ข้อกำหนดเรื่องความยั่งยืนที่เกิดขึ้นทั่วโลกนั้นเกิดขึ้นมาเพื่อช่วยสนับสนุนให้โลกใบนี้ยังคงหมุนต่อไปได้โดยที่มนุษย์ยังคงอยู่ควบคู่ไปด้วยกัน ซึ่งความยั่งยืนนี้เองในรูปแบบหนึ่งก็เป็นแนวทางสำหรับการลดต้นทุนในเวลาเดียวกัน สำหรับผู้ผลิตแม่พิมพ์ที่ต้องใช้เครื่องจักรที่มีความแม่นยำสูง เรียกได้ว่าเป็นชิ้นส่วนตั้งต้นให้กับผู้ผลิตอื่น ๆ สามารถดำเนินนโยบายดังกล่าวได้ด้วยเช่นกัน ผู้ผลิตแม่พิมพ์จะทำอย่างไรจึงจะสามารถบริหารจัดการความคาดหวังของลูกค้าและการดำเนินธุรกิจตามแนวคิดความยั่งยืนในเวลาเดียวกัน
‘ความยั่งยืน’ ทางรอดของธุรกิจยุคปัจจุบันและอนาคต
ความยั่งยืนหรือ Sustainability นั้นเป็นแนวความคิดที่เกิดขึ้นเพื่อดูแลรักษาทรัพยากรบนโลกซึ่งเป็นทรัพยากรที่สิ่งมีชีวิตทั้งหมดล้วนต้องแบ่งปันและมีชีวิตอยู่ร่วมกัน แนวคิดเรื่องความยั่งยืนนั้นเริ่มต้นมาจากปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ยิ่งทรัพยากรเหลือน้อย มลภาวะเลวร้าย ผู้คนยิ่งเกิดการแก่งแย่ง และต้นทุนในการทำกิจกรรมต่าง ๆ จะเพิ่มขึ้นโดยปราศจากแนวโน้มที่จะลดลงเพราะความขาดแคลน ปัญหาเรื่องสภาพแวดล้อมจึงเป็นผลกระทบที่เกิดขึ้นกับทุกคนอย่างทั่วถึงโดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคธุรกิจที่จะได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
แนวคิดด้านความยั่งยืนกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายภาครัฐไปจนถึงตลาดหลักทรัพย์ที่จะคอยกำหนดดูแลการเติบโตที่จะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นนโยบายระดับสากลอย่าง UNSDGs หรือ ESG ซึ่งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยก็ใช้เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดด้วยกัน โดยการประเมินความยั่งยืนหรือความเสี่ยงด้าน ESG สามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเด็นหลัก ได้แก่ สิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทธรรมาภิบาล ครอบคลุมผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการบริหารจัดการ กิจกรรมที่เป็นความเสี่ยง จริยธรรม และสิ่งแวดล้อม โดยจะถูกประยุกต์ใช้ผ่านกรอบการบริหารความเสี่ยง COS-ERM 2017 เพื่อรับประกันในการดำเนินการของธุรกิจว่าเป็นไปตามแนวคิดด้านความยั่งยืน ซึ่งการรับรองเหล่านี้จะเป็นตัวดึงดูดนักลงทุนและเป็นการรับประกันกับผู้บริโภคว่าการสนับสนุนผลิตภัณฑ์นั้น ๆ เป็นการส่งเสริมความยั่งยืนให้กับส่วนรวม
