บีซีพีจีตั้งเป้า Net Zero ภายในปี 2030
บีซีพีจีตั้งเป้า Net Zero ภายในปี 2030

บีซีพีจีตั้งเป้า Net Zero ภายในปี 2030

Date Post
18.10.2021
Post Views

“บีซีพีจี” ร่วมประกาศเจตนารมณ์สู้วิกฤตโลกร้อน ตั้งเป้า Net Zero ภายในปี  2030 พร้อมแชร์มุมมองการแก้ปัญหาโลกร้อนของภาคพลังงาน

บีซีพีจีตั้งเป้า Net Zero ภายในปี  2030

นายบัณฑิต สะเพียรชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) ร่วมเป็นหนึ่งในผู้นำองค์กรชั้นนำของไทยประกาศเจตนารมณ์ว่าด้วย “การป้องกันและแก้ไขปัญหาอันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ” ในงานสัมมนาออนไลน์  ‘GCNT Forum 2021: Thailand’s Climate Leadership Summit 2021’ ภายใต้แนวคิด ‘A New Era of Accelerated Actions’ พร้อมร่วมเสวนาในหัวข้อ “ทางออกในการบรรลุปัญหาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในกลุ่มธุรกิจพลังงาน” จัดโดยสมาคมเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศไทย ร่วมกับสหประชาชาติ

ยืดอายุการใช้งานให้มอเตอร์ในสายการผลิตของคุณด้วย Soft Starter | SIEMENS [Super Source]

การประกาศเจตนารมณ์สู้วิกฤตโลกร้อนของกลุ่มสมาชิกโกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศไทยดังกล่าวมีจุดมุ่งหมาย 3 ประการ ได้แก่ 1) เพิ่มมาตรการเพื่อรับมือกับปัญหาอันเกิดจากการ เปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเป็นสถานการณ์วิกฤต (Climate Emergency) 2) วัดผลการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Measure GHG Emissions) จากการประกอบธุรกิจของตนเอง เพื่อรับรู้และหาวิธีการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ยังคงมีอยู่ พร้อมเปิดเผยข้อมูลเหล่านี้ ต่อสาธารณะเป็นประจำ และ 3) ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างเต็มที่ (Take Action to Reduce GHG Emissions) โดยมุ่งมั่นที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและเพิ่มแหล่งกักเก็บคาร์บอน พร้อมทั้งส่งเสริมพฤติกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน 

นายบัณฑิต สะเพียรชัย แชร์มุมมองในช่วงเสวนาว่า ที่ผ่านมาบีซีพีจีดำเนินธุรกิจด้านการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสีเขียวควบคู่ไปกับการสร้างเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับชุมชน โดยบริษัทฯ กำลังก้าวเข้าสู่การเป็น Carbon Neutral ในต้นปี 2022 และตั้งเป้าเป็นองค์กรที่ปล่อยก๊าซสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ในอีก 10 ปีข้างหน้า ซึ่งล่าสุดบีซีพีจีเป็นหนึ่งในผู้จัดตั้ง Carbon Markets Club แพลทฟอร์มซื้อขายคาร์บอนเครดิต เพื่อเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนที่มีอุดมการณ์เดียวกันในการแก้ปัญหาโลกร้อนสามารถซื้อขายแลกเปลี่ยนคาร์บอนเครดิตกันได้ตามความสมัครใจ   

“ความท้าทายที่แท้จริงของการแก้ปัญหาภาวะโลกร้อนคือ Mindsetหรือวิธีคิด ข้อกำหนด และกฎระเบียบต่างๆ เพราะการพัฒนาด้านเทคโนโลยีไปไกลมาก เทคโนโลยีจึงไม่ใช่ความท้าทายที่แท้จริงอีกต่อไป แต่เป็นวิธีคิดหรือทัศนคติของเราต่างหากที่จะผลักดันให้เกิดการแก้ปัญหาภาวะโลกร้อนอย่างจริงจัง” นายบัณฑิตกล่าว

ณ ปัจจุบัน ภาครัฐมีนโยบายส่งเสริม Digital Energy ซึ่งเป็นสิ่งที่บีซีพีจีพัฒนามาตลอดกว่า 3 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะการเปิดโอกาสให้ประชาชนเป็นทั้งผู้ผลิต ผู้ใช้ และสามารถซื้อขายไฟฟ้าส่วนที่เหลือใช้ระหว่างกัน หรือที่เรียกว่า “Prosumer” ซึ่งจะเป็นผู้ที่ขับเคลื่อนให้เกิดการขยายตัวของเทคโนโลยีแบบทวีคูณ (Exponential) “ต้นทุนของการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Rooftop) ที่ลดลง และนวัตกรรมทางการเงิน รวมถึงเทคโนโลยีระบบกักเก็บไฟฟ้า (Energy Storage System) จะส่งเสริมให้มีการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาพร้อมกับการติดตั้งแบตเตอรี่ เป็นจำนวนมาก และจากการที่บีซีพีจีได้ลงทุนในธุรกิจระบบกักเก็บไฟฟ้าในประเทศจีน ทำให้เราเชื่อมั่นว่าในเร็วๆ นี้ การพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่จะทำให้การใช้ไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดคุ้มค่าและแพร่หลายยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนสามารถใช้ไฟฟ้าได้ในราคาที่ถูกลงและสะอาดขึ้น ดังนั้นตัวจริงเสียงจริงที่จะเป็นนักพัฒนาและทำให้โลกใบนี้สะอาดขึ้นก็คือพวกเราทุกคน” นายบัณฑิตกล่าวเพิ่มเติม

อย่างไรก็ตาม ภาครัฐต้องเร่งหาทางจัดการกับโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานที่มีอยู่ในปัจจุบันซึ่งอาจจะไม่สามารถรองรับการพัฒนาเทคโนโลยีด้านพลังงานที่เป็นที่ต้องการของผู้บริโภคและช่วยแก้ปัญหาโลกร้อนได้อย่างทันที “ราคาพลังงานที่ถูกลง ความเสถียรของพลังงานไฟฟ้าที่จ่ายเข้าระบบสายส่งและความสะอาดของพลังงานเป็นสิ่งที่รอไม่ได้” นายบัณฑิตกล่าวทิ้งท้าย

ล่าสุดบีซีพีจีได้รับคัดเลือกจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยให้เป็น 1 ใน 146 “หุ้นยั่งยืน” ประจำปี 2564 (Thailand Sustainability Investment หรือ THSI)  สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม ตลอดจนการบริหารงานด้วยหลักธรรมาภิบาล สอดคล้องตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน

Logo-Company
Logo-Company
Logo-Company
logo-company
Nichaphan W.
การตลาดและประชาสัมพันธ์