“สุริยะ” ตั้งเป้า ไทยศูนย์กลางพืชกัญชงอาเซียน ภายใน 5 ปี
“สุริยะ” ตั้งเป้า ไทยศูนย์กลางพืชกัญชงอาเซียน ภายใน 5 ปี

“สุริยะ” ตั้งเป้า ไทยศูนย์กลางพืชกัญชงอาเซียน ภายใน 5 ปี

Date Post
12.07.2022
Post Views

ก.อุตฯ ผลักดันแผนการพัฒนาอุตสาหกรรมพืชกัญชงสู่เชิงพาณิชย์ ตั้งเป้าหมายศูนย์กลางพืชกัญชงเชิงอุตสาหกรรมแห่งอาเซียน ภายใน 5 ปี สร้างรายได้ให้ผู้ประกอบการไม่น้อยกว่า 25,000 ล้านบาท และสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 20,000 บาทต่อไร่

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม (อก.) ปิดเผยว่า อุตสาหกรรมกัญชงในตลาดโลกมีแนวโน้มการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในนานาประเทศ อาทิ สหรัฐอเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย สหภาพยุโรป จีน รวมถึงญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ หลังจากเริ่มผ่อนคลายกฎหมายเพื่อเปิดโอกาสให้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์กัญชงเพื่อใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์มากขึ้น โดยคาดว่ามูลค่าตลาดอุตสาหกรรมทั่วโลกในปี 2563 อยู่ที่ประมาณ 1.42 แสนล้านบาท มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยที่ร้อยละ 22.4 ต่อปี 

และคาดว่าภายในปี 2570 จะมีมูลค่าประมาณ 5.58 แสนล้านบาท ดังนั้น กระทรวงอุตสาหกรรมจึงได้ผลักดันการพัฒนาอุตสาหกรรมพืชกัญชงสู่เชิงพาณิชย์และมอบหมายให้สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.)  จัดทำแผนปฏิบัติการ ด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมพืชกัญชงสูเชิงพาณิชย์ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับระบบเศรษฐกิจไทย ตลอดจนสร้างรายได้ให้แก่ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง ก่อให้เกิดการจ้างงานตลอดห่วงโซ่อุปทานกัญชง ยกระดับเศรษฐกิจฐานราก พร้อมตอบสนองนโยบายเศรษฐกิจ BCG ที่เน้นการเติบโตอย่างยั่งยืน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 

illumina NextSeq™ 2000 เครื่องทดสอบสารพันธุกรรมอัจฉริยะ | Bio-Active [Super Source]

นอกจากนี้ยังตั้งเป้าหมายให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางพืชกัญชงเชิงอุตสาหกรรมแห่งอาเซียน (Industrial Hemp Hub of ASEAN) ภายใน 5 ปี สร้างรายได้ให้แก่ผู้ประกอบการไม่น้อยกว่า 25,000 ล้านบาท และสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 20,000 บาทต่อไร่

ด้านนายทองชัย ชวลิตพิเชฐ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) กล่าวว่า การจัดทำแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมพืชกัญชงสู่เชิงพาณิชย์ จะมุ่งเน้นการพัฒนาอุตสาหกรรมแปรรูปพืชกัญชง เพื่อเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยมีมาตรการการพัฒนาอุตสาหกรรมแปรรูปกัญชง 4 มาตรการ ได้แก่

1) มาตรการสนับสนุนการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ตลอดห่วงโซ่กัญชง โดยมีแนวทางในการพัฒนาต้นแบบผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีให้รองรับในระดับอุตสาหกรรม สร้างเครือข่ายเชื่อมโยงงานวิจัยสู่ภาคอุตสาหกรรม พร้อมส่งเสริมนวัตกรรมและปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา  

2) มาตรการส่งเสริมการผลิตและแปรรูปเชิงพาณิชย์ มุ่งส่งเสริมธุรกิจ SMEs ให้ขยายตัว เพิ่มขีดความสามารถบุคลากรตลอดห่วงโซ่กัญชง สนับสนุนการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมสู่การผลิตเชิงพาณิชย์ และส่งเสริมการยกระดับผลิตภัณฑ์ให้ได้มาตรฐานสากล 

3) มาตรการส่งเสริมด้านการตลาด โดยจะสร้างช่องทางการตลาดผ่านการจัดงาน Hemp Forum และส่งเสริมการตลาดดิจิทัล (Digital Marketing) เพื่อเชื่อมโยงการค้าโลก รวมถึงพัฒนาการเชื่อมโยงกับระบบโลจิสติกส์ทางด้านการผลิตตลอดห่วงโซ่อุตสาหกรรมกัญชง และกระตุ้นอุปสงค์หน่วยงานภาครัฐ เช่น สนับสนุนการใช้สิ่งทอจากเส้นใยกัญชง 

และ 4) มาตรการสร้างปัจจัยสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมกัญชง โดยมีแนวทางในการพัฒนาและปรับปรุงกฎหมาย กฎระเบียบ อำนวยความสะดวกด้านการตรวจรับรองเอกสารสำคัญและมาตรฐานผลิตภัณฑ์ ยกระดับมาตรฐานผลิตภัณฑ์สู่สากล สร้างความมั่นคงภาคเกษตร จัดตั้ง Center of Hemp Excellence (CoHE) พัฒนาแพลตฟอร์มเพื่อบริหารจัดการตลอดห่วงโซ่อุปทาน รวมถึงสนับสนุนทางการเงินและการร่วมลงทุนภาคเอกชน

“พืชกัญชงเป็นพืขที่มีความสำคัญในหลายประเทศ เนื่องจากสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ทุกส่วน ตั้งแต่ราก ลำต้น เปลือก แกนใน ใบ ช่อดอก และเมล็ด สามารถนำไปพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่ใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ได้หลายด้านมากกว่า 50,000 ผลิตภัณฑ์ ต่างจากในอดีตที่จะนำไปผลิตส่งทอและกระดาษ ซึ่งแต่ละส่วนของกัญชงมีคุณสมบัติเฉพาะที่สามารถนำไปใช้ในทางการแพทย์ อาหาร เครื่องดื่ม อาหารสัตว์ เครื่องสำอาง สิ่งทอ วัสดุก่อสร้าง และวัสดุในอุตสาหกรรม S-Curve อย่างอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ การบินและอวกาศ เป็นต้น โดยหากแผนดังกล่าวผ่านความเห็นชอบและนำไปสู่การปฏิบัติฯ คาดว่าพืชกัญชงจะเป็นพืชเศรษฐกิจที่น่าสนใจ สามารถสร้างงานสร้างรายได้ให้แก่ประชาชนต่อไป” นายทองชัย กล่าว

Logo-Company
Logo-Company
Logo-Company
logo-company
Nichaphan W.
การตลาดและประชาสัมพันธ์