นโยบายด้านความยั่งยืนสำหรับธุรกิจการผลิตในประเทศไทยนั้นได้เกิดขึ้นแล้วในปัจจุบันผ่านความร่วมมือขององค์กรและหน่วยงานต่าง ๆ ยกตัวอย่างเช่น การรับรองโรงงานตามข้อกำหนดมาตรฐานโรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (ECO FACTORY) ของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยและการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งในการผลิตแม่พิมพ์เองก็สามารถปรับใช้นโยบายเหล่านี้เพื่อส่งเสริมการเติบโตของธุรกิจไปพร้อม ๆ กับการดูแลรักษาทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดด้วยเช่นกัน
3 เทรนด์เพื่อความยั่งยืนที่ผู้ผลิตแม่พิมพ์ห้ามพลาด
ในการประยุกต์ใช้แนวคิดด้านความยั่งยืนสำหรับธุรกิจนั้นสามารถปรับปรุงได้หลากหลายรูปแบบ ซึ่งในทุกกิจกรรมการผลิตแม่พิมพ์สามารถเกิดความเปลี่ยนแปลงได้ทั้งสิ้น ตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบไปจนถึงขั้นตอนการตรวจคุณภาพและนำส่ง โดยเทรนด์ด้านความยั่งยืนสำหรับผู้ผลิตแม่พิมพ์ที่ต้องจับตามอง มีดังนี้
การออกแบบแม่พิมพ์เพื่อรองรับวัสดุรูปแบบใหม่
แม้ว่าการผลิตแม่พิมพ์จะเป็นการกัดชิ้นงานขึ้นรูปโลหะเพื่อการฉีดขึ้นรูปด้วยวัสดุต่าง ๆ เช่น พลาสติก แต่ในอนาคตวัสดุเหล่านี้จะต้องถูกปรับเปลี่ยนเป็นวัสดุทดแทน หรือมีส่วนผสมที่แตกต่างออกไป ซึ่งตัวแม่พิมพ์เองก็ต้องปรับตัวตามคุณสมบัติของวัสดุใหม่ด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นความทนทานที่เกิดขึ้น คุณสมบัติในการส่งต่อความร้อนที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ลดความสูญเปล่า หรือการรองรับโอกาสการกัดกร่อนที่อาจเกิดขึ้นจากส่วนผสมใหม่ ๆ ด้วยเทคนิคต่าง ๆ เช่น การเคลือบผิว เป็นต้น
หลักการ 3Rs (Reduce, Reuse และ Recycle)
หลักการ 3R นั้นส่งเสริมให้เกิดการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ไม่ว่าจะเป็นการลดความสูญเปล่า การนำทรัพยากรกลับมาใช้ใหม่ และการรักษาทรัพยากรเดิมให้หมุนเวียนอยู่ในระบบต่อไป
- Reduce ลดการใช้ทรัพยากรสิ้นเปลือง เช่น ลดการใช้แบบหล่อทราย ซึ่งมักใช้แล้วทิ้งมาเป็น Die Casting สามารถใช้งานได้นานกว่า หรือในกรณีการกัดขึ้นรูปนั้นการลดเศษที่เกิดขึ้นจากการผลิตก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจเช่นกัน
- Reuse เมื่อลูกรีดเกลียว (Die) หมดอายุการใช้งาน การนำอุปกรณ์เหล่านี้กลับมา Retool แทนที่จะทิ้งหรือ Recycle ก็สามารถใช้กับงานที่แตกต่างออกไปได้
- Recycle วัสดุส่วนใหญ่ที่ใช้ในกระบวนการแม่พิมพ์นั้นสามารถรีไซเคิลได้อย่างง่ายดาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งอะลูมินัม ซึ่งเป็นวัสดุที่มีประสิทธิภาพสูงสำหรับการใช้พลังงานและต้นทุนต่ำ ปัจจุบันแม่พิมพ์ส่วนใหญ่กว่า 50% ถูกผลิตขึ้นจากการรีไซเคิลอะลูมินัมในประเทศนั่นเอง
การบริหารจัดการสัมบูรณ์
เพื่อให้สามารถตรวจสอบ ประเมิน และแก้ไขได้ การเข้าถึงข้อมูลเพื่อให้เกิดความสามารถในการบริหารจัดการในทุกขั้นตอนที่เกิดขึ้นจึงเป็นสิ่งจำเป็น ในกรณีของเครื่องมือการผลิตยุคเก่าการเลือกใช้เซนเซอร์ที่เหมาะสมกับรูปแบบการทำงานเป็นเงื่อนไขสำคัญที่จะทำให้ทราบถึงประสิทธิภาพที่เกิดขึ้น โดยหนึ่งในข้อมูลที่ติดตามได้ง่ายที่สุด คือ ข้อมูลการใช้พลังงาน ในขณะที่ข้อมูลจำเป็นอย่างรอบหมุน การสั่นสะเทือน หรือ Feedback ของเครื่องมือในการกัดชิ้นงานเป็นตัวชี้วัดสำคัญโดยเฉพาะกับงานผลิตแม่พิมพ์ เมื่อสามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างครบถ้วนถูกต้องแล้ว การวางแผนต่าง ๆ จึงเกิดขึ้นได้อย่างแม่นยำ ความเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นจะกลายเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้โดยมีความพร้อมในการรับมือ
ปฏิเสธไม่ได้ว่าเพื่อให้การเติบโตของธุรกิจเกิดขึ้นได้ตามแนวคิดด้านความยั่งยืนต่าง ๆ เทคโนโลยีนั้นมีส่วนสำคัญในการปลดล็อคเงื่อนไขข้อจำกัดที่มี ไม่ว่าจะเป็นการดำเนินการเฉพาะจุด หรือจะเป็นการบริหารจัดการเพื่อดูภาพรวมอย่าง OEE ก็ตาม เพราะการดำเนินการแบบแอนะล็อกหรือวิธีการแบบดั้งเดิมที่ใช้กระดาษจดข้อมูล ทำเอกสาร ไปจนถึงการเดินตรวจสอบตามรอบนั้น ไม่สามารถตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที นอกจากนี้ยังเป็นการใช้เวลาและทรัพยากรอย่างสูญเปล่าอีกด้วย
เพื่อให้สามารถพัฒนาความสามารถในการแข่งขันได้อย่างยั่งยืน ผู้ผลิตแม่พิมพ์จำเป็นต้องเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากข้อมูลที่เกิดขึ้นในทุกกิจกรรมได้อย่างครบถ้วน ตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบแม่พิมพ์ การออกแบบสายการผลิต การปรับแต่ง ไปจนถึงการตรวจสอบวัดผล กระบวนการเหล่านี้ต้องแสดงผลลัพธ์ให้เห็นได้อย่างชัดเจน เพื่อให้สามารถประเมินผลและวางแผนที่เกี่ยวข้องได้อย่างมีประสิทธิภาพ ศักยภาพด้านข้อมูลจะส่งผลโดยตรงต่อกำไร ต้นทุน การเติบโต และความยั่งยืนของบริษัท การให้ความสำคัญเพียงบางจุดหรือคาดการณ์และวางสมมติฐานโดยไร้หลักฐานจะเป็นการนำธุรกิจไปสู่ความหายนะมากกว่าการเติบโต ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์จึงเป็นสิ่งจำเป็น ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านอุตสาหกรรมแม่พิมพ์ JSR Group จึงมีความพร้อมในการสนับสนุนผู้ผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ตอบสนองทุกความต้องการการผลิตแม่พิมพ์เพื่อส่งเสริมให้ธุรกิจเกิดความยั่งยืน
JSR Group ตัวจริงเรื่องการบูรณาการระบบเพื่อความยั่งยืนของอุตสาหกรรมแม่พิมพ์
