50 สุดยอดเมืองที่สามารถจัดการ COVID-19 ได้ดีที่สุดในโลก

Date Post
16.11.2021
Post Views

ความสามารถในการแก้ปัญหาและรับมือกับ COVID-19 ในแต่ละประเทศนั้นแตกต่างกันออกไป การทำความเข้าใจความซับซ้อนในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นอัตราการระบาดและกฎข้อบังคับในแต่ละเมืองจะทำให้เกิดความเข้าใจในนโยบายที่ทำให้เกิดความสำเร็จขึ้น

บริษัท Deep Knowledge Analytics (DKA) ซึ่งมีฐานอยู่ในลอนดอนได้ทำการสำรวจตัวแปรผ่านห้าปัจจัยสำคัญในการตอบสนองต่อการระบาด ได้แก่ ความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจ, ธรรมาภิบาล, การดูแลสุขภาพ, การกักกัน และการฉีดวัคซีน

รายงานดังกล่าวถูกตีพิมพ์ในรายงาน 116 หน้าที่มีชื่อว่า Covid-19 City Safety Ranking Q2/2021 โดย 50 เมืองที่มีอันดับความปลอดภัยจากไวรัสสูงสุด ได้แก่

  1. Abu Dhabi อันดับ 1 ด้านการฉีดวัคซีน
  2. Singapore อันดับ 1 ด้านความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจ
  3. Seoul อันดับ 1 ด้านการบริหารจัดการสุขภาพ
  4. Tel Aviv-Yafo
  5. Dubai
  6. Toronto
  7. Sydney
  8. Zurich
  9. Dublin
  10. Ottawa อันดับ 1 ด้านประสิทธิภาพธรรมาภิบาล
  11. London
  12. Amsterdam
  13. Berlin
  14. Tokyo
  15. Copenhagen
  16. Beijing อันดับ 1 ด้านการกักกันเชื้อ
  17. New York
  18. Shanghai
  19. Auckland
  20. Brussels
  21. Helsinki
  22. Wellington
  23. Bern
  24. Hong Kong
  25. Los Angeles
  26. Stockholm
  27. Canberra
  28. Oslo
  29. Jerusalem
  30. Warsaw
  31. Riyadh
  32. Madrid
  33. Vienna
  34. Valletta
  35. Budapest
  36. Doha
  37. Moscow
  38. Paris
  39. Prague
  40. Rome
  41. Kuala Lumpur
  42. Zagreb
  43. Bratislava
  44. Hanoi
  45. Manila
  46. Athens
  47. Jakarta
  48. Ankara
  49. Bucharest
  50. Lisbon & Portugal

Portugal ถือเป็นหนึ่งในเมืองที่น่าสนใจ เนื่องจากมีอัตราการฉีดวัคซีนสูงเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก คิดเป็นสัดส่วนกว่า 86% ของประชากรที่ได้รับวัคซีนครบ 2 โดส (ข้อมูลจาก John Hopkins Coronavirus Resource Center)

เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจเมื่อพบว่าผู้คนที่อาศัยอยู่ในเมืองที่ติดอันดับสูง ๆ เหล่านี้กลับไม่เห็นด้วยว่าเมืองของตัวเองดีพอที่จะอยู่ในรายชื่อดังกล่าว ปัญหาด้านมาตรการความปลอดภัยและวัคซีนได้นำไปสู่การประท้วงขนาดใหญ่ในยุโรป และสหรัฐอเมริกา รวมถึงการปฏิเสธนโยบาย Zero Covid ในบางส่วนของเอเชียและออสเตรเลีย

สิ่งที่น่าสนใจซึ่งเกิดกับกลุ่มเมืองที่ติดอันดับเหล่านี้ คือ การดำเนินการตั้งแต่แรกเริ่มเกิดปัญหาอย่างรวดเร็วและการจัดการที่เด็ดขาด สังเกตได้ว่าประเทศที่มีแผนตอบสนองต่อสถานการณ์วิกฤติสุขภาพได้อย่างรวดเร็ว ได้แก่ สิงคโปร์, เกาหลีใต้ และสหรัฐอาหรับเอมิเรต ประเทศเหล่านี้มีการเตรียมตัวที่ดี ในขณะที่อิตาลีมีแผนรับการระบาดแต่ลล้มเหลวในการประยุกต์ใช้

สำหรับเมืองที่มีระบบติดตามผู้สัมผัส (Contract Tracing) ระบบการรักษาทางไกล การกระจายวัคซีน และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง หรือมีการพัฒนาเทคโนโลยีเหล่านี้ได้ไวจะอยู่ในกลุ่มรายชื่อเมืองที่มีอัตราความสำเร็จสูง

พื้นที่ของเมืองใหญ่ในประเทศที่มีรัฐบาลมีลักษณะเผด็จการหรือมีการจัดการเบ็ดเสร็จ กล่าวคือในพื้นที่ซึ่งมีการบังคับใช้มาตรการอย่างเข้มงวดเพื่อต่อสู้กับการระบาดก็ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มดังกล่าวเช่นกัน ในท้ายที่สุดแล้ว สิ่งสำคัญ คือ การหาสมดุลระหว่างการล็อคดาวร์และทรัพยากรสำหรับประชากร

ประเด็นที่น่าสนใจจากรายงาน

  • ในระดับโลก การระบาดนั้นเปิดเผยให้การทำงานร่วมกันระหว่างรัฐบาลแห่งชาติและหน่วยงานเทศบาล
  • ไม่มีเมืองใดที่ระบบสาธารณสุขรองรับคลื่นการระบาดที่ถาโถมได้พอเพียง
  • มีเพียง 10% ของเมืองที่มีการเตรียมแผนรับมือเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนด้านเศรษฐกิจสำหรับประชาชนและธุรกิจ
  • มีเพียง 25% ของเมืองที่สามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ โดยทำให้กราฟสามารถเกิดเป็นแนวราบได้ ในขณะที่ 11% ของเมืองมีการทดสอบเชื้อและติดตามผล มาตรการเหล่านี้ดำเนินการรวมกับการกักตัวซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการต่อสู้กับการระบาด
  • มีเมืองเพียง 17% ที่มียุทธศาสตร์หลังการระาบาดใหญ่
  • ประเทศทั่วโลกตอบสนองกับการระบาดกันเป็นเอกเทศมากกว่าการร่วมกันรับมือหรือตอบสนอง

ที่มา:
Cnbc.com

เนื้อหาที่น่าสนใจ:
นักวิจัยพัฒนาชุดตรวจ COVID-19 จากน้ำลายรู้ผลไวและแม่นยำเทียบเท่า PCR
Logo-Company
Logo-Company
Logo-Company
logo-company
Thossathip Soonsarthorn
"Judge a man by his questions rather than his answers" Voltaire