สิ้นสุดการคอย! พระราชกำหนดสำหรับช่วยเหลือ SME ในสถานการณ์ COVID-19 ประกาศแล้วมีผลทันที
พระราชกาหนดการให้ความช่วยเหลือทางการเงิน แก่ผู้ประกอบวิสาหกิจท่ีได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ประกาศเมื่อวันที่ 19 เมษายน 2563
สถาบันการเงินสามารถกู้ยืมเงินจากธนาคารแห่งประเทศไทย มีใจความสำคัญสำหรับผู้ประกอบการอยู่ที่มาตรา 9 การให้กู้ยืมเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจที่สถาบันการเงินกู้มาจากธปท. ต้องดำเนินการดังนี้
1. วงเงินที่ให้กู้ยืมต้องเป็นการให้สินเชื่อเพิ่มเติมจากยอดหน้ีเดิมไม่เกินร้อยละ 20 ของยอดหน้ีคงค้าง ณ วันท่ี 31 ธันวาคม พ.ศ. 2562 แต่ไม่รวมถึงยอดหน้ีคงค้างของวงเงินสินเช่ือส่วนบุคคล ภายใต้การกำกับ วงเงินสินเชื่อรายย่อยเพื่อการประกอบอาชีพภายใต้การกำกับ และวงเงินสินเช่ือ บัตรเครดิต ทั้งนี้ วงเงินท่ีให้กู้ยืมดังกล่าวต้องไม่มีผลกระทบต่อวงเงินสินเชื่อที่มีอยู่เดิม
2. คิดอัตราดอกเบี้ยในส่วนสินเชื่อเพิ่มเติมตาม ข้อที่ 1 สาหรับระยะเวลา 2 ปีแรก ในอัตราไม่เกินร้อยละ 2 ต่อปี โดยไม่เรียกเก็บดอกเบี้ยจากผู้กู้เป็นระยะเวลา 6 เดือนแรกนับแต่วันท่ี ผู้ประกอบวิสาหกิจได้รับสินเชื่อเพิ่มเติม
ดอกเบี้ยท่ีไม่เรียกเก็บตาม ข้อที่ 2 ให้สถาบันการเงินได้รับการชดเชยพร้อมกับกำหนดการจ่าย เงินชดเชยความเสียหายตามมาตรา 11 ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่ธนาคารแห่งประเทศไทย ประกาศกำหนด
ในการให้กู้ยืมเงินตามวรรคหนึ่ง ให้สถาบันการเงินได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียมการจดทะเบียน การจำนองอสังหาริมทรัพย์และอาคารชุด และการจดทะเบียนหลักประกันทางธุรกิจ อันเนื่องมาจาก การให้กู้ยืมเงินตามมาตรการในพระราชกำหนด
นอกจากนี้ธนาคารแห่งประเทศไทยมีอำนาจสั่งให้สถาบันการเงินชะลอการชำระหนี้เบื้องต้น และดอกเบี้ยของ SME ที่มีวงเงินสินเชื่อกับสถาบันการเงินแต่ละแห่งไม่เกินหนึ่งร้อยล้านบาท หรือลูกหน้ีอื่นได้
ที่มา: