7UP เตรียมเรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น 15 ก.ค. นี้ เสนอให้ลดทุนชำระแล้ว ลดพาร์จาก 1 บาท เหลือ 0.50 บาท หลังลดส่วนต่ำมูลค่าหุ้น 358 ล้านบาท และ ขาดทุนสะสม 1,212 ล้านบาท ทำให้ขาดทุนสะสมคงเหลือ 55.87 ล้านบาท
นายสิทธิชัย กฤชวิวรรธน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซเว่น ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ7UP เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2563 มีมติให้ลดทุนจดทะเบียนของบริษัทฯจำนวน 2,142 ล้านบาท จากทุนจดทะเบียนเดิม 4,285 ล้านบาท เป็น ทุนจดทะเบียนใหม่ 2,142 ล้านบาท และลดทุนชำระแล้วของบริษัทจำนวน 1,514 ล้านบาท จาก ทุนชำระเดิม 3,029 ล้านบาท เป็นทุนชำระใหม่จำนวน 1,514 ล้านบาท ด้วยการลดมูลค่าที่ตราไว้ของหุ้น(พาร์) จากหุ้นละ 1 บาท เหลือ 0.50 บาท
ผลของการลดทุน เพื่อนำไปล้างขาดทุนสะสมบางส่วน ทำให้บริษัทฯมีผลขาดทุนสะสมคงเหลือจำนวน 55.87 ล้านบาท และมีโอกาสในการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นเมื่อมีกำไรสุทธิและกระแสเงินสดมากเพียงพอ ซึ่งตามนโยบายจ่ายเงินปันผลของบริษัทฯ กำหนดจ่ายที่อัตราไม่ต่ำกว่า 50% ของกำไรสุทธิ
“นับตั้งแต่กรรมการและทีมบริหารชุดปัจจุบันเข้ามาบริหารได้พยายามและทุ่มเทจนทำให้ผลประกอบการในงวดปี 2562 พลิกมีผลกำไรเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี และพยายามบริหารกิจการด้วยความระมัดระวัง และในไตรมาส 1 ของปี 2563 ยังคงรักษาความสามารถในการทำกำไร ท่ามกลางวิกฤตการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบต่อธุรกิจของบริษัทฯ บางส่วน แต่บริษัทฯสามารถบริหารจัดการ จนสร้างผลประกอบการที่ดี และเชื่อว่าผลประกอบการ 3 ไตรมาสที่เหลือ จะสามารถรักษาความสามารถในการเติบโตและการทำกำไรได้ดีอย่างต่อเนื่อง”นายสิทธิชัย กล่าว
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯจะต้องนำเสนอเรื่องการลดทุน ลดพาร์ ให้ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นพิจารณา โดยกำหนดให้จัดขึ้นในวันที่ 15 กรกฎาคม 2563 กำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิเข้าร่วมประชุม (Record date) ในวันที่ 15 มิถุนายน 2563 และวันที่ไม่ได้รับสิทธิเข้าร่วมประชุมวันที่ 12 มิถุนายน 2563
พร้อมกันนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้อนุมัติให้บริษัท เอ็นเนอร์ยี่ ฟอร์ โซไซตี้ จำกัด หรือ EPS ซึ่งเป็นบริษัทย่อย เข้าซื้อหุ้นในบริษัท พี พี แอล พาวเวอร์ จำกัด หรือ PPL ในสัดส่วน 80% ของทุนจดทะเบียน หรือ 120,000 หุ้น มูลค่า 13.2 ล้านบาท และบริษัท ไบโอเอ็นเนอร์ยี่ สตูล จำกัด หรือ BES ในสัดส่วน 80% จำนวน 208,000 หุ้น คิดเป็นมูลค่า 16.8 ล้านบาท โดยซื้อจากนายสุชาติ ตังละแม คิดเป็นมูลค่ารวม 30 ล้านบาท สำหรับแหล่งเงินลงทุนจะมาจากเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทฯ
การลงทุนดังกล่าวเป็นไปตามแผนธุรกิจของบริษัท ที่จะเข้าลงทุนโรงไฟฟ้าระบบไฮบริด เพราะทั้ง 2 บริษัท ดำเนินกิจการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพในภาคใต้ ซึ่งจะสร้างรายได้และผลกำไรให้กับบริษัทฯในระยะยาว เนื่องจากโครงการโรงไฟฟ้า PPL คาดว่าจะสร้างผลตอบแทนจากการลงทุน 26.48% และ โรงไฟฟ้า BES จะสร้างผลตอบแทนลงทุน 16.56%