ด้วยประสบการณ์มากกว่า 50 ปี ในการวางแผนสายการผลิตแม่พิมพ์และโลหการที่ลูกค้าชาวไทยและต่างประเทศให้การยอมรับ JSR Group จึงมองเห็น Pain Point ต่าง ๆ ในการผลิตแม่พิมพ์อย่างทะลุปรุโปร่ง เข้าใจความต้องการของผู้ประกอบการ นายช่าง และเข้าใจถึงความร้อนใจที่เกิดขึ้นของการผลิตแม่พิมพ์เป็นอย่างดี ทำให้สามารถตอบสนองต่อเงื่อนไขของผู้ประกอบการได้อย่างตรงจุดเหมือนกับหมอมือหนึ่งที่รักษาได้อย่างแม่นยำ
ในกรณีของสายการผลิตสำหรับงานอุตสาหกรรมที่เต็มไปด้วยเครื่องจักร เครื่องมือ และตัวแปรที่หลากหลาย ปัญหาความสูญเปล่าที่เกิดขึ้นเฉพาะตาเห็นอาจเรียกได้ว่าเป็นส่วนน้อยแต่อาจจะเป็นส่วนที่มีความร้ายแรงสูง ในขณะที่ปัญหายิบย่อยเล็กน้อยอาจสังเกตได้ยากแต่หากเกิดขึ้นหลายจุดหลายวาระความสูญเปล่าที่เกิดขึ้นอาจร้ายแรงกว่าปัญหาที่มองเห็นบางประการด้วยซ้ำ ด้วยความเข้าใจตั้งแต่ผลกระทบในภาพรวมไปจนถึงจุดที่เล็กที่สุดทำให้เกิดแนวคิด Smart Clinic ขึ้นมาเพื่อการแก้ปัญหาและเพิ่มศักยภาพในการทำงานแบบองค์รวมของโรงงาน โดยเน้นไปที่การลดความสูญเปล่าที่เกิดขึ้น
Smart Clinic เป็นการใช้ประโยชน์จากข้อมูลที่เกิดขึ้นจากสายการผลิตเพื่อสร้างความโปร่งใสในการทำงาน ปัญหาที่มีอยู่ทั้งหมดจึงสามารถจับต้องและแก้ไขได้ ความสามารถในการเข้าถึงข้อมูลที่แม่นยำและทันเวลาแบบ Real-time นี้เองนำไปสู่ความสามารถในการจัดการแบบสัมบูรณ์ในการผลิตแม่พิมพ์ เปิดโอกาสในการใช้แนวคิดสำหรับการ Reduce, Reuse และ Recycle เช่น การใช้เทคโนโลยีเพื่อลดระยะเวลาในการตั้งค่า Tools สำหรับกัดชิ้นงาน ซึ่งนอกจากการลดต้นทุนในการรอแล้วยังเป็นการลดการใช้พลังงานไฟฟ้าและลดความเหนื่อยล้าของแรงงานได้อีกด้วย นอกจากนี้ JSR Group ยังมีเทคโนโลยีและองค์ความรู้อีกมากมายในการผลิตแม่พิมพ์ที่พร้อมให้คำปรึกษาในการผลิตแม่พิมพ์ที่ต้องรองรับวัสดุรูปแบบใหม่ได้อีกด้วย
เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับการทำธุรกิจแม่พิมพ์ได้อย่างครบถ้วน ปรึกษา JSR Group วันนี้เพื่อเปิดประตูบานใหม่แห่งโลกดิจิทัลที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุน พร้อมกับเปลี่ยนการทำธุรกิจของคุณให้สอดคล้องกับนโยบายความยั่งยืนด้วยข้อมูลที่จับต้องได้ จะเปลี่ยนแปลงตามสถานการณ์ก็สะดวก หรือจะทำเอกสารรายงานนักลงทุนก็สร้างความพึงพอใจได้เป็นอย่างดี เพราะการแข่งขันในโลกยุคใหม่ไม่เคยรอใครและความสำเร็จไม่เคยเกิดขึ้นจากความลังเล ติดต่อ JSR Group เพื่อเข้าถึงทุกปัญหาในการผลิตและสัมผัสความสำเร็จของการผลิตแม่พิมพ์ยุคใหม่ด้วยตัวคุณเอง
ต้องการปรึกษาหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ:
บริษัท ศรีรุ่งเรืองแมชชีนแอนด์ทูลส์ จำกัด
บริษัท จ.ศรีรุ่งเรืองอิมเป็กซ์ จำกัด (JSR Group)
โทรศัพท์: 02-327-0451-5, 02-734-4588
E-mail: [email protected]
Website: https://jsr.co.th/