ออนโรบ็อต ผู้นำด้านผลิตหุ่นยนต์ระดับโลก ขยายเข้าสู่ประเทศไทย ซึ่งเป็นตลาดที่อุตสาหกรรมหุ่นยนต์กำลังเฟื่องฟู เพื่อนำเสนอนวัตกรรมที่ช่วยประหยัด และใช้งานง่ายขึ้น ในประเทศไทยออนโรบ็อตที่เรียกว่า End-of-Arm ได้ถูกนำไปใช้ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ อาทิ อุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมไฟฟ้า และอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม เพื่อใช้ในการผลิตแบบ การจับวาง และการประกอบรถยนต์
ออนโรบ็อตนำเสนอทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟแวร์ที่ใช้ในโคบ็อต ซึ่งเป็นหุ่นยนต์ที่ถูกออกแบบขึ้นมาเพื่อทำงานร่วมกับคนอย่างปลอดภัย นอกจากนี้ในอุตสาหกรรมบางอย่างก็ได้นำมาผสมผสานกับหุ่นยนต์แบรนด์ต่าง ๆ อาทิ Universal Robots, Kuka, Fanuc, และ Kawasaki โคบ็อตได้เติบโตอย่างรวดเร็วที่สุดในอุตสาหกรรมเมื่อเทียบกับเทคโนโลยีอื่น ๆ ซึ่งคาดว่าจะมียอดขายเพิ่มขึ้นถึง 34% ในอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ ในปี 2568 ข้อมูลจาก IFR
“ในปี 2563 อุตสาหกรรมหุ่นยนต์ในประเทศไทย มีความต้องการหุ่นยนต์เพิ่มขึ้นเป็น 5,000 ตัว เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 19% สูงที่สุดในภูมิภาคอาเซียน”
มร. เอ็นริโก้ ครอก ไอเวอร์เซ่น ซีอีโอ ออนโรบ็อต กล่าวว่า ตลาดหุ่นยนต์ในประเทศไทยเติบโตอย่างรวดเร็ว เพราะคุณสมบัติหลากหลายของเทคโนโลยีนี้สามารถทำให้ธุรกิจขยายตัวในตลาดได้ดีเมื่อเทียบกับคู่แข่ง หุ่นยนต์จะเป็นตัวหลักในการขับเคลื่อนธุรกิจเอสเอ็มอีให้เข้าสู่ตลาดและแข่งขันในตลาดโลกได้ ลดการใช้แรงงาน อีกทั้งทำให้ราคาสินค้าเพิ่มขึ้นได้ ปัจจุบันนี้ 85% ของอุตสาหกรรมในประเทศกำลังเสี่ยงต่อการแข่งขันในตลาดในอีก 5 ปี ขณะที่ 53% ของธุรกิจ SMEs ต้องปิดตัวลงหากไม่ใช้หุ่นยนต์
เขายังกล่าวเสริมอีกว่า เมื่อตระหนักถึงความสำคัญของหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติแล้ว หากทั้งภาคธุรกิจมหาชนและเอกชนรวมตัวกันส่งเสริมด้านหุ่นยนต์จะทำให้ประเทศไทยเป็นผู้นำด้านระบบอัตโนมัตในอนาคต ซึ่งประเทศไทยเป็นตลาดที่สำคัญที่หุ่นยนต์กำลังเติบโตอยู่แล้ว
ออนโรบ็อตเข้ามาในประเทศไทยตั้งแต่ปีที่แล้ว ซึ่งได้กระจายสินค้าให้กับพาร์ทเนอร์ในประเทศ อาทิ Prosper Khon, Fersmek, Autoflexible Advance Engineering, Cerathai, Siam Orient Electric และ Gerenga เป็นต้น
รัฐบาทสนับสนุนและลงทุนการใช้หุ่นยนต์
รัฐบาลได้ตระหนักถึงความจำเป็นในการใช้หุ่นยนต์มานานแล้ว เพื่อช่วยพัฒนากำลังผลิตที่แข่งขันในตลาดโลกในทุกๆ อุตสาหกรรม ซึ่งในอีก 5 ปีข้างหน้าจะมีการลงทุนกว่า 2 แสนล้านบาท ซึ่งจะทำให้อุตสาหกรรมของประเทศไทยเติบโตขึ้นกว่า 50%
คณะกรรมการด้านการลงทุน ได้มองว่าการลงทุนในหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติเป็นอีกเป้าหมายที่น่าสนใจ ทั้งประโยชน์เรื่องภาษีและไม่เสียภาษี อีกทั้งมีการวิจัยและพัฒนาเกี่ยวกับหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ นอกจากนี้กระทรวงแรงงานร่วมกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยได้จัดโครงการค่ายฝึกอบรมระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ในโรงงานผลิตที่เน้นการพัฒนาหุ่นยนต์ เอไอ และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง ซึ่งไม่เพียงแค่เป็นการพัฒนาการเติบโตของธุรกิจยังช่วยพัฒนาทักษะในการทำงานอีกด้วย
ออนโรบ็อต ให้บริการ End-of-Arm แบบครบวงจร
จากการควบรวมกิจการของออนโรบ็อตจากเดนมาร์ก เพอร์เซพชั่น โรบอติกส์จากอเมริกาและออพโตฟอร์ซจากฮังการี ทำให้ออนโรบ็อตเป็นศูนย์บริการด้านหุ่นยนต์แบบ End-of-Arm ที่ครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นเซนเซอร์ กริปเปอร์ ที่อำนวยความสะดวกสำหรับโคบ็อตในอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ ปัจจุบันมีสินค้า 6 แบบ ซึ่งจะพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ
ปัจจุบันบริษัทได้ใช้เพอร์เพิลโรบอติกส์ ผู้ผลิตกริปเปอร์จากเดนมาร์ก และในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า บริษัทตั้งเป้าที่จะลงทุนเพิ่มกว่า ร้อยล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งในการลงทุนครั้งนี้จะทำให้ออนโรบ็อตเป็นผู้นำด้านระบบอัตโนมัติ
ออนโรบ็อตยังมีนวัตกรรมที่ใช้ Gecko Gripper ที่พัฒนาจากเทคโนโลยีของนาซ่า และ RG2-FT Gripper ที่สร้างขึ้นด้วยการใช้แรงบิดภายในและใช้เซนเซอร์อย่างใกล้ชิด ซึ่งเป็นทคโนโลยีแรกในอุตสาหกรรมนี้ที่ทำให้มีความฉลากในการผลิตมากขึ้น เครื่องมือนี้ทำให้ผู้ผลิตสามารถใช้ประโยชน์จากหุ่นยนต์อย่างเต็มที่ประหยัด และปลอดภัยต่อผู้ใช้อีกด้วย
ประเทศไทยเป็นตลาดที่ใหญ่และเติบโตเร็วที่สุดในเอเชีย
จากรายงาน IFR’s World Robotics 2018 เอเชียเป็นตลาดที่เติบโตอย่างแข็งแรงที่สุดในอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ ซึ่งเห็นได้จากยอดขายหุ่นยนต์โตขึ้น 37% ในช่วงปี 2558-2560
ประเทศไทยเป็นหนึ่งในตลาดที่ใหญ่ใน 15 ตลาดทั่วโลก และเป็นตลาดที่เติบโตสูงที่สุดในอาเซียน ในปี 2560 ยอดขายหุ่นยนต์อยู่ที่ 3,400 ชิ้น เติบโต 28%,ซึ่งสูงกว่าที่คาดไว้ ภายในปี 2563 จะเพิ่มเป็น 5,000 ชิ้น เติบโตขึ้น 19%
ในรายงานยังบอกอีกว่า การใช้หุ่นยนต์ในอุตสาหกรรมมีอัตราส่วน 974 หุ่นยนต์ ต่อ พนักงาน 10,000 คน ในปี 2560
ซึ่งตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อุตสาหกรรมหุ่นยนต์จะเติบโตสูงถึง 4.4 พันล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2566