Thai Murata
iscar
เทคโนโลยี

6 เทคโนโลยีที่อาจช่วยชีวิต!และลดผลกระทบจากแผ่นดินไหว

Date Post
25.04.2025
Post Views

1. ระบบแจ้งเตือนแผ่นดินไหวล่วงหน้า (Earthquake Early Warning – EEW)

หลักการทำงาน

ระบบ EEW ใช้เครือข่ายเซ็นเซอร์ตรวจจับคลื่นไหวสะเทือน (Seismic Waves) แล้ววิเคราะห์ความรุนแรงของแผ่นดินไหว

แจ้งเตือนประชาชนและโครงสร้างพื้นฐาน เช่น โรงไฟฟ้า รถไฟฟ้า และโรงพยาบาล ให้หยุดทำงานก่อนที่แรงสั่นสะเทือนรุนแรงจะมาถึง

ตัวอย่างระบบที่ใช้งานจริง

  •  ShakeAlert (สหรัฐอเมริกา) – แจ้งเตือนผ่านสมาร์ทโฟนโดย Google Android และระบบสื่อสารฉุกเฉิน
  •  J-ALERT (ญี่ปุ่น) – เชื่อมต่อระบบเตือนภัยของรัฐบาล และปิดระบบรถไฟฟ้าอัตโนมัติ
  •  P-Alert (ไต้หวัน) – ระบบเซ็นเซอร์ความแม่นยำสูงที่ติดตั้งทั่วประเทศ

แนวโน้มในอนาคต

AI และ Machine Learning จะช่วยเพิ่มความแม่นยำของการทำนายแผ่นดินไหว

ระบบแจ้งเตือนจะเชื่อมต่อกับ IoT มากขึ้น เช่น ส่งคำสั่งปิดก๊าซหรือไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ

2. แอปพลิเคชันแจ้งเตือนแผ่นดินไหว

ปัจจุบันมีหลายแอปที่ใช้ข้อมูลจากระบบ EEW มาช่วยให้ประชาชนได้รับแจ้งเตือนเร็วขึ้น

แอปพลิเคชันที่น่าสนใจ

  •  MyShake (พัฒนาโดยมหาวิทยาลัย UC Berkeley) – ใช้สมาร์ทโฟนเป็นเซ็นเซอร์ตรวจจับแผ่นดินไหว
  •  LastQuake (โดย EMSC) – รวมข้อมูลแผ่นดินไหวแบบเรียลไทม์จากทั่วโลก
  •  QuakeAlertUSA – ใช้ข้อมูลจาก ShakeAlert เพื่อแจ้งเตือนผู้ใช้ในพื้นที่เสี่ยง

แนวโน้มในอนาคต

ใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลจากสมาร์ทโฟนหลายล้านเครื่องเพื่อเพิ่มความแม่นยำของการแจ้งเตือน

ผสานเข้ากับ Wearable Devices เช่น สมาร์ทวอทช์ เพื่อให้เตือนภัยได้แม่นยำขึ้น

3. IoT และเครือข่ายเซ็นเซอร์ตรวจจับแผ่นดินไหว

เทคโนโลยีที่ใช้

เซ็นเซอร์วัดความเร่ง (Accelerometers) – ตรวจจับแรงสั่นสะเทือนที่พื้นดินและอาคาร

เครือข่ายอุปกรณ์ IoT – ติดตั้งเซ็นเซอร์ตามเมืองใหญ่และโครงสร้างพื้นฐาน

Edge Computing – ประมวลผลข้อมูลแบบกระจายตัวเพื่อแจ้งเตือนอย่างรวดเร็ว

ตัวอย่างการใช้งานจริง

  • QuakeGuard – ระบบเซ็นเซอร์ IoT ที่ติดตั้งในอาคารเพื่อตรวจจับแผ่นดินไหวล่วงหน้า
  • Google Android Earthquake Alerts System – ใช้เซ็นเซอร์จากสมาร์ทโฟนของผู้ใช้ทั่วโลกมาวิเคราะห์ข้อมูล

