ท่ามกลางปัญหาการระบาดของไวรัส COVID-19 หรือไวรัสโคโรนา ทีมบุคลากรทางการแพทย์ของไทยได้แสดงฝีมือด้านการวิจัยและพัฒนานำเสนออุปกรณ์และเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อรับมือกับปัญหาได้อย่างทันท่วงที
หน้ากากผ้านาโนกันไรฝุ่น
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล ร่วมกับศูนย์ความเป็นเลิศชีววิทยาศาสตร์ (องค์การมหาชน) และหน่วยงานพันธมิตร ได้แก่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา และสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์ โดยการสนับสนุนของสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม พัฒนาหน้ากากกันไรฝุ่นเพื่อต่อสู้กับไวรัส COVID-19
นวัตกรรมหน้ากากผ้านาโนกันไรฝุ่น (WIN-Masks: Washable Innovative Nano-Masks) เพื่อป้องกัน COVID-19 เป็นหน้ากากสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ที่ไม่ได้สัมผัสกับผู้ป่วยที่ยืนยันว่าติดเชื้อ COVID-19 โดยตรง ตลอดจนเจ้าหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติงานในพื้นที่ความเสี่ยง และประชาชนที่ต้องอยู่ในกลุ่มชนหรือพบปะผู้คนจำนวนมาก เพื่อป้องกันการระบาดของไวรัสโคโรนา ขณะเดียวกันลดขยะปนเปื้อนจากหน้ากากอนามัยแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งได้ด้วย
คุณสมบัติผ้ากันไรฝุ่น
• ทําจากผ้าทอแน่นพิเศษ (Tightly woven) โดยใช้เส้นด้ายขนาดจิ๋ว (Microfibers) ให้มีจํานวนเส้นด้าย(Thread count) มากกว่า 270 เส้น/ตร.นิ้ว
• มีขนาดรูผ้า (Pore size) 4-5 ไมครอน ซึ่งเล็กกว่าละอองฝอยของเสมหะ (Droplet)
ตัวหน้ากากมีโครงสร้าง 3 ชั้น โดยแต่ละชั้นมีรายละเอียดดังนี้
1. ผ้ากันไรฝุ่นศิริราชชนิดทอแน่น เคลือบสารนาโนกันน้ำ
2. ผ้าไมโครไฟเบอร์ผสม ZnO ที่มีคุณสมบัติยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย
3. ผ้าฝ้ายที่สามารถดูดซับน้ำจากไอจาม ผ้า 3 ชั้นทำงานร่วมกัน ทำให้สามารถกรองฝุ่นและละอองฝอยจากเสมหะขนาดเล็กระดับ 2.5-5 ไมครอนได้ ซักล้างได้ มีคุณภาพมาตรฐาน ผ่านการทดสอบจากห้องปฏิบัติการที่น่าเชื่อถือ
ชุดตรวจ COVID-19 ประสิทธิภาพสูง
สถาบันวิทยสิริเมธี (VISTEC) โรงพยาบาลศิริราช กลุ่ม ปตท. ธนาคารไทยพาณิชย์ และภาคีเครือข่าย ร่วมวิจัยชุดตรวจ COVID-19 ที่มีประสิทธิภาพสูงโดยนักวิจัยคนไทยครั้งแรกในโลก เร่งทดสอบความแม่นยำ พัฒนารูปแบบให้ง่ายต่อการใช้งาน ช่วยลดระยะเวลาการวินิจฉัยโรค ด้วยต้นทุนต่ำ ทำให้ประชาชนเข้าถึงได้ง่าย สนับสนุนให้สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้
การพัฒนาชุดตรวจวินิจฉัย COVID-19 นี้ได้รับความช่วยเหลือด้านเทคโนโลยีจาก สถาบัน Broad Institute, Massachusetts Institute of Technology and Harvard, USA และความร่วมมือกับภาคีเครือข่าย ประกอบด้วย กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล คณะวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล และโรงพยาบาลพระปกเกล้า จ.จันทบุรี ในการวิจัยเพื่อพัฒนาชุดตรวจวินิจฉัยไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (COVID-19) ให้สามารถตรวจโรคได้ภายใน 30 – 45 นาที ซึ่งรวดเร็วกว่าวิธีการตรวจในปัจจุบันที่ใช้เวลา 4 – 6 ชั่วโมงในห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์โดยการสนับสนุนงบประมาณการวิจัยจาก กลุ่ม ปตท. และ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB)
โดยชุดตรวจนี้สามารถตรวจโรคได้ภายใน 30 – 45 นาที รวดเร็วกว่าวิธีการตรวจปัจจุบันที่ใช้เวลา 4 – 6 ชั่วโมงในห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ ค่าตรวจของชุดตรวจใหม่นี้จะอยู่ที่ประมาณ 500 บาท ซึ่งถือว่ามีราคาที่ต่ำลงจากค่าตรวจปัจจุบันซึ่งมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณ 3,000 – 13,000 บาท
