ท่ามกลางความขาดแคลนทรัพยากร ปัญหาสิ่งแวดล้อม และความต้องการเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพสูงยิ่งขึ้น แนวคิดด้าน ‘ความยั่งยืน’ จึงถูกออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วโดยคำนึงถึงธุรกิจและชีวิตในระยะยาว โดย Quality Solution ที่ใช้ในการตรวจสอบคุณภาพถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่ใช้สร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจและสิ่งแวดล้อมได้อย่างเห็นผลชัดเจน ทั้งในแง่มุมของผู้บริโภคและในมุมมองด้านธุรกิจ
ข้อมูลจาก Deloitte สหราชอาณาจักร ในการสำรวจเกี่ยวกับความยั่งยืนพบว่าผู้บริโภคให้ความสำคัญกับคุณสมบัติที่เป็นกลางทางคาร์บอน, การผลิตจากวัสดุธรรมชาติหรือทรัพยากรหมุนเวียน, มีการใช้พลังงานที่น้อยลง, สามารถซ่อมแซมได้ง่าย, มีความทนทานในการใช้งานระยะยาว และมีการผลิตที่รับผิดชอบต่อสังคม เช่น สิทธิมนุษยชนในที่ทำงาน ในขณะเดียวกันก็คาดหวังให้องค์กรธุรกิจมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และมีซัพพลายเชนที่รับผิดชอบต่อธรรมชาติ
จะเห็นได้ว่า ‘ความยั่งยืน’ นั้นไม่ได้เป็นเพียงเทรนด์ที่เกิดขึ้นและจะผ่านพ้นไปในไม่ช้า แต่ความยั่งยืนนั้นเกิดขึ้นเพื่อรักษาทรัพยากรและสภาพแวดล้อมที่จำเป็นต่อการดำรงอยู่ของมนุษย์ จากข้อมูลแบบสอบถามของ Deloitte สามารถสะท้อนการตื่นตัวของผู้บริโภคส่วนหนึ่งได้เป็นอย่างดี ซึ่งเป็นผลจากการที่ประเทศต่าง ๆ และองค์กรนานาชาติต่างให้ความสำคัญในประเด็นของสิ่งแวดล้อมเป็นลำดับต้น ๆ เห็นได้จากข้อตกลงปารีสที่มีประเทศร่วมลงนามกว่า 196 ประเทศ เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาสภาพแวดล้อม ในขณะที่บางประเทศตั้งเป้ากำจัดการปลดปล่อยมลภาวะ เช่น สหรัฐอเมริกาตั้งเป้ากำจัดการปลดปล่อย CO2 ภายในปี 2050 เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการประเมินนโยบายและการดำเนินการด้านสิ่งแวดล้อมซึ่งเป็นหลักเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ต่าง ๆ อีกด้วย
แน่นอนว่าไม่ได้มีเพียงข้อกำหนดหรือข้อบังคับเท่านั้น แต่ยังมีนโยบายสำหรับการสนับสนุนทั้งผู้บริโภคและผู้ผลิตด้วยเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น การอุดหนุนส่วนลดการเป็นเจ้าของ EV และการลดภาษีสำหรับผู้บริโภค ในขณะที่ผู้ผลิตเองมีการยกเว้นอากรศุลกากรสำหรับรถยนต์นั่ง รถยนต์โดยสาร ที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน และรถยนต์กระบะ BEV ที่ประกอบหรือผลิตในเขตปลอดอากรที่กำหนด การผลักดันเหล่านี้จะก่อให้เกิดการบริโภคสินค้าและบริการที่เป็นไปตามนโยบายความยั่งยืนมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ในความเป็นจริงแล้วการดำเนินนโยบายด้านความยั่งยืนนั้นส่งผลดีต่อธุรกิจมากกว่าผู้บริโภคเสียอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของการควบคุมคุณภาพที่สร้างความแตกต่างได้อย่างชัดเจนในหลากหลายมิติ
3 เหตุผลที่ Quality Solution เป็นทางออกของการผลิตยุค ‘ความยั่งยืน’