แนวโน้มในอนาคต

AI จะสามารถคาดการณ์แผ่นดินไหวโดยใช้ข้อมูลจาก IoT มากขึ้น

ระบบเซ็นเซอร์จะมีราคาถูกลงและสามารถติดตั้งได้ทั่วถึงมากขึ้น

4. เทคโนโลยีโครงสร้างต้านแผ่นดินไหว

แผ่นดินไหวไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์ควบคุมได้ แต่เทคโนโลยีอาคารสามารถช่วยลดความเสียหายได้

โครงสร้างต้านแผ่นดินไหวสมัยใหม่

  • Base Isolation System – ติดตั้งชั้นรองรับพิเศษใต้ฐานอาคาร เพื่อลดแรงสั่นสะเทือน
  • Tuned Mass Dampers (TMDs) – ใช้ก้อนน้ำหนักขนาดใหญ่ในอาคารเพื่อลดแรงสั่นสะเทือน เช่น ที่ตึก Taipei 101
  • Smart Materials – คอนกรีตและโลหะที่สามารถดูดซับแรงกระแทกได้ดีขึ้น

ตัวอย่างอาคารที่ใช้เทคโนโลยีนี้

  • Tokyo Skytree (ญี่ปุ่น) – ใช้ระบบดูดซับแรงสั่นสะเทือนแบบดั้งเดิมของเจดีย์ญี่ปุ่นโบราณ
  • The Salesforce Tower (สหรัฐฯ) – ใช้โครงสร้างเหล็กพิเศษที่ช่วยดูดซับแรงแผ่นดินไหว

แนวโน้มในอนาคต

วัสดุอัจฉริยะที่สามารถปรับเปลี่ยนโครงสร้างเพื่อลดแรงกระแทกอัตโนมัติ

อาคารสูงจะใช้ AI วิเคราะห์แรงสั่นสะเทือนแบบเรียลไทม์

5. AI และ Big Data สำหรับการพยากรณ์แผ่นดินไหว

การใช้งาน AI ในการคาดการณ์แผ่นดินไหว

วิเคราะห์ข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ เช่น เซ็นเซอร์แผ่นดินไหว ภาพถ่ายดาวเทียม และการเคลื่อนที่ของเปลือกโลก

ใช้ Deep Learning เรียนรู้รูปแบบของแผ่นดินไหวจากอดีต เพื่อทำนายจุดเสี่ยงในอนาคต

ตัวอย่างการใช้งานจริง

  • Google AI Earthquake Prediction – ใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลจากเซ็นเซอร์และแจ้งเตือนผ่าน Android
  • Stanford Seismic Prediction Model – แบบจำลอง AI ที่ช่วยวิเคราะห์ความเสี่ยงของแผ่นดินไหวในพื้นที่ต่าง ๆ

แนวโน้มในอนาคต

  • ระบบพยากรณ์จะแม่นยำขึ้น และสามารถแจ้งเตือนล่วงหน้าเป็นวันหรือสัปดาห์ได้

6. โดรนและหุ่นยนต์กู้ภัยแผ่นดินไหว

เทคโนโลยีที่ใช้ในการค้นหาและกู้ภัย

  • โดรนความร้อน – ใช้ตรวจหาผู้รอดชีวิตใต้ซากอาคาร
  • หุ่นยนต์งู (Snakebot) – เข้าไปในซากปรักหักพังเพื่อตรวจหาผู้ติดอยู่ข้างใน
  • Exoskeletons – ชุดเกราะพิเศษช่วยให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยยกของหนักได้ง่ายขึ้น

แนวโน้มในอนาคต

AI และระบบควบคุมอัตโนมัติจะช่วยให้หุ่นยนต์ค้นหาผู้รอดชีวิตได้เร็วขึ้น

ประเทศไทยถึงเวลาแล้วหรือไม่?
จริงจังกับ Security Technology

Logo-Company
Logo-Company
Logo-Company
logo-company
Nichaphan W.
การตลาดและประชาสัมพันธ์
element14