Kosmo

สนพ. มั่นใจปีนี้ ครม.อนุมัติแผนพลังงานแห่งชาติ ไฟเขียวโรงไฟฟ้าชุมชน

Date Post
18.08.2020
Post Views

สนพ. มั่นใจปีนี้ ครม.อนุมัติแผนพลังงานแห่งชาติ ไฟเขียวโรงไฟฟ้าชุมชน คาดเปิดรับซื้อไฟโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม 75 เมกะวัตต์ เร่ง COD ปี 65 ให้ FiT สูงจูงใจเอกชน ปิดจุดอ่อน ใช้เกณฑ์ประเมินศักยภาพแทนประมูล

สนพ. มั่นใจปีนี้ ครม.อนุมัติแผนพลังงานแห่งชาติ ไฟเขียวโรงไฟฟ้าชุมชน

 นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน สำนักนโยบายและแผนพลังงาน กระทรวงพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยว่า “ ทางสนพ. ได้จัดเตรียมแผนพัฒนาพลังงานแห่งชาติ 2561-2580 revision 1 เสร็จเรียบร้อยและอยู่ระหว่างนำเสนอในคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติ เพื่อนำไปปฏิบัติทันที่ ซึ่งในแผนพัฒนาฯนี้ จะมีโครงการโรงไฟฟ้าชุมชน 700 เมกะวัตต์ เป็นโครงการแรก ซึ่งรวมถึงในรูปแบบ Quick Win 100 เมกะวัตต์ และแบบปกติ 600 เมกะวัตต์ นอกจากนั้น แผนพัฒนาพลังงานทดแทน  ได้ระบุถึงแผนการรับซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม จำนวน 75 เมกะวัตต์ ซึ่งจะเป็นการรวมโครงการเดิมที่ค้างท่ออยูประมาณ 44 เมกะวัตต์กับโครงการใหม่ประมาณ 21 เมกะวัตต์   โดยตามแผนพัฒนาพลังงานแห่งชาติ กำหนดให้จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบภายในปี 2565 จึงคาดว่าจะต้องคัดเลือกผู้พัฒนาโครงการภายในปีนี้จึงจะสามารถสร้างโรงไฟฟ้าให้เสร็จสมบูรณ์ และสามารถจ่ายไฟฟ้าได้ภายในปี 2565

 “ การคัดเลือกโครงการโรงไฟฟ้ากากอุตสาหกรรมนั้น มีเกณฑ์การคัดเลือกที่แตกต่างกัน คือ จะพิจารณาจากศักยภาพของผู้เสนอโครงการ ว่ามีปริมาณเชื้อเพลิงกากอุตสาหกรรมเพียงพอหรือไม่ แหล่งที่มาของเชื้อเพลิงจากที่ใด มีความมั่นคงทางเชื้อเพลิงหรือไม่ ตลอดจนประสบการณ์ในการพัฒนาโรงไฟฟ้า ตลอดจนการดูแลสิ่งแวดล้อมและชุมชน เนื่องจากโครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมด้านขยะ ซึ่งเป็นปัญหาหลักด้านสิ่งแวดล้อมของประเทศ ไปพร้อมกับการผลิตไฟฟ้า ตามนโยบาย Waste-to-Energy หรือการเปลี่ยนขยะเป็นพลังงาน จึงทำให้โครงการนี้มีอัตราการรับซื้อไฟฟ้าสูงถึงประมาณ 6.83 บาทต่อหน่วยเพื่อจูงใจให้เอกชนที่มีความพร้อมมาร่วมกันกับภาครัฐในการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม”  นายวัฒนพงษ์กล่าว