ขั้นตอนการควบคุมคุณภาพนั้นถือเป็นขั้นตอนสำคัญในธุรกิจการผลิตไม่แตกต่างไปจากขั้นตอนอื่น ๆ ภายใต้ยุคสมัยที่เทคโนโลยีดิจิทัลเฟื่องฟูอย่างในปัจจุบัน ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์จึงกลายเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งในเครื่องมืออุปกรณ์หลากหลายชนิด ซึ่งอุปกรณ์เหล่านี้ต้องการความแม่นยำในระดับสูงสำหรับการทำงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุปกรณ์ที่ใช้ในการควบคุมพลังงานและบริหารจัดการสิ่งต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น IoT, IIoT, EV, แขนกล ไปจนถึงถึงอุปกรณ์การแพทย์ เช่น Pacemaker หรือเครื่องช่วยฟัง สิ่งเหล่านี้นอกจากจะต้องการความแม่นยำในการทำงานแล้วยังต้องการความปลอดภัยระดับสูงในเวลาเดียวกันอีกด้วย
ความต้องการด้านการควบคุมคุณภาพหรือ Quality Solution ไม่ได้เพียงส่งมอบสินค้าที่มีคุณภาพเท่านั้น แต่ยังส่งผลลัพธ์ในด้านอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านของความยั่งยืนที่จำเป็นต้องอาศัยเทคโนโลยีรุ่นใหม่ในการผลักดันให้เกิดขึ้น ซึ่งผลลัพธ์ที่น่าสนใจในการใช้งาน Quality Solution ที่ทรงประสิทธิภาพกับธุรกิจ ได้แก่
1. ลดต้นทุนอย่างเป็นรูปธรรม
Quality Solution สมัยใหม่ที่มีการทำงานแบบ Real-Time สามารถแจ้งเตือนหรือตรวจจับความผิดพลาดของชิ้นงานที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ทำให้สามารถลดโอกาสที่จะเกิดความผิดพลาดในการผลิตทั้งแบตช์ ความสูญเปล่าจากการทำงานที่ผิดพลาดที่เกิดขึ้นกับวัตถุดิบจึงถูกแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่มาพร้อมกับคุณสมบัติ M2M (Machine to Machine), IIoT และการใช้งาน Big Data สามารถลดเวลาที่ใช้ในการเตรียมการและการดำเนินงานตรวจคุณภาพ ทั้งยังสะดวกต่อการนำข้อมูลที่ได้ไปต่อยอดใช้งานได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย
2. สร้างการเติบโตให้กับธุรกิจ
การผลิตสินค้าโดยปราศจากของเสีย ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า และการใช้พลังงานในระดับที่เหมาะสมนั้นเป็นการดำเนินการที่สอดคล้องไปกับแนวคิดด้านความยั่งยืน ยกตัวอย่างเช่น การลดเวลาที่ใช้ในการทำงานซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อ Stakeholder ในโรงงานอย่างแรงงาน เช่น ความเหนื่อยล้าและลดโอกาสเกิดอุบัติเหตุลงได้ในเวลาเดียวกัน เมื่อการผลิตมีคุณภาพและผ่านการประเมินตามนโยบายแล้ว ภาครัฐหรือหน่วยงานต่าง ๆ จะสามารถอนุมัติการสนับสนุนตามนโยบายที่กำหนดได้ ยกตัวอย่างเช่น กระบวนการทางภาษี หรือการออกใบรับรองมาตรฐาน เป็นต้น การเติบโตที่เกิดขึ้นจากนโยบายเหล่านี้นอกจากจะส่งผลกับตัวเงินแล้วยังเป็นเครื่องมืออีกชิ้นที่ใช้รับประกันและสร้างภาพลักษณ์ที่น่าไว้ใจให้กับผู้บริโภคได้อีกด้วย
3. ส่งต่อคุณค่าด้านความยั่งยืนให้ผู้บริโภคมีส่วนร่วม
ท่ามกลางภัยธรรมชาติที่ทุกคนสัมผัสได้ ผู้บริโภคจำนวนไม่น้อยที่ต้องการมีส่วนร่วมในกระบวนการความยั่งยืนและหนึ่งในวิธีที่ทำได้ไม่ยาก คือ การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่สนับสนุนความยั่งยืนนั่นเอง หนึ่งในตัวอย่างที่เห็นได้ชัดและเกิดขึ้นแล้วในประเทศไทย คือ การใช้งานยานยนต์ไฟฟ้าที่ขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่ง Quality Control ที่ดีจะช่วยควบคุมคุณภาพการผลิต การประกอบ และความปลอดภัยให้กับผู้บริโภค สร้างความมั่นใจให้กับชุมชนผู้ใช้งาน ในทางกลับกันหากงานประกอบไม่เรียบร้อย เสียบ่อย นอกจากจะลดโอกาสการเข้ามาของลูกค้ารายใหม่แล้วความเชื่อใจของลูกค้ารายเก่าก็จะสูญเสียไป ภาพลักษณ์ของแบรนด์และสินค้าจากความเชื่อมั่นอาจกลายเป็นแบรนด์ที่ผู้บริโภครู้สึกว่าต้องอยู่ให้ห่างเข้าไว้
