ในวันที่ 4 ตุลาคมที่ผ่านมาสภากทม.เห็นชอบญัตติเรื่องรถโดยสารประจำทางพลังงานไฟฟ้า เดินหน้าสู่เป้าหมายสร้างกรุงเทพฯ เมืองไร้มลพิษหรือร่างกฎหมายรถเมล์อนาคตด้วยคะแนนเสียงเอกฉันท์ 30 : 0
- Toyota เตรียมใช้สายการผลิตแบบใหม่สำหรับรถยนต์ EV
- รัฐบาลจีนไฟเขียว ‘ฉางอัน’ ตั้งฐานผลิต EV ในไทย ตั้งเป้า 1 แสนคัน/ปี
- Nissan นับถอยหลัง เตรียมเลิกขายรถยนต์สันดาปทั้งหมดในยุโรปภายในปี 2030
โดยข้อญัตตินี้จะทำให้รถเมล์ทั้งหมดที่ทำการวิ่งภายในเขตกทม.จะต้องเปลี่ยนเป็นรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ภายในระยะเวลา 7 ปีนับจากนี้เพื่อบรรลุเป้าหมายการลดฝุ่นละออง PM 2.5 ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและช่วยมอบคุณภาพอากาศที่ดียิ่งขึ้นให้แก่ประชาชนคนไทย
ในปัจจุบันกรุงเทพมหานครมีปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ทวีความรุนแรงขึ้นเป็นลำดับ สืบเนื่องจากสภาวะโลกร้อนที่เกิดขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะมลพิษทางอากาศที่มาจากสารมลพิษที่ปล่อยออกจากรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์แบบจุดระเบิดด้วยการอัดหรือแบบสันดาปภายใน สภากทม.จึงเห็นควรให้มีมาตรการกำหนดให้รถโดยสารประจำทางปรับปรุงเป็นรถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าซึ่งเป็นพลังงานสะอาด ไม่ส่งผลกระทบต่อมลภาวะทางอากาศ และสอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาทางเทคโนโลยีของรถยนต์ทั่วโลก
ภัทราภรณ์ เก่งรุ่งเรืองชัย ส.ก.เขตบางซื่อ พรรคก้าวไกล หนึ่งในผู้ผลักดันข้อบัญญัตินี้ได้กล่าวในที่ประชุมสภา กทม. ว่า ข้อบัญญัติรถเมล์อนาคต จะอยู่กับลูกหลานของคนกรุงเทพฯ ไปอีกหลายสิบปี เป็นหลักประกันว่าแหล่งกำเนิดฝุ่น PM 2.5 จากรถเมล์สาธารณะจะต้องลดลง และหากรัฐบาลรับลูกการส่งเสริมรถไฟฟ้าอย่างจริงจัง จะทำให้เกิดการจ้างงานอย่างมหาศาล สามารถดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ พร้อมกับส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยได้โชว์ผลงาน โดยมีกรุงเทพมหานครเป็นผู้ปักธงในสนามแรก
ญัตติรถโดยสารประจำทางพลังงานไฟฟ้าที่จะเกิดการเปลี่ยนผ่านใน 7 ปีข้างหน้านี้จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ที่อาศัยอยู่ในจังหวัดกรุงเทพมหานครได้เป็นอย่างดีและยังสามารถช่วยสร้างความเปลี่ยนแปลงในระยะยาวให้แก่มาตรฐานการเลือกใช้รถเมล์ในจังหวัดอื่น ๆ ทั่วประเทศไทยในอนาคตได้อีกด้วย ถือเป็นก้าวแรกของประเทศไทยและสภา กทม. ที่จะเดินหน้าไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน
ข้อมูเพิ่มเติม : สภากรุงเทพมหานคร