กรมธุรกิจพลังงาน เผย ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยต่อวันรอบ 5 เดือน ของปี 2563 ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นร้อยละ 13.4
นางสาวนันธิกา ทังสุพานิช อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เปิดเผยถึงภาพรวมการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยต่อวันรอบ 5 เดือน ของปี 2563 (มกราคม – พฤษภาคม) ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นร้อยละ 13.4 โดยกลุ่มเบนซิน ลดลงร้อยละ 8.5 กลุ่มดีเซล ลดลงร้อยละ 5.0 น้ำมันอากาศยานเชิงพาณิชย์ (Jet A1) ลดลง ร้อยละ 43.3 น้ำมันเตา ลดลงร้อยละ 21.7 น้ำมันก๊าด ลดลงร้อยละ 16.6 LPG ลดลงร้อยละ 16.2 และ NGV ลดลงร้อยละ 27.5 โดยมีสาเหตุมาจากการขยายระยะเวลาการบังคับใช้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ไปจนถึงสิ้นเดือน มิ.ย.63 เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 จึงทำให้ ห่วงโซ่การดำเนินธุรกิจยังคงได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ความต้องการใช้เชื้อเพลิง และเศรษฐกิจภายในประเทศยังคงหยุดชะงัก
การใช้น้ำมันกลุ่มเบนซิน เฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 29.23 ล้านลิตร/วัน ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนคิดเป็นร้อยละ 8.5 โดยกลุ่มแก๊สโซฮอล์มีปริมาณการใช้ลดลง เฉลี่ยอยู่ที่ 28.45 ล้านลิตร/วัน คิดเป็นร้อยละ 8.1 และน้ำมันเบนซินมีการใช้ลดลงเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 0.78 ล้านลิตร/วัน คิดเป็นอัตราลดลงร้อยละ 21.2 สำหรับภาพรวมการใช้น้ำมันกลุ่มแก๊สโซฮอล์ พบว่า แก๊สโซฮอล์ อี85 มีปริมาณการใช้ลดลงมากที่สุดเฉลี่ยอยู่ที่ 0.92 ล้านลิตร/วัน คิดเป็น อัตราลดลงร้อยละ 28.6 รองลงมาเป็นแก๊สโซฮอล์ 91 มีปริมาณการใช้เฉลี่ยอยู่ที่ 8.00 ล้านลิตร/วัน คิดเป็นอัตราลดลงร้อยละ 16.8 ถัดมาเป็น แก๊สโซฮอล์อี 20 มีปริมาณการใช้อยู่ที่ 5.94 ล้านลิตร/วัน คิดเป็นอัตราลดลงร้อยละ 7.3 และแก๊สโซฮอล์ 95 มีปริมาณการใช้ลดลงน้อยที่สุดเฉลี่ยอยู่ที่ 13.59 ล้านลิตร/วัน คิดเป็นอัตราลดลงร้อยละ 0.4 ซึ่งจากมาตรการของภาครัฐที่มีการเว้นระยะห่าง ทางสังคม การทำงานที่บ้าน และการลดการเดินทางข้ามจังหวัด ส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง
การใช้น้ำมันกลุ่มดีเซล เฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 65.93 ล้านลิตร/วัน ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนคิดเป็นร้อยละ 5.0 โดยน้ำมันดีเซลหมุนเร็วธรรมดา บี7 มีปริมาณการใช้ลดลงเฉลี่ยอยู่ที่ 47.64 ล้านลิตร/วัน คิดเป็นอัตราลดลงร้อยละ 27.1 น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี10 มีปริมาณการใช้เฉลี่ยอยู่ที่ 10.21 ล้านลิตร/วัน (เริ่มมีการจำหน่ายตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคม 2562) และน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี20 มีปริมาณการใช้เฉลี่ยอยู่ที่ 5.36 ล้านลิตร/วัน (เริ่มมีการจำหน่ายตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2561) จากการระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงลดลง อย่างไรก็ตาม นโยบายภาครัฐที่กำหนดให้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี10 เป็นน้ำมันดีเซลพื้นฐาน และกำหนดให้ทุกสถานีบริการต้องมีน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี10 จำหน่ายตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. 2563 เป็นต้นไป ส่งผลให้ยอดการจำหน่ายดังกล่าวยังไม่ปรับตัวลดลงมากนัก
การใช้น้ำมันอากาศยานเชิงพาณิชย์ (Jet A1) เฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 11.40 ล้านลิตร/วัน ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของ ปีก่อน คิดเป็นร้อยละ 43.3 เนื่องด้วยสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ได้ประกาศห้ามอากาศยานทำการบินเข้าสู่ประเทศไทยเป็นการชั่วคราว ไปจนถึงสิ้นเดือน มิ.ย.63 และการหยุดให้บริการเส้นทางบินภายในประเทศยังคง ส่งผลให้ ความต้องการใช้ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
การใช้ LPG เฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 15.10 ล้านกก./วัน ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนคิดเป็นร้อยละ 16.2 โดยปริมาณการใช้ ภาคขนส่งลดลงมากที่สุด มีปริมาณการใช้อยู่ที่ 2.02 ล้านกก./วัน คิดเป็นอัตราลดลงร้อยละ 31.0 รองลงมาเป็นภาคปิโตรเคมี มีปริมาณการใช้อยู่ที่ 6.03 ล้านกก./วัน คิดเป็นอัตราลดลงร้อยละ 19.7 ถัดมาเป็นภาคอุตสาหกรรมมีปริมาณการใช้ลดลงอยู่ที่ 1.66 ล้านกก./วัน คิดเป็นอัตราลดลง ร้อยละ 8.5 และภาคครัวเรือนมีปริมาณการใช้ลดลงอยู่ที่ 5.39 ล้านกก./วัน คิดเป็นอัตราลดลงร้อยละ 6.7
การใช้ NGV เฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 4.10 ล้านกก./วัน ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นร้อยละ 27.5 เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ประกอบกับภาครัฐมีนโยบายส่งเสริมการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี20 สำหรับรถบรรทุกขนาดใหญ่ จึงทำให้ประชาชนและผู้ประกอบการรถโดยสารหันไปใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี 20 ทดแทน อีกทั้งยังมีนโยบายการปรับราคาขายปลีก NGV สำหรับรถยนต์ส่วนบุคคลทั่วไปเพื่อสะท้อนต้นทุน จึงทำให้ราคา NGV ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ผู้บริโภคหันไปใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์หรือน้ำมันดีเซลหมุนเร็วแทน
การนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิง มีปริมาณรวมลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เฉลี่ยอยู่ที่ 906,572 บาร์เรล/วัน คิดเป็นร้อยละ 12.8 โดยมีปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบเฉลี่ยอยู่ที่ 878,802 บาร์เรล/วัน คิดเป็นอัตราลดลงร้อยละ 8.6 คิดเป็นมูลค่า 42,032 ล้านบาท/เดือน เนื่องจากในเดือน พ.ค. 63 มีการหยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่น และโรงแยกก๊าซธรรมชาติ รวมถึงมาตรการ Lock down อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศลดลง จึงทำให้ต้องลดปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบลดลง สำหรับ น้ำมันสำเร็จรูป เป็นการนำเข้าน้ำมันเบนซินพื้นฐาน น้ำมันดีเซลพื้นฐาน น้ำมันเตา น้ำมันอากาศยานและก๊าด และ LPG โดยมีปริมาณนำเข้าลดลงเฉลี่ยอยู่ที่ 27,770 บาร์เรล/วัน คิดเป็นอัตราลดลงร้อยละ 64.8 คิดเป็นมูลค่า 1,405 ล้านบาท/เดือน
การส่งออกน้ำมันสำเร็จรูป เป็นการส่งออกน้ำมันเบนซิน น้ำมันดีเซลพื้นฐาน น้ำมันเตา น้ำมันอากาศยานและก๊าด และ LPG โดยมีปริมาณส่งออกเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เฉลี่ยอยู่ที่ 205,745 บาร์เรล/วัน คิดเป็น ร้อยละ 19.5 คิดเป็นมูลค่า 9,084 ล้านบาท/เดือน