สมอ

สมอ. ยกระดับอุตสาหกรรมเสริมความงาม ให้ได้มาตรฐาน มอก.เอส  

Date Post
13.03.2023
Post Views

สมอ. ยกระดับอุตสาหกรรมเสริมความงาม จับมือสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย และสมาคมส่งเสริมพัฒนาอาชีพเสริมสวยและช่างตัดผมไทย ทำ MOU พัฒนาอาชีพเสริมสวยและช่างตัดผมไทยกว่าหมื่นรายทั่วประเทศ ให้ได้มาตรฐาน มอก. เอส การันตีคุณภาพงานบริการแก่ประชาชนที่ใช้บริการ

นายบรรจง สุกรีฑา เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) กล่าวว่า สมอ. ให้ความสำคัญกับผู้ประกอบการ SMEs เนื่องจากเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยมีนโยบายส่งเสริมให้ผู้ประกอบการ SMEs พัฒนาสินค้าและบริการให้มีคุณภาพเป็นไปตามมาตรฐานอุตสาหกรรมเอส หรือ มอก.เอส ซึ่งปัจจุบัน สมอ. กำหนดมาตรฐาน มอก.เอส แล้วจำนวน 236 มาตรฐาน แบ่งเป็นมาตรฐานผลิตภัณฑ์ 120 มาตรฐาน เช่น เครื่องเบญจรงค์ เครื่องปั้นดินเผา ที่นอน หมอนยางพารา เครื่องหนัง กระเป๋า รองเท้า แชมพูผสมสมุนไพร สบู่เหลวหรือสบู่ก้อนผสมสมุนไพร ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด และเฟอร์นิเจอร์ไม้ ฯลฯ และมาตรฐานด้านการบริการ 116 มาตรฐาน เช่น การบริการกำจัดปลวก หนู และแมลง บริการตรวจสภาพรถยนต์ ซ่อมบำรุงรถยนต์ ติดฟิล์มรถยนต์ รักษาความปลอดภัย ออกแบบตัดเย็บเสื้อผ้า ตัดแต่งทรงผม ร้านกาแฟ บริการโรงแรม/รีสอร์ท และให้เช่าที่พักอาศัย บริการคอนโดมิเนียม บริการซ่อมเครื่องใช้ในครัวเรือนและอุปกรณ์สำหรับบ้านและสวน บริการออกแบบโลโก้และกราฟิกดีไซน์ บริการถ่ายและตัดต่อวิดีโอ เป็นต้น โดยขณะนี้มีผู้ผู้ประกอบการ SMEs ยื่นคำขอรับการรับรองรวมทั้งสิ้น 1,028 ราย ได้รับใบรับรองไปแล้ว 467 ราย และอยู่ระหว่างดำเนินการ 515 ราย

ใหม่ล่าสุด! KR FORTEC ultra หุ่นยนต์ขนาดกะทัดรัดแต่ทรงพลังยิ่งขึ้นจาก KUKA | FactoryNews ep.48

ทั้งนี้ การจัดทำมาตรฐาน มอก.เอส สมอ.จะคำนึงถึงความต้องการของผู้ประกอบการในแต่ละสาขาธุรกิจเป็นหลัก โดยธุรกิจที่มีแนวโน้มว่าจะมีอัตราการเจริญเติบโตสูง จะทำให้เกิดการจ้างงานและเกิดการกระจายรายได้ต่อประชาชน ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาพรวมของการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะธุรกิจเสริมความงามของไทยที่กำลังกลับมาขยายตัวได้อีกครั้ง หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 คลี่คลายลง โดยข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ ระบุว่า ประเทศไทยมีร้านเสริมสวยกว่า 120,000 ร้าน คิดเป็นมูลค่าตลาดกว่า 60,000 ล้านบาท

ดังนั้น สมอ. จึงกำหนดมาตรฐาน มอก.เอส ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเสริมความงามออกมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนผู้บริโภคได้ใช้สินค้าและบริการที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน ได้แก่ การบริการแต่งหน้า บริการตัดแต่งทรงผม บริการทำเล็บ บริการนวดและสปา รวมถึงผลิตภัณฑ์บำรุงผม หมักผม ปรับสภาพเส้นผม น้ำมันนวดตัวและสปา ผลิตภัณฑ์บำรุงเท้า ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวผสมสมุนไพร ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าผสมสมุนไพร และผลิตภัณฑ์บำรุงริมฝีปากผสมสมุนไพร เป็นต้น และกำลังจะประกาศใช้เพิ่มเร็วๆ นี้อีก 3 มาตรฐาน ได้แก่ การบริการต่อขนตา การบริการสักคิ้วและการบริการสักตัว

เลขาธิการ สมอ. กล่าวเพิ่มเติมว่า “ในวันที่ 15 มีนาคม 2566 นี้ สมอ. จะลงนามความร่วมมือกับสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย และสมาคมส่งเสริมพัฒนาอาชีพเสริมสวยและช่างตัดผมไทย เพื่อบูรณาการการทำงานร่วมกันในการกำหนดมาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเสริมความงาม ส่งเสริมและพัฒนาบุคลากรของสมาพันธ์ฯ ให้มีความรู้ความเข้าใจด้านการรับรองมาตรฐาน มอก.เอส รวมทั้งจัดทำฐานข้อมูลของผู้ประกอบการที่ได้รับการรับรองแล้ว เพื่อส่งเสริมให้ธุรกิจเสริมความงามของไทยมีมาตรฐาน สินค้าและบริการได้รับการรับรอง สร้างความมั่นใจให้กับประชาชนผู้บริโภค รวมไปถึงสร้างโอกาสในการเติบโตทางธุรกิจอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนด้วย โดยภายหลังจากการลงนามความร่วมมือในครั้งนี้ สมอ.จะการจัดสัมมนาให้ความรู้แก่บุคลากรของสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย และผู้ประกอบการที่เป็นสมาชิกของสมาคมส่งเสริมพัฒนาอาชีพเสริมสวยและช่างตัดผมไทย ในพื้นที่กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ขอนแก่น และสงขลา เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจในข้อกำหนดของมาตรฐาน สามารถพัฒนากระบวนการการให้บริการของตนเอง จนสามารถขอรับการรับรองจาก สมอ. ได้ ซึ่งคาดว่าจะมีผู้ประกอบการร้านเสริมสวยที่อยู่ภายใต้สมาพันธ์ฯ ได้รับการรับรอง มอก.เอส กว่า 10,000 รายทั่วประเทศ”

ทั้งนี้ หากผู้ประกอบการ SMEs รายอื่นๆ ต้องการยื่นขอรับการรับรอง สามารถยื่นคำขอออนไลน์ได้ที่ https://service.tisi.go.th/e-sdo/web/request/create และสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กองกำกับองค์กรด้านการมาตรฐาน สมอ. โทร 0 2430 6826 ในวัน และเวลาราชการ เลขาธิการ สมอ. กล่าว

Logo-Company
Logo-Company
Logo-Company
logo-company
Nichaphan W.
การตลาดและประชาสัมพันธ์