เพื่อให้สามารถทำการผลิตได้โดยสอดคล้องและส่งต่อคุณค่าความยั่งยืนไปยังผู้บริโภคได้ เทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างเทคโนโลยีดิจิทัลนั้นมีความสามารถในการสร้างความโปร่งใส ความรวดเร็ว และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานจึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของ Quality Solution ที่เป็นเครื่องมือในการควบคุมความสูญเปล่าในสายการผลิตไปพร้อม ๆ กับสร้างความเชื่อมั่นและส่งเสริมการมีส่วนร่วมในนโยบายด้านความยั่งยืน เพื่อให้เทคโนโลยีในการตรวจสอบคุณภาพสามารถส่งเสริมการเติบโตธุรกิจได้อย่างยั่งยืน ZEISS ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีออปติคอลในการผลิตจึงได้พัฒนาโซลูชัน Quality Control ที่หลากหลายในระดับพรีเมียมขึ้นมาเพื่อโลกใบนี้ที่กำลังเปลี่ยนแปลงไป
ส่งต่อคุณค่าความยั่งยืนของแบรนด์ด้วย Quality Solution จาก ZEISS
ZEISS เป็นผู้นำในด้านเทคโนโลยีออปติคอลที่มีตัวแทนอยู่มากกว่า 50 ประเทศทั่วโลก มีสิทธิบัตรในครอบครองกว่า 9,800 ฉบับ พัฒนานวัตกรรมเพื่อรองรับ 4 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ เทคโนโลยีการผลิตเซมิคอนดักเตอร์, คุณภาพและงานวิจัยสำหรับภาคอุตสาหกรรม, เทคโนโลยีด้านการแพทย์ และตลาดผู้บริโภค โดยเน้นย้ำไปที่การยกระดับผลิตภัณฑ์ด้วยเครื่องมือและโซลูชันระดับพรีเมียม
Quality Solution จาก ZEISS นั้นถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลามากกว่า 176 ปี โดยมีหัวใจสำคัญอยู่ที่เทคโนโลยีกลุ่มออปติคอล โดยในปัจจุบัน ZEISS เข้าใจถึงความต้องการใช้งานอุปกรณ์เพื่อการผลิตที่มีคุณภาพสูง ไม่ว่าจะเป็นเซมิคอนดักเตอร์ อุปกรณ์การแพทย์ อุตสาหกรรมยานยนต์ ไปจนถึงกล้องถ่ายรูป จึงเกิดเป็นโซลูชันที่หลากหลายสำหรับแต่ละอุตสาหกรรมขึ้นมา ด้วยการผสมผสานความเชี่ยวชาญเดิมในงานด้านตรวจสอบคุณภาพเข้ากับเทคโนโลยีดิจิทัลที่เพิ่มความคล่องตัวในการดำเนินการ จึงสามรถลดการใช้ทรัพยากร และสร้างความโปร่งใสได้ในทุกกระบวนการสำหรับเทคโนโลยีที่ถูกพัฒนาขึ้น อาทิ
ZEISS eMobility Solution ที่สนับสนุนการผลิต New Energy Vehicle (NEV) ด้วยเครื่อง CMM อัจฉริยะที่ทำให้การผลิตชิ้นส่วนสำคัญที่สุดของยานยนต์ไฟฟ้าอย่างแบตเตอรี่เกิดความปลอดภัยในระดับสูงสุด การใช้พลังงานใหม่สำหรับยานยนต์จึงเกิดขึ้นได้อย่างยั่งยืนจากการที่มีคุณภาพเป็นพื้นฐาน
EUV Lithography เทคโนโลยีสำหรับการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์โดยเฉพาะ อย่างชิปเซมิคอนดักเตอร์ขนาดเล็กที่เป็นส่วนสำคัญในโลกยุคใหม่ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Semiconductor Manufacturing Technology (SMT) โดยให้ความสำคัญกับการใช้พลังงานที่น้อยลงในขณะที่เพิ่มความละเอียดในการทำงานเพื่อรองรับเทคโนโลยีที่จะเกิดขึ้นใหม่ในอนาคตได้เป