หอการค้าไทย-จีนเผยดัชนีเชื่อมั่นศก.ไทยปี64 โต 2.5-3.5%

หอการค้าไทย-จีนเผยดัชนีเชื่อมั่นศก.ไทยปี64 โต 2.5-3.5%

Date Post
30.11.2020
Post Views

หอการค้าไทย-จีนเผยดัชนีเชื่อมั่นเศรษฐกิจไทยปี’64 โต 2.5-3.5% เศรษฐกิจจีนโตหนุนนักท่องเที่ยวมาไทยเพิ่ม-การค้าโลกผ่อนคลาย

นายณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล ประธานกรรมการ หอการค้าไทย-จีน เปิดเผยว่า  หอการค้าได้จัดทำดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย-จีน ไตรมาส 1/2564  ซึ่งสำรวจจากความเห็นของคณะกรรมการหอการค้าไทย -จีน เครือข่ายสมาพันธ์หอการค้าไทย-จีน  สมาคมธุรกิจต่างๆของจีน กว่า 60 สมาคมฯ  รวมทั้งนักธุรกิจรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นผู้ประกอบการขนาดเล็ก ขนาดกลาง และ ขนาดใหญ่  และชาวจีนโพ้นทะเล ผ่านการประมวลผลข้อมูล Google Survey From โดยแบบสอบถามประกอบด้วย 4 ส่วน คือ    

1) ความสัมพันธ์ระหว่างเศรษฐกิจไทย-จีน  2) ตัวชี้วัดภาวะเศรษฐกิจไทย  3)  ตัวชี้วัดปัจจัยเกื้อหนุน และ/4) ประเด็นเฉพาะกิจ หรือเหตุการณ์ โดยพบว่า  61.5 % ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ มั่นใจว่าเศรษฐกิจจีนจะเติบโตสูงขึ้น สอดคล้องกับสัญญาณการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในประเทศจีนเนื่องจากจีนสามารถควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด 19 ได้เป็นอย่างดี 

ขณะที่ 50 % ของผู้ถูกสำรวจต่างคาดการณ์ จะมีนักลงทุนจีนเข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มขึ้น    และแนวโน้มนักท่องเที่ยวจากจีนน่าจะเริ่มกลับมายังประเทศไทยอีกครั้ง และกล่าวได้ว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนนั้นน่าจะเป็นแรงขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจไทยพลิกฟื้นได้ ในไตรมาสที่หนึ่งปี 2564 ซึ่งสอดคล้องกับการประเมินของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ ไอเอ็มเอฟ ที่คาดการณ์ว่าปี 2564 เศรษฐกิจโลกจะกลับมาฟื้นตัวราว5.2%ส่วนเศรษฐกิจจีน จะขยายตัว 8.2%และเศรษฐกิจไทย จะขยายตัวที่ 4.0%

สำหรับมุมมองต่อภาวะเศรษฐกิจไทยพบว่าผลสำรวจ 44.1 %  คาดการณ์ว่าอัตราการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 2564 จะโตน้อยกว่า 2.5 %  และ 41.3 %  คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะโตอยู่ระหว่าง 2.5-3.5 %  เนื่องจากผลสำรวจ สัดส่วน 43.3 % มองว่าเศรษฐกิจการค้าการลงทุนของไทยโดยรวมในไตรมาสแรกของปี 2564 โดยเฉพาะในภาคธุรกิจพาณิชย์ อิเล็กทอนิกส์ สินค้าเกษตร บริการโลจิสติกส์  บริการสุขภาพ และ สินค้าเกษตรแปรรูป จะเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย  ขณะที่อุตสาหกรรมที่ต้องเผชิญกับความท้าทาย ได้แก่ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว อสังหาริมทรัพย์ การก่อสร้าง และ อุตสาหกรรมการผลิต เนื่องจากเป็นอุตสาหกรรมที่ต้องมีมาตรการการสนับสนุนจากภาครัฐ เพื่อให้เกิดการกระตุ้นการขับเคลื่อนของธุรกิจดังกล่าว 

  ทั้งนี้ในความเคลื่อนไหวทางด้านการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ 46.7 % คาดการณ์ว่าไตรมาสที่ 1 ปี 2564 มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น ในส่วนอัตราแลกเปลี่ยน กลุ่มสำรวจ 70 % มองว่าผู้ค้ากับต่างประเทศต้องเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์ความเสี่ยงของค่าเงินบาท ที่อาจจะมีทิศทางแข็งค่ามากขึ้น เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2563 อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจไทยอาจจะต้องใช้ระยะเวลาประมาณ 6 เดือน ในการฟื้นตัวกลับมาดีขึ้น แม้ว่าจะมีการค้นพบวัคซีนก็ตาม

นายณรงค์ศักดิ์ กล่าวว่า จากผลการเลือกตั้งสหรัฐอเมริกา ที่ได้นายโจ ไบเดน เป็นประธานาธิบดีคนใหม่ เชื่อว่าจะทำให้มีความขัดแย้งระหว่างประเทศสหรัฐและจีนผ่อนคลายลง ซึ่งกลุ่มสำรวจใน 70 %  เห็นว่าความชัดเจนดังกล่าวจะส่งผลดีต่อความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจของระหว่างสองประเทศทำให้การค้าโลกผ่อนคลายมากขึ้น ที่จะมีส่วนทำให้ไทยได้รับผลดีตามไปด้วยในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2564  

อย่างไรก็ตามยังมีปัจจัยที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดของนักลงทุน โดยเฉพาะสถานการณ์ทางการเมืองไทย และมาตรการผ่อนปรนของรัฐบาลในการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ             

สำหรับมูลค่าการค้าระหว่างไทย-จีน ในรอบ 10 เดือนแรกของปี 2563 (ม.ค.-ต.ค. 2563)  มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 64,763 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ คิดเป็น 17.89 % ของมูลค่าการค้ารวมของไทย โดยมีการส่งออกไปยังประเทศจีน มูลค่า 24,542 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 2.7 % คิดเป็น 12.76% ของการส่งออกของไทย  

นอกจากนี้ เพื่อส่งเสริมและอำนวยความสะดวกทางการค้าให้กับสมาชิกหอการค้าไทย-จีน ได้มีการลงนามบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู)  ระหว่างหอการค้าไทยจีน กับธนาคารแห่งประเทศจีน (ไทย) จำกัด (มหาชน) ซึ่งจะเป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารทั้งทางด้านเศรษฐกิจ และ โอกาสทางธุรกิจ    รวมถึงการเข้าถึงการบริการของธนาคารแห่งประเทศจีนทั่วโลก

Logo-Company
Logo-Company
Logo-Company
logo-company
Nichaphan W.
การตลาดและประชาสัมพันธ์