VISTEC มีโรงงานต้นแบบ (Pilot Plant) ที่สามารถผลิตได้ 4,000 ชุด/วัน หรือประมาณกว่า 100,000 ชุด/เดือน ซึ่งปัจจุบัน ปตท.ได้สั่งสารเคมีจากต่างประเทศเข้ามาใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ในการนำเข้ามาเพื่อพร้อมผลิตรองรับการตรวจติดเชื้อในวงกว้าง จากเครื่องมือที่มีอยู่และสารเคมีที่มีขณะนี้สามารถผลิตได้ทันที 10,000 ชุด และหากความต้องการมีปริมาณสูงมาก หลังผ่านการทดสอบจากศิริราชแล้วเข้าสู่ Production Phase ทาง ปตท.จะหารือกับองค์การเภสัชกรรม เพื่อผลิตต่อไป เพราะองค์การเภสัชฯ และเครือข่ายเอกชนมีความพร้อมในการผลิตในปริมาณสูง
รถเข็นเคลื่อนย้ายผู้ป่วยติดเชื้อแรงดันลบ
คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช คิดค้นนวัตกรรมความปลอดภัย เป็นทางเลือก-ลดความเสี่ยงในการรับมือ COVID-19 เช่น ห้องตรวจรักษาผู้ป่วยติดเชื้อแบบแรงดันลบ เตียงเคลื่อนย้ายแบบแรงดันลบ ห้องตรวจคัดกรองและเก็บสารคัดหลั่งจากผู้ป่วยติดเชื้อแบบแรงดันลบ หน้ากากพลาสติกป้องกันสารคัดหลั่งกระเด็นใส่บริเวณใบหน้า เป็นต้น
ทีมงานของคณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล ได้ช่วยกันศึกษาพัฒนาคิดค้นนวัตกรรมหรือสิ่งประดิษฐ์แบบง่าย ๆ หลายสิ่งที่สามารถนำมาใช้เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้แก่บุคลากรทางการแพทย์และประชาชน และยังช่วยบรรเทาสถานการณ์ขาดแคลนเวชภัณฑ์ต่างๆ เช่น ห้องตรวจรักษาผู้ป่วยติดเชื้อแบบแรงดันลบ (Medical Negative Pressure Room)
เตียงเคลื่อนย้ายผู้ป่วยติดเชื้อแบบแรงดันลบวชิรพยาบาล (Vajira Negative Pressure Transfer) มีต้นทุนการผลิตราว 50,000 – 60,000 บาท เมื่อเทียบกับเตียงเคลื่อนย้ายผู้ป่วยต้นแบบที่มีราคาสูงถึง 700,000 บาท นับว่าสามารถเข้าถึงได้มากกว่าอย่างชัดเจน โดยภาคเอกชนที่สนใจสามารถติดต่อกับวชิรพยาบาลเพื่อผลิตเตียงความดันลบนี้ได้
นอกจากนี้ยังมีห้องตรวจคัดกรองและเก็บสารคัดหลั่งจากผู้ป่วยติดเชื้อแบบแรงดันลบ (Medical Negative Pressure Chamber) หน้ากากพลาสติกสำหรับป้องกันสารคัดหลั่งกระเด็นใส่บริเวณใบหน้า (Vajira face shield) หน้ากากอนามัยแบบผ้าชนิดพิเศษที่มีช่องตรงกลาง และวิธีการถนอมหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ การผลิตแอลกอฮอล์ล้างมือด้วยวิธีการง่าย ๆ ตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก
งานวิจัยที่เกิดขึ้นได้เหล่านี้นั้นไม่ได้เกิดขึ้นมาจากภายในช่วงเวลาของไวรัสระบาดครั้งนี้เท่านั้น แต่เป็นการต่อยอดองค์ความรู้เดิมที่ทำกันมาอย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นถึงศักยภาพด้านการวิจัยและพัฒนาของคนไทยได้เป็นอย่างดี แต่เป็นเรื่องน่าเสียดายอย่างมากที่ปัจจุบันงบประมาณด้านวิจัยและพัฒนาถูกมองจากภาครัฐว่าเป็นเรื่องสิ้นเปลือง ถูกทำให้ด้อยค่าซึ่งจะเห็นได้จากการตัดงบวิจัยและพัฒนาประจำปีงบประมาณ 2563 ลงไปจำนวนมาก บางมหาวิทยาลัยกลับไม่ได้งบเลยก็มี แม้ว่าล่าสุด กสว. จะอนุมัติงบวิจัยสำหรับ COVID-19 กว่า 20 ล้านบาท แต่อาจจะเป็นการลงทุนที่มาช้าเกินไป ซึ่งในกรณีเหล่านี้วิสัยทัศน์ในการมองการณ์ไกล รวมถึงการตระหนักในคุณค่าความยั่งยืนของผลลัพธ์เป็นสิ่งจำเป็น
งานวิจัยหนึ่งชิ้นที่เป็นงานวิจัยสายประยุกต์ที่สามารถใช้งานได้จริงอาจจะประกอบไปด้วยงานวิจัยสายบริสุทธิ์ที่ล้มเหลวมากมาย แต่แน่นอนว่าความล้มเหลวเหล่านี้มีผลตอบแทนและเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นนระดับหนึ่ง สำรหับงานวิจัยที่ต่อยอดหรืองานวิจัยประยุกต์นั้นก็มีความสำคัญไม่แพ้กันในการสร้างความแตกต่างในหลากหลายมิติ ไม่ว่าธุรกิจ ความยั่งยืนและสังคม ดังนั้นก่อนที่จะลงทุนงานวิจัยผู้ประกอบการหรือผู้นำต้องมีความเข้าใจในธรรมชาติหรือโมเดลของงานวิจัยเสียก่อน จากนั้นจึงวางแผนรองรับต่าง ๆ ที่มีประสิทธิภาพงานวิจัยที่มีประสิทธิภาพ หรือผลลัพธ์ที่สามารถเปลี่ยนชีวิตคนได้ก็จะเกิดขึ้นมาให้เห็นแบบผลงานเหล่านี้ที่กำลังช่วยชีวิตผู้คนอยู่
อ้างอิง:
Thematter.co/brief/brief-1571306501/87648
Prachachat.net/education/news-429401
Techsauce.co/news/vistec-test-covid-19-thailand
Si.mahidol.ac.th/th/hotnewsdetail.asp?hn_id=2536
Matichon.co.th/local/quality-life/news_2063765
Mcot.net/viewtna/5e71870fe3f8e40af442a502
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: