การเติบโตของ AI นั้นเข้ามามีส่วนในหลากหลายงานของอุตสาหกรรมการผลิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของการออกแบบและการจำลองต่าง ๆ เช่น การออกแบบวงจรอิเล็กทรอนิกส์ก็เช่นกัน โดยในกรณีของ WSCAD ที่ใช้โซลูชัน E-CAD กับ Electrix AI ช่วย Optimize กระบนการที่มีอยู่ะดิมและทำให้นักออกแบบวงจรอิเล็กทรอนิกส์ทำงานง่ายขึ้น
ผลลัพธ์สุดท้ายที่เกิดขึ้นจากการใช้งาน AI คือ การประหยัดเวลาอย่างมหาศาลไปพร้อมๆ กับการทำให้กระบวนการออกแบบในแต่ละขั้นตอนนั้นมีความเรียบง่าย โดย AI Electrix นั้นทำหน้าที่เป็น AI Copilot หรือเป็นปัญญาประดิษฐ์ที่คอยทำงานเคียงข้างไปกับนักออกแบบในรูปแบบของ Chat Bot ซึ่ง AI หรือ Generative AI จะเข้ามาเกี่ยวข้องกับงานที่ต้องทำทุกวันโดยตรงด้วยการใส่คำสั่งอย่างง่าย Generative AI เหล่านี้สามารถตอบสนองต่อคำสั่งเสี่ยงหรือข้อความ ตรวจสอบการออกแบบ การแก้ไขความผิดพลาด และการปรับแต่งจำเพาะตามความต้องการของผู้ใช้
5 จุดเด่นการใช้งาน Generative AI ในการออกแบบวงจรอิเล็กทรอนิกส์
ในกรณีของการใช้งานคำสั่งเสียง AI Copilot นั้นจะเพิ่มความคล่องตัวได้อย่างมากในการทำงานจริง เพราะลดระยะเวลาในการพิมพ์และกระบวนการที่เกี่ยวข้องได้มาก ทั้งยังสามารถตอบสนองได้แทบจะในทันทีอีกด้วย
โดยในการใช้งาน AI สำหรับการออกแบบวงจรอิเล็กทรอนิกส์นั้นจะมีจุดเด่นหลัก 5 ประเด็น ได้แก่
สร้างรายชื่อวัสดุได้อย่างรวดเร็ว
ในระบบหรือแผงวงจรนั้นประกอบไปด้วยวัสดุหลากหลายชนิดที่มารวมกัน และวัสดุแต่ละชนิดล้วนมีคุณสมบัติที่แตกต่างและหลากหลาย การสร้างรายชื่อของวัสดุจึงเป็นหนึ่งในกระบวนการที่ใช้เวลาไม่น้อยแม้จะเป็นการคลิกก็อาจต้องคลิก 10 – 20 ครั้งขึ้นกับความฉลาดของโปรแกรมที่ถูกออกแบบไว้ ซึ่งในกรณีของ Electrix AI นั้นการใส่คำสั่ง ‘Create a material list’ ก็จะได้รายชื่อทันที เรียกว่าสร้างรายชื่อเร็วกว่าเดิมถึง 92% หากเทียบกับโปรแกรมทั่วไปในตลาด ทำให้สามารถใช้เวลากับกิจกรรมที่มีความสำคัญยิ่งกว่าได้มากขึ้น
จัดการกับ Macro ได้ผ่านคำสั่งเสียง
ในการกำหนดจุด Macro ต่าง ๆ ซึ่งการดำเนินการด้วยมือจำใช้เวลานานเนื่องจากมีจำนวนมาก AI Copilot สามารถวางตำแหน่ง Macro ได้อัตโนมัติเพื่อระบุตำแหน่งต่าง ๆ เช่น การใช้คำสั่งว่า ‘Place the macros CPU, PLC-DA, PLC-DE, PLC Potentials on a new page’ ซึ่งการวาง Macro 4 ตำแหน่งนี้ใช้เวลาเพียง 15 วินาทีหากเปรียบเทียบกับการทำงานดั้งเดิมที่ใช้เวลา 5 นาที ทำให้เห็นได้ว่า AI ทำงานนี้ได้เร็วขึ้นถึง 95%
การสร้างวัตถุในโปรแกรมได้อย่างรวดเร็ว
หนึ่งในทีเด็ดของ Copilot คือ ความสามารถในการทำซ้ำชิ้นส่วนอย่างง่ายดายและรวดเร็ว ยกตัวอย่างเช่น หากต้องการชิ้นส่วนนี้ 12 ชิ้น ในวงจร คำสั่งของ AI Copilot อาจจะเป็น ‘Find component XY and place it 12 times in the schematic.’ ชิ้นส่วนที่ต้องการจะถูกค้นหาและแสดงผล หากมีผลลัพธ์หลายชิ้นสามารถกดเลือกและกดปุ่ม Generate เพื่อวางชิ้นส่วนดังกล่าว 12 ครั้งในระบบพร้อมการเชื่อมต่อและ Marking ที่เกี่ยวข้อง หรือใช้คำสั่ง ‘Create a page with three power converters.’ ตัวแปลงพลังงานที่เกี่ยวข้องจะถูกคนหาและนำเสนอ จากนั้นผู้ออกแบบจะทำการเลือกแลกด Generate และหน้า Schematic จะถูกสร้างขึ้นมา แต่ถ้าต้องการ Terminal Plan ก็สั่งไปว่า ‘Create the terminal plan’ ก็จะได้สิ่งที่ต้องการทันทีเช่นกัน
