ราช กรุ๊ป เผย โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมเรียว อินโดนีเซีย กำลังการผลิต 296.23 เมกะวัตต์เดินเครื่องผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์แล้ว พร้อมรับรู้รายได้ในไตรมาส 1 ปีนี้
นางสาวชูศรี เกียรติขจรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เผยว่า โครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมเรียว ในอินโดนีเซีย กำลังการผลิตติดตั้งรวม 296.23 เมกะวัตต์ ได้เดินเครื่องผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา โดยการไฟฟ้าสาธารณรัฐอินโดนีเซีย (PT PLN (Persero)) ได้มีหนังสือแจ้งยืนยันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
กรณีศึกษา…อัพเกรดโรงงานน้ำตาลอายุร้อยปีสู่ Factory Automation ด้วยระบบ Ecostruxure [Super Source]
สำหรับโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมเรียวแห่งนี้ ดำเนินงานโดยบริษัทร่วมทุน PT Medco Ratch Power Riau (MRPR) โดยราช กรุ๊ป ถือหุ้นร้อยละ 49 และ PT Medco Power Indonesia (MPI) ซึ่งเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนชั้นนำของอินโดนีเซีย ถือหุ้นร้อยละ 51 และจะผลิตไฟฟ้าจำหน่ายให้แก่การไฟฟ้าสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ปีละ 1,445 กิกะวัตต์-ชั่วโมง ภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะเวลา 20 ปี ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่ปี 2565 จนถึงปี 2585
ทั้งนี้ บริษัทฯ จะเริ่มรับรู้รายได้ในรูปของส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมทุน MRPR ทันทีใน ไตรมาส 1 ปี 2565 โดยโครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมเรียว ตั้งอยู่ที่จังหวัดเรียว ในตอนกลางของเกาะสุมาตรา ได้พัฒนาขึ้นตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศอินโดนีเซียและนโยบายการสร้างความมั่นคงด้านไฟฟ้าในเขตพื้นที่จังหวัดเรียว
โดยต้องการกระจายเชื้อเพลิงการผลิตไฟฟ้าให้มีความหลากหลาย เพื่อลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากภาคการผลิตไฟฟ้าด้วย โครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมเรียว ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตไฟฟ้า ซึ่งจัดเป็นเชื้อเพลิงฟอสซิลที่สะอาดเพราะมีการเผาไหม้สมบูรณ์ โดยสามารถผลิตไฟฟ้าได้ปีละ 1,445 กิกะวัตต์-ชั่วโมง ส่งผลให้กำลังการผลิตติดตั้งในเขตพื้นที่จังหวัดเรียวและเกาะสุมาตราเพิ่มขึ้นอีกประมาณร้อยละ 4 ช่วยเสริมให้ระบบไฟฟ้ามั่นคงและตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ไฟฟ้าได้ดียิ่งขึ้น
“โครงการนี้ได้เริ่มเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าจำหน่ายให้กับการไฟฟ้าสาธารณรัฐอินโดนีเซียเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ส่งผลให้กำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้นที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้วของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นเป็น 7,324.34 เมกะวัตต์ และบริษัทฯ สามารถรับรู้รายได้จากโครงการนี้ตั้งแต่ไตรมาส 1 ปีนี้ ซึ่งจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งทางการเงินของบริษัทฯ มากขึ้น” นางสาวชูศรี กล่าว