ปัจจุบัน มีบริษัทฯที่มีความพร้อมครบทุกด้านเพียงไม่กี่ราย ทำให้มีโครงการค้างท่อจากการเปิดรับซื้อไฟฟ้าเมื่อ 2 ปีที่แล้วอยู่ถึง 44 เมกะวัตต์ ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าชุมชน วัตถุประสงค์หลักคือเพื่อช่วยเศรษฐกิจฐานราก ช่วยให้เกษตรกร และ ชุมชนทั่วประเทศมีรายได้ และมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของโรงไฟฟ้าโดยการเข้าถือหุ้นในโรงไฟฟ้า ในขณะที่ภาคเอกชนเป็นผู้ลงทุนในการพัฒนาเป็นหลัก โดยเชื่อมั่นว่าปีนี้จะประมูลโครงการ Quick Win ได้ตามเป้าหมาย

ด้านนายจักรรัฐ เลิศโอภาส รองผู้ว่าการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า            “ทางกระทรวงอุตสาหกรรมและการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ได้เสนอแนวทาง การเปลี่ยนขยะอุตสาหกรรมเป็นพลังงาน (Waste-to-Energy) เพื่อแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมและสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน โดยได้ทำหนังสือถึงกระทรวงพลังงาน และ สำนักงานนโยบายพลังงานแห่งชาติ (สนพ.) เพื่อขอรับการสนับสนุนให้สร้างโรงไฟฟ้าขนาดเล็กมากด้วยเชื้อเพลิงจากกากอุตสาหกรรมที่ไม่เป็นอันตรายในรูปแบบของเชื้อเพลิงอัดก้อน Refuse Derived Fuel (RDF) ในเฟสแรกจำนวน 500 เมกะวัตต์ ซึ่งจะใช้ปริมาณกากอุตสาหกรรม ประมาณ 5 ล้านตันต่อปี ถือเป็นนโยบายเร่งด่วน สมควรจะบรรจุลงในแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2561-2580 (PDP) เพิ่มเติม

 ซึ่งแนวทางนี้จะช่วยแก้ปัญหาขยะอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน แทนการนำไปฝังกลบในบ่อฝังกลบซึ่งนอกจากจะไม่เกิดประโยชน์แล้ว ยังเป็นการสร้างปัญหาให้สิ่งแวดล้อม เนื่องจากประเทศไทยมีปริมาณหลุมฝังกลบไม่เพียงพอ และการขยายหรือสร้างหลุมฝังกลบใหม่ เป็นเรื่องที่ทำได้ค่อนข้างยาก เนื่องจากอาจได้รับการต่อต้านจากประชาชนในจังหวัดนั้นๆ ทำให้สุดท้ายอาจเกิดปัญหาในการกำจัดกากอุตสาหกรรมที่เพิ่มมากขึ้นทุกวันๆ จากการขยายตัวของอุตสาหกรรมตามนโยบายของรัฐบาล และการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ และคาดว่าจะมีปริมาณกากอุตสาหกรรมมากถึง 25-28 ล้านตันต่อปีในปี 2565 เพิ่มจาก 22 ล้านตันต่อปีในปัจจุบัน ซึ่งเป็นปริมาณที่เพียงพอสำหรับใช้เป็นเชื้อเพลิงสร้างโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมได้ถึง 2,000 เมกะวัตต์

สำหรับการสร้างโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมนั้น จะต้องสร้างในนิคมอุตสาหกรรมเพื่อการควบคุมดูแลการประกอบกิจการโรงไฟฟ้าไม่ให้ส่งผลกระทบต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม ซึ่งในปัจจุบันปริมาณขยะในประเทศไทยโดยรวมเฉลี่ยปริมาณขยะทั้งหมด 49.8 ล้านตันต่อปี แบ่งเป็นขยะชุมชน 27.8 ล้านตันต่อปี และขยะอุตสาหกรรม 22 ล้านตันต่อปี เป็นขยะอุตสาหกรรมไม่อันตราย 20.8 ล้านตันต่อปี และขยะอุตสาหกรรมอันตราย 1.2 ล้านตันต่อปี

Logo-Company
Logo-Company
Logo-Company
logo-company
Nichaphan W.
การตลาดและประชาสัมพันธ์