ภาพที่หลาย ๆ คนอาจจะนึกถึงเมื่อเราพูดถึงหุ่นยนต์อาจจะเป็นการทำงานในโรงงานใหญ่ ๆ เป็นหลัก แต่ที่จริงแล้วข้อดีจากการใช้งานหุ่นยนต์นั้นยังสามารถนำมาช่วยเหลือผู้คนในชีวิตประจำวันและทางการแพทย์ได้เหมือนกันครับ
วันนี้ Modern Manfacturing ได้ไปพบกับบทความบนเว็บไซต์ BBC ที่ยกเคสตัวอย่างของการนำหุ่นยนต์ที่มีความแม่นยำและความละเอียดสูง ในการเข้ามาช่วยทำการผ่าตัดผู้ป่วยโรคมะเร็งในโรงพยาบาล ซึ่งสามารถช่วยได้ทั้งหมอและผู้ป่วยไปพร้อม ๆ กันเลยครับ
- ใกล้เคียงมนุษย์ไปอีกขั้น ผิวหนังมีชีวิตบนนิ้วหุ่นยนต์ !
- กล้ามเนื้อเทียมในหุ่นยนต์ ยืดหยุ่นและทรงพลังในเครื่องเดียว
- หุ่นยนต์สามารถทำการผ่าตัดผ่านกล้องได้ด้วยตัวเองโดยไม่มีมนุษย์ช่วยเป็นครั้งแรก
ปัจจุบันแพทย์ผ่าตัดในโรงพยาบาล Addenbrooke เมือง Cambridge ประเทศอังกฤษ ได้มีการนำหุ่นยนต์เข้ามาช่วยทำการผ่าตัดกำจัดเซลล์เนื้อเยื่อมะเร็งให้กับผู้ป่วยโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก ซึ่งด้วยความละเอียดและแม่นยำของหุ่นยนต์นั้น ทำให้แผลจากการผ่าตัดมีขนาดเล็กลง และยังทำให้ผู้ป่วยเสียเลือดน้อยลงและเกิดความเจ็บปวดน้อยลงอีกด้วย
ลดเวลาพักฟื้นหลังผ่าตัดให้เหลือเพียง 1 คืนเท่านั้น
และอีกหนึ่งในข้อได้เปรียบของการนำหุ่นยนต์เข้ามาใช้ในการผ่าตัด ก็คือการลดเวลาที่ผู้ป่วยต้องใช้เพื่อพักฟื้นหลังจากการผ่าตัด ให้ลดลงได้เป็นอย่างมากนั่นเอง จากปกติแล้วหลังการผ่าตัดในแต่ละครั้ง ผู้ป่วยอาจจะต้องใช้เวลาประมาณ 4-5 วันในการอยู่พักฟื้นและรอดูอาการที่โรงพยาบาล แต่การใช้หุ่นยนต์เข้ามาช่วยผ่าตัดจะทำให้ผู้ป่วยจำเป็นต้องอยู่รอดูอาการเพียงแค่ 1 คืนเท่านั้นในโรงพยาบาล
แน่นอนว่าท้ายที่สุดผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของการผ่าตัดก็คือเหล่าแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ที่มีการสั่งสมประสบการณ์มาอย่างยาวนาน แต่การใช้หุ่นยนต์ที่มีความแม่นยำและละเอียดอ่อนสูง ก็ต้องมีการนำเทคโนโลยีมากมายทั้งกล้อง 3 มิติ 3D Vision, แขนกลพร้อมอุปกรณ์ที่มีความยืดหยุ่นในการควบคุมและขยับไปมา, ระบบซอฟต์แวร์และคอนโซลในการควบคุมมาเป็นส่วนประกอบในการทำงาน
เทคโนโลยีเหล่านี้ต่างก็เป็นอีกหนึ่งในส่วนสำคัญที่ได้รับการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องคู่กับยุคสมัยที่ผ่านไป และเป็นส่วนที่ขาดไปไม่ได้เช่นกันในการนำมาช่วยเพิ่มโอกาสในการผ่าตัดสำเร็จ ให้เพิ่มขึ้นได้อย่างมหาศาล
ความสำเร็จที่เชื่อถือได้ จากการใช้งานจริงกว่า 3,000 เคส !
ในปัจจุบันมีการใช้งานหุ่นยนต์ในการผ่าตัดต่อมลูกหมากเกิดขึ้นแล้วกว่า 3,000 ครั้ง ซึ่งในแต่ละเคสก็ถือได้ว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก และช่วยแก้ปัญหาจำนวนการใช้เตียงในโรงพยาบาลให้ลดลงได้เป็นอย่างดีจากการที่ผู้ป่วยสามารถฟื้นตัวและกลับบ้านได้เร็วขึ้นหลังเสร็จสิ้นการผ่าตัด
การพัฒนาเทคโนโลยีระบบต่าง ๆ ของหุ่นยนต์ให้เกิดความก้าวหน้าขึ้นนั้น จะสามารถทำให้หุ่นยนต์สามารถก้าวเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันและในอาชีพของมนุษย์ได้มากขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะในด้านการแพทย์ การเกษตร หรืออุตสาหกรรมการผลิตและแปรรูปต่าง ๆ ซึ่งสุดท้ายแล้วในอนาคตข้างหน้า การใช้งานหุ่นยนต์จะก้าวเข้ามามีส่วนในชีวิตประจำวันของมนุษย์มากขึ้นขนาดไหนนั้น ก็คงจะเป็นเรื่องที่พวกเราทุกคนคงจะต้องจับตารอดูกันต่อไปครับ