Smart Building ความยั่งยืนครบมิติที่ก้าวไปไกลกว่าเรื่องพลังงาน

Date Post
18.10.2023
Post Views

เมื่อพูดถึงการบริหารจัดการอาคารแล้วหลายคนอาจนึกถึงระบบไฟฟ้า งานโครงสร้าง ความสะอาด และสิ่งที่เป็นเทรนด์ที่มาแรงที่สุดอย่างเรื่องพลังงาน แต่ด้วยการเปลี่ยนแปลงไปของสภาพเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมในปัจจุบันทำให้การบริหารจัดการอาคารในยุคสมัยใหม่นั้นมีความซับซ้อนและมีมิติที่ต้องคำนึงถึงแตกต่างออกไปจากเดิมอย่างมาก

ต้นทุน ทรัพยากร และความยั่งยืน ปัจจัยที่ต้องขบคิดสำหรับงานอาคารยุคใหม่

ในการบริหารจัดการอาคาร ไม่ว่าจะโรงงานอุตสาหกรรม ที่พักอาศัย หรืออาคารสำนักงานต่างก็มีความยุ่งยากซับซ้อนแตกต่างกันไปตามธุรกิจ เช่น การควบคุมคนเข้าออกอาคารสถานที่ รูปแบบความปลอดภัย และกิจกรรมในอาคาร ตลอดจนการระบายอากาศต่าง ๆ ที่ต้องให้น้ำหนักและมีการออกแบบที่แตกต่างกันไป ในขณะเดียวกันก็มีงานอีกไม่น้อยที่เหมือนกันแต่แตกต่างกันที่รายละเอียดยิบย่อย เช่น การบริหารจัดการพลังงาน งานระบบอาคาร งานด้านความปลอดภัย แสงไฟและความสว่าง ฯลฯ

  หลายครั้งการแก้ปัญหาในงานอาคารนั้นจะดำเนินการได้ก็ต่อเมื่อเกิดการลุกลามหรือเกิดผลกระทบขึ้นแล้ว ซึ่งมักจะตามมาด้วยการแก้ไขปัญหาที่ลำบากและซับซ้อนมากยิ่งขึ้น นำไปสู่ต้นทุนที่ใช้แก้ปัญหาที่อาจเกินความจำเป็น ในการแก้ปัญหาแบบดั้งเดิมหากไม่สามารถระบุสาเหตุที่มาได้อย่างชัดเจนก็อาจจะต้องลองผิดลองถูกในการแก้ปัญหา ยกตัวอย่างเช่น ระบบทำความเย็นอาคาร หรือการรั่วไหลในระบบท่อต่าง ๆ ที่อาจจะจบงานได้ยาก ตลอดจนปัญหาด้านพลังงานที่สูงเกินความเป็นจริง เป็นต้น ซึ่งในระยะสั้นปัญหาเหล่านี้อาจไม่ก่อให้เกิดมูลค่าความสูญเสียที่มองเห็นได้ชัดนัก แต่หากพิจารณาให้ดีแล้วต้นทุนและทรัพยากรที่ใช้แก้ปัญหาอาจมีมูลค่าสูงกว่าการแก้ปัญหาที่แท้จริงหากกินระยะเวลายาวนาน ในท้ายที่สุดมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นจะส่งผลต่อต้นทุนของอาคารเป็นจำนวนมหาศาล หากพิจารณาระยะเวลาประกอบกับปัญหาที่เกิดขึ้นต่อเนื่องทั้งที่รับรู้ว่ามีและปัญหาที่เกิดขึ้นแล้วแต่มองไม่เห็น 

หากเป็นอาคารที่พักอาศัยขนาดเล็กอย่างบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ หรือโฮมออฟฟิศ ปัญหาอาจแก้ได้ง่าย แต่ถ้าเป็นอาคารสำนักงานขนาดใหญ่ ที่พักอาศัยความหนาแน่นสูง หรือโรงงานอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจที่ต้องมีการประเมินความยั่งยืนตามแนวทางของธุรกิจสมัยใหม่ การปล่อยให้มีความสูญเปล่าเกิดขึ้นจะส่งผลต่อการประเมิน ต้นทุน และในกรณีที่เลวร้ายที่สุด คือ ส่งผลกระทบต่อ Stakeholder ที่ใช้พื้นที่ด้วย ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของความปลอดภัย ความเป็นอยู่ และเรื่องของสุขภาพ ซึ่งในท้ายที่สุดแล้วเจ้าของอาคารอาจต้องมีการจ่ายเงินชดเชยหรือเยียวยาผู้เกี่ยวข้องหากเกิดผลกระทบใด ๆ ก็ตามขึ้นมา

แต่ด้วยเทคโนโลยียุคใหม่ที่ทำให้สามารถเข้าถึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ และชัดเจน ด้วยการใช้งานเซนเซอร์ร่วมกับอุปกรณ์ต่าง ๆ ทำให้สามารถติดตามข้อมูลที่เกิดขึ้นได้แบบ Real-time และมีความชัดเจน จึงสามารถระบุที่มาของปัญหาหรือคาดการณ์แนวโน้มได้โดยไม่ก่อให้เกิดความสูญเปล่าขึ้น เทคโนโลยียุคใหม่จึงมีส่วนสำคัญอย่างมากสำหรับงานด้านอาคารสถานที่