ตรวจหาความผิดพลาดในโครงการ
เมื่อโครงกรใหม่เกิดขึ้นมา เช่น เกิดจากการ Cut & Paste จากโครงการเดิมที่มีอยู่ หลายครั้งจะพบได้ว่าการปรับใช้รายละเอียดจากของเดิมบางอย่างอาจถูกมองข้าม ในกรณีนี้หลังจากที่ออกแบบโครงสร้างเสร็จแล้วสามารถดำเนินขั้นตอนตรวจสอบได้โดยซอฟต์แวร์จะสร้างรายชื่อของความผิดปรกติขึ้นมาด้วยคำสั่งง่ายๆ อย่าง ‘Find the errors in this project’ ตัว AI Copilot จะทำหน้าที่วิเคราะห์ทั้ง Schematic และระบุปัญหา เช่น มี Assignment บางตัวหายไป การเชื่อมต่อตรงไหนถูกเปิดไว้อยู่ ไปจนถึงส่วนประกอบหลักที่ยังไม่ได้เชื่อมต่อกับส่วนประกอบรองทีสำคัญเป็นต้น
ตอบคำถามเชิงเทคนิค
ความเชี่ยวชาญในเรื่องของเทคนิคนั้นเป็นเรื่องที่มีความสำคัญอย่างมาก ในกรณีของ Electrix AI นั้นเข้าใจในเรื่องเฉพาะเจาะจงของโครงการ การเลือกวัสดุ ไปจนถึงเรื่องของการเดินสาย Wire Cross-Section เช่น การทำ Wire Cross-Section จำเป็นสำหรับคอนดักเตอร์ทองแดง 64-A หรืออาจจะเป็นการใช้คอนดักเตอร์อะลูมินัมแทนที่จะดีกว่า แต่แทนที่จะต้องไปทดสอบทำขั้นตอนต่างๆ ให้ยุ่งยากก็สามารถคลิกไปยังสายใน Schematic ได้ง่าย ๆ และบอกว่า ‘Give me a copper wire, color dark blue, 24 V DC, and 64 A,’ จากนั้นสายสีฟ้าที่มาพร้อม Cross-Section ขนาด 16 มม. จะถูกติดเอาไว้ที่ปลายเมาส์ทันที
Generative AI ลดช่องว่างและเพิ่มประสิทธิภาพให้กับผู้เชี่ยวชาญและผู้ใช้หน้าใหม่
ความท้าทายในการออกแบบวงจรอิเล็กทรอนิกส์สำหร้บมือเก๋าและหน้าใหม่นั้นมีความแตกต่างกัน โดยหน้าใหม่หรือผู้ใช้ทั่วไปอาจจะไม่คุ้นเคยกับหน้าตาและโครงสร้างการทำงานของโปรแกรม AI Copilot จะสามารถช่วยเพิ่มความลื่นไหลในการทำงานได้ด้วยคำสั่งพื้นฐานแทนที่จะต้องเสียเวลาค้นหาใน FAQ หรือ Helps ที่ซับซ้อนและยืดยาว หลายครั้งก็ไม่ตรงกับความต้องการ ยกตัวอย่างเช่นคำสั่ง ‘How can I turn the snap on and off?’ หรือ ‘Place macro XY on page ZZ’
ในกรณีของผู้เชี่ยวชาญที่รู้ว่าตัวเองต้องการทำอะไร และอยากได้อะไร AI Copilot จะช่วยใส่คำสั่งได้หลากหลายคำสั่งทำให้งานเสร็จเร็วยิ่งขึ้น รวมถึงคำสั่งที่มีความซับซ้อนก็สามารถทำให้สำเร็จได้ในหลักวินาที เช่น ‘Place the macros CPU, PLC-DA, PLC-DE, PLC Potentials on a new page,’ แล้วตามด้วย ‘Then create the material list with part numbers, quantity, and manufacturer,’ และปิดท้ายด้วย ‘Create the terminal plan last and tell me in which project I have used component XYZ.’ ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้ในเวลาเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น
จะเห็นได้ว่าทั้งผู้ใช้หน้าเก่า ผู้ใช้ทั่วไปหรือหน้าใหม่สามารถใช้งาน AI Copilot ในการออกแบบและประหยัดเวลาลงได้กว่า 90% ซึ่งระยะเวลาที่ลดลงนั้นเกิดขึ้นจากการลดความซับซ้อนในการทำงานลงได้โดยไม่ขึ้นกับว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญหรือไม่อีกด้วย
จะเห็นได้ว่าการมาถึงของ AI หรือ Generative AI ในฐานะ AI Copilot ที่ทำงานเคียงข้างอย่างใกล้ชิดจะช่วยลดช่องว่างด้านทักษะในงานการออกแบบได้เป็นอย่างดี ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญเดิมก็สามารถต่อยอดไปสู่การทำงานที่มีมูลค่าหรือความท้าทายสูงขึ้นได้ภายใต้กรอบเวลาและทรัพากรที่ใกล้เคียงกับสถานการณ์เดิมมากยิ่งขึ้น