้ำจุดเด่นบริการรถโดยสารแบบออนดีมานต์ (On-demand) เรียกเมื่อไหร่ก็ได้ตามต้องการ ไม่ต้องรอรอบเวลา ใช้บริการง่ายผ่านแอปพลิเคชัน MuvMi
อีกทั้งสามารถแชร์ทางกับบุคคลอื่นที่ไปทางเดียวกัน เดินทางสะดวกเชื่อมต่อระบบขนส่งมวลชนในกรุงเทพฯ ไม่สร้างมลภาวะ ราคาสบายกระเป๋าเหมาะกับคนทุกเพศทุกวัย เริ่มต้นเพียง 10 บาท สร้างความมั่นใจเดินทางปลอดภัย ด้วยมาตรการป้องกันโควิด-19 นับเป็นอีกหนึ่ง ‘โซลูชันฉลาดใช้’ (Smart Energy Utilization) จากบ้านปู เน็กซ์ ที่ตอบเทรนด์การเดินทางยุคใหม่ของคนเมือง รองรับความต้องการใช้งานที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมเตรียมขยายจุดรับบริการอีกกว่า 2,000 จุด ภายในสิ้นปีนี้
ด้านนางสาวกนกวรรณ จิตต์ชอบธรรม ผู้อำนวยการอาวุโส-กลุ่มธุรกิจยานพาหนะไฟฟ้า บริษัท บ้านปู เน็กซ์ จำกัด กล่าวว่า “เทรนด์การเดินทางแบบออนดีมานต์ บริการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชัน และกระแส Ridesharing หรือทางเดียวกันไปด้วยกัน ยังคงมาแรง เราในฐานะผู้ให้บริการโซลูชันพลังงานฉลาดชั้นนำในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (Smart Energy Solutions) จึงได้ร่วมกับ UMT ผลักดันการใช้สมาร์ทโมบิลิตี้ ซึ่งเป็นหนึ่งใน 7 ด้านของการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ1 เพื่อเติมเต็มการพัฒนากรุงเทพฯ ให้ก้าวสู่สมาร์ทซิตี้โดยสมบูรณ์
พร้อมเดินหน้าสร้างการรับรู้ถึงบริการ ‘รถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้า MuvMi’ เป็นหนึ่งใน ‘โซลูชันฉลาดใช้’ ภายใต้โซลูชันพลังงานฉลาด เพิ่มจำนวนรถ MuvMi เป็น 100 คัน โดยเราเป็นผู้สนับสนุนด้านการลงทุน จัดหาแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน จากบริษัท ดูราเพาเวอร์ และติดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้า ซึ่งปัจจุบันมีทั้งหมด 15 สถานี และในปีนี้จะเดินหน้าติดตั้งเพิ่มอีก 30 สถานี เพื่อให้ครอบคลุมทุกพื้นที่บริการ สามารถรองรับความต้องการการใช้บริการที่เพิ่มขึ้น และสร้างมิติใหม่ของการเดินทางในย่านสำคัญต่างๆ ภายในกรุงเทพฯ”
ขณะที่ ดร.กฤษดา กฤตยากีรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เออร์เบิน โมบิลิตี้ เทค จำกัด กล่าวว่า UMT เป็นผู้ดูแลระบบการให้บริการทั้งหมด ซึ่งรถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้า MuvMi เป็นรถพลังงานสะอาด 100% ช่วยประหยัดพลังงาน ไม่ปล่อยมลภาวะ และช่วยลดฝุ่น PM2.5 รูปแบบการให้บริการแบบแชริ่ง ทางเดียวกันไปด้วยกัน สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์คนเมืองยุคใหม่ที่ชื่นชอบนวัตกรรม เลือกใช้สินค้าและบริการที่คุ้มค่า เป็นมิตรต่อโลก โดยกลุ่มผู้ใช้บริการของเราจะเป็นคนทุกเพศทุกวัย ทั้งนักเรียน นักศึกษา พนักงานออฟฟิศ และประชาชนทั่วไป ในปัจจุบันเราให้บริการไปแล้วกว่า 1 ล้านเที่ยว มีพื้นที่ให้บริการกว่า 1,000 จุด ครอบคลุม 6 เส้นทางทั่วกรุงเทพฯ ได้แก่ 1.จุฬา-สามย่าน 2.อารีย์–ประดิพัทธ์ 3.พหลโยธิน-ลาดพร้าว 4. เกาะรัตนโกสินทร์ 5.นานา-อโศก-พร้อมพงษ์ 6.เกษตร-เสนานิคม ซึ่งครอบคลุมจุดเชื่อมต่อกับขนส่งมวลชน ทั้งรถโดยสารประจำทาง เรือโดยสาร รถไฟ รถไฟฟ้าบีทีเอส (BTS) และเอ็มอาร์ที (MRT) เพื่อให้ลูกค้าไปถึงที่หมายได้อย่างสะดวกสบาย
- “บ้านปู” คงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ
- บ้านปู ได้รับเลือกเป็นสมาชิก DJSI ต่อเนื่องปีที่ 7
รวมถึงยังนำแพลตฟอร์มอินเทอร์เน็ตออฟติงส์ หรือ IoT มาใช้ควบคุมการใช้พลังงาน ความเร็ว เส้นทางการวิ่ง พิกัดรถ เวลาที่รอรถแบบเรียลไทม์ และระยะทางรวมที่รถวิ่งไปทั้งหมด จากผลตอบรับที่ดีจากกลุ่มผู้ใช้บริการ และเพื่อรองรับความต้องการใช้งานที่เพิ่มขึ้น เรามีแผนจะขยายพื้นที่ให้บริการอีกกว่า 2,000 จุด และเพิ่มจำนวนรถอีก 200 คัน ภายในสิ้นปีนี้
สำหรับการใช้บริการ ผู้บริโภคสามารถเลือกได้แบบออนดีมานด์ เรียกเมื่อไหร่ก็ได้ตามต้องการ ค่าบริการเริ่มต้นเพียง 10 บาท โดยสามารถจองรถได้ง่ายๆ เพียงดาวน์โหลดแอปฯ MuvMi จากนั้นลงทะเบียนด้วยเบอร์โทรศัพท์ ก็สามารถเรียกใช้บริการได้ทันที ทั้งนี้ เพื่อสร้างความมั่นใจ และลดความกังวลเรื่องโควิด-19 เราได้วางมาตรการในการป้องกัน ด้วยการลดจำนวนผู้ร่วมเดินทางตามมาตราการเว้นระยะห่างทางสังคม การทำความสะอาดรถ และมีแอลกอฮอล์ให้บริการบนรถทุกคัน รวมถึงผ่านมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัยของ SHA2 อีกด้วย
“เราเชื่อว่าบริการนี้ จะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการเดินทางที่ช่วยให้คนไทยหันมาใช้บริการยานพาหนะพลังงานสะอาดกันมากขึ้น และร่วมกันขับเคลื่อนประเทศไทยสู่สมาร์ทซิตี้ ทั้งนี้เราคาดการณ์ว่าหากนำ MuvMi จำนวน 100 คัน มาให้บริการเป็นระยะเวลา 1 ปี จะสามารถลดการใช้พลังงานเชื้อเพลิงได้ถึง 336,000 ลิตร ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ได้ 560 ตัน3 หรือเทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ 470 ไร่4หรือ 93,200 ต้น4” นางสาวกนกวรรณ กล่าว