สหภาพยุโรป (EU) เตรียมบังคับใช้มาตรการ ‘CBAM’ ควบคุมการนำเข้าสินค้าที่มีการปล่อยคาร์บอนในปริมาณมากจากการผลิต โดยจะเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2023 เป็นต้นไป
- 7 ประเทศยุโรปร่วมพัฒนาโครงการรีไซเคิลใบพัดกังหันลม
- อุตสาหกรรมการผลิตเยอรมนีทรุดหนักกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้
- สหภาพยุโรปกำหนดวัน เตรียมผู้ผลิตเปลี่ยนมาใช้ USB-C ในปี 2024
‘CBAM’ หรือ Carbon Border Adjustment Mechanism นั้นเป็นมาตรการสำคัญที่สหภาพยุโรปใช้ในการกำหนดราคาที่ยุติธรรมสำหรับสินค้านำเข้าที่มีการปล่อยคาร์บอนออกมาสูงในระหว่างการผลิต และเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมการผลิตให้มีความยั่งยืนมากขึ้นในประเทศที่ไม่ได้อยู่ในสหภาพยุโรป
โดยสำหรับในช่วงเฟสแรกนั้น CBAM จะมีผลบังคับใช้ในช่วงเปลี่ยนผ่านตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2023 ไปจนถึงวันที่ 31 มกราคม 2024 และจะควบคุมสินค้านำเข้าอย่างซีเมนต์ เหล็ก เหล็กกล้า อะลูมิเนียม ปุ๋ย พลังงานไฟฟ้าและไฮโดรเจน
ในระหว่างช่วงเวลานี้ผู้ที่ทำการนำเข้าสินค้าที่มีการควบคุมจะต้องรายงานการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งทางตรงและทางอ้อมที่เกิดจากการนำเข้าเท่านั้น โดยยังไม่ต้องมีการปรับเปลี่ยนหรือชำระเงินใด ๆ เกิดขึ้น ซึ่งหลังจากหมดเฟสทดลองลงแล้วก็คาดว่ามาตรการแบบถาวรจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มกราคม 2026
ผู้ประกอบการหลายแห่งกังวลผลกระทบจาก CBAM
ปัจจุบันผลสำรวจจากภาคอุตสาหกรรมในส่วนต่าง ๆ ของประเทศเยอรมนีต่างก็เกิดข้อกังวลจากมาตรการนี้ โดยบริษัทกว่า 60% กลัวผลกระทบเชิงลบที่อาจส่งผลความสามารถในการแข่งขันของบริษัท และมีบริษัทเพียง 18% ที่คาดว่าจะเกิดผลกระทบในเชิงบวกขึ้น ซึ่งบริษัทอีกส่วนนึงยังคาดว่ามาตรการนี้จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในห่วงโซ่อุปทาน
การเข้ามาของมาตรการ CBAM นั้นจะช่วยให้สหภาพยุโรปสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงและสนับสนุนการลดการปล่อยคาร์บอนของภาคอุตสาหกรรมทั้งในและนอกสหภาพยุโรปได้ ซึ่งในอนาคตมาตรการเหล่านี้ก็จะกลายมาเป็นมาตรฐานสากลที่สำคัญที่โรงงานทั่วโลกจะต้องให้ความใส่ใจ ดังนั้นโรงงานในประเทศไทยเองก็ต้องรีบเตรียมพร้อมและจะรอช้ากับเรื่องนี้ไม่ได้เช่นกันครับ
ที่มา : European Commission
