กนอ.-กฟภ.ลงนามบันทึกความร่วมมือ พัฒนาธุรกิจพลังงานด้วยระบบดิจิทัล หนุนใช้พลังงานแสงอาทิตย์อย่างมีประสิทธิภาพ ลดการพึ่งพาพลังงานจากระบบโครงข่ายไฟฟ้าหลัก
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกความร่วมมือโครงการจัดการพลังงานในนิคมอุตสาหกรรมด้วยระบบดิจิทัล (Digital Platform) และการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (Smart Energy) ระหว่าง การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) โดยนางสาวสมจิณณ์ พิลึก ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค โดยนายสมพงษ์ ปรีเปรม ผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เพื่อยกระดับการผลิตพลังงานและการบริหารจัดการพลังงานภายในนิคมอุตสาหกรรม
โดยการนำเทคโนโลยีการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนและระบบตรวจวัดการใช้พลังงานมาประยุกต์ใช้งานกับองค์กร ในระบบโครงข่ายสำหรับส่งไฟฟ้าอัจฉริยะแบบครบวงจรโดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัล (Smart Grid) ซึ่งจะช่วยให้สามารถบริหารจัดการการใช้พลังงานไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ระบบการส่งจ่ายไฟฟ้าได้พัฒนาโปรแกรมพร้อมกับติดตั้งอุปกรณ์ที่สามารถตรวจสอบการใช้ไฟฟ้าได้ตามเวลาจริง (Real Time) เพื่อช่วยคำนวณการแจกจ่ายกระแสไฟ ทำให้การจ่ายกระแสไฟฟ้ามีความเสถียร ลดปัญหาไฟดับในช่วงที่มีการใช้ไฟสูง โดยระบบดังกล่าวไม่เพียงแค่ประหยัดค่าใช้จ่าย ลดต้นทุนในการผลิตแล้ว ยังมุ่งเน้นไปในด้านสิ่งแวดล้อมและการจัดการพลังงานทดแทนอีกด้วย
สำหรับโครงการความร่วมมือระหว่าง กนอ.และ กฟภ.ครั้งนี้ เป็นการสนับสนุนและอำนวยความสะดวกเพื่อให้การดำเนินโครงการจัดการพลังงานในนิคมอุตสาหกรรมด้วยระบบดิจิทัล การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์( Smart Energy) อย่างมีประสิทธิภาพภายในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม ผ่านการบริหารจัดการด้วยระบบดิจิทัล (Digital Platform)
นางสาวสมจิณณ์ พิลึก ผู้ว่าการ กนอ. กล่าวว่า การลงนามในบันทึกข้อตกลงโครงการจัดการพลังงานในองค์กรด้วยระบบดิจิทัลฯในวันนี้ (9 พ.ย.63) ถือเป็นต้นแบบความร่วมมือในการอำนวยความสะดวกด้านการบริหารจัดการพลังงาน (Energy Management System) โดยกนอ.มุ่งมั่นพัฒนานิคมอุตสาหกรรมให้เป็นนิคมอุตสาหกรรม 4.0 ด้วยการนำเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมมาใช้เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานให้เป็นระบบด้วยการจัดการพลังงานอัจฉริยะ (Smart Energy) ที่มีค่าประสิทธิภาพการใช้พลังงานดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง หรือมีการใช้พลังงานทดแทน (Renewable Energy) มาใช้เป็นทางเลือกเสริมพลังงานหลักสำหรับระบบสาธารณูปโภคในนิคมฯ และอาคารส่วนกลางในนิคมฯ หรือมีการประยุกต์ใช้ระบบสมาร์ทกริด (Smart Grid) สำหรับบริหารจัดการผลิต การส่งจ่าย และการใช้ไฟฟ้า โดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและระบบควบคุมอัตโนมัติในการเชื่อมโยงข้อมูล วิเคราะห์ ควบคุมจัดการ ตรวจติดตามสถานะของระบบ ควบคุมการทำงานที่ประสิทธิภาพสูงสุด ลดการสูญเสียพลังงานที่ไม่จำเป็น
ด้านนายสมพงษ์ ปรีเปรม ผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค กล่าวเสริมว่า กฟภ.มุ่งมั่นพัฒนาพลังงานไฟฟ้าของประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการพัฒนาพลังงานทดแทนซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบาย PEA 4.0 ที่มุ่งเป้าพัฒนารูปแบบเทคโนโลยีการให้บริการด้วยนโยบาย Digital Utility ซึ่งสอดคล้องกับนโยบาย Thailand Energy 4.0 ของประเทศ โดยพร้อมสนับสนุนให้ทุกภาคส่วนได้รับการบริการด้านพลังงานของ กฟภ.ด้วยความสะดวก รวดเร็ว ทันสมัย และได้มาตรฐานสากล จึงเป็นโอกาสอันดีที่ได้ร่วมมือกับ กนอ.ในการส่งเสริมและพัฒนาการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนในกลุ่มอุตสาหกรรม เพื่อสร้างต้นแบบและนำร่องการบริหารจัดการพลังงานทดแทนด้วยเทคโนโลยีระบบกักเก็บพลังงาน (Energy Storage System) และการนำระบบ PEA Digital Platform มาใช้บริหารจัดการพลังงานในนิคมอุตสาหกรรมให้มีประสิทธิภาพสูงสุด