‘Smart Building’ เส้นทางแห่งการบริหารจัดการทรัพยากรที่วัดผลความยั่งยืนได้ชัดเจน

จากข้อมูลของ UNEP พบว่า 36% ของพลังงานที่ใช้ไปทั่วโลกนั้นเกี่ยวข้องกับการก่อสร้างและการทำงานของอาคาร ในขณะที่ 39% ของพลังงานและกระบวนการที่เกี่ยวข้องปลดปล่อย CO2 เทรนด์หลักของอาคารอัจฉริยะยุคใหม่จึงให้ความสำคัญกับเรื่องพลังงานเพื่อที่จะลดการปลดปล่อยคาร์บอนออกสู่สิ่งแวดล้อม ซึ่งการหันมาใช้พลังงานสะอาดหรือพลังงานทางเลือกเป็นส่วนสำคัญที่จะสร้างความยั่งยืนให้กับอาคารเพื่อลดกระบวนการสร้างคาร์บอนของอาคาร

ในความเป็นจริงแล้วการปลดปล่อยคาร์บอนนั้นเกิดจากการบวนการทำงานต่าง ๆ ที่ต้องใช้พลังงานเป็นส่วนขับเคลื่อน ซึ่งกระบวนการเหล่านั้นเองนอกจากจะสร้างคาร์บอนจากการใช้พลังงานแล้วในกระบวนการของตัวเองก็ยังก่อให้เกิดคาร์บอนได้อีกด้วยเช่นกัน อาทิ ระบบปรับอากาศ การส่องสว่างในพื้นที่ ระบบบำบัดต่าง ๆ ตลอดจนพฤติกรรมของผู้เกี่ยวข้องภายในอาคาร การติดตามข้อมูลที่เกิดขึ้นทั้งหมดจึงเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ ‘Smart Building’ เป็นมากกว่าเทรนด์ที่มาแล้วจากไป เพื่อให้สามารถประเมินและควบคุมความสูญเปล่าที่เกิดขึ้นได้ในอาคารทั้งหมดอย่างเป็นรูปธรรม

เพื่อเข้าถึงข้อมูลทุกส่วนที่เกี่ยวข้องกับอาคารได้อย่างทั่วถึง การนำเทคโนโลยี Digital Twin มาประยุกต์ใช้กับการบริหารจัดการอาคารจะสามารถสร้างผลลัพธ์ที่วัดผลได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการแสดงข้อมูลแบบ Real-time ไปจนถึงการคาดการณ์ล่วงหน้าถึงความบกพร่องที่อาจเกิดขึ้นจากระบบ ไปจนถึงงานด้านการรักษาความปลอดภัยอาคาร เรียกได้ว่าตั้งแต่ระดับโครงสร้างพื้นฐานไปจนถึงการจัดการพลังงานในแต่ละกิจกรรมภายในอาคารได้เป็นอย่างดี ด้วยการ Optimization บนพื้นฐานของทรัพยากรเดิมที่มีอยู่ ไปจนถึงการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างหรือระบบที่มีแนวโน้มจะเกิดความเสียหาย เช่น การปรับอุณหภูมิห้องให้สอดคล้องกับภายนอก หรือการเปิดปิดระบบส่องสว่างอัตโนมัติเมื่อไม่มีผู้ใช้งาน ไปจนถึงการตรวจสอบความแข็งแรงของโครงสร้างสำคัญอย่างลิฟท์โดยสาร ด้วยการแสดงผลเป็นตัวเลข มีการบันทึกข้อมูลกิจกรรมที่เกิดขึ้นพร้อมความสามารถในการตรวจสอบย้อนหลัง การบริหารจัดการทั้งหมดจึงเกิดขึ้นได้อย่างเป็นรูปธรรม

ความสามารถในการบริหารจัดการบนพื้นฐานของข้อมูลที่มีความแม่นยำ ทั้งด้านพลังงาน การตรวจสอบสถานภาพความพร้อมต่าง ๆ ไปจนถึงการปรับตัวเข้ากับพฤติกรรมผู้ใช้งานอาคารทำให้ Smart Building กลายเป็นฟันเฟืองสำคัญในการสร้างความยั่งยืนสำหรับธุรกิจด้านอาคาร ทั้งเรื่องต้นทุน Stakeholder และความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมโดยรวม ให้สอดคล้องกับทิศทางของโลกในระดับสากลที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม และทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด

พบกับโซลูชันด้านการบริหารจัดการอาคารเพื่อการแข่งขันในธุรกิจยุคใหม่ในงาน THAILAND BUILDING FAIR ณ ไบเทคบางนา วันที่ 1 – 3 พฤศจิกายน 2566 ที่บริเวณฮอลล์ 103 ลงทะเบียนเข้าร่วมงานฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย เพื่อเข้าถึงโอกาสและศักยภาพใหม่ในการบริหารอาคารก่อนใคร! ลงทะเบียนได้ที่ >> https://bit.ly/3sx10CP

Logo-Company
Logo-Company
Logo-Company
logo-company
Thossathip Soonsarthorn
"Judge a man by his questions rather than his answers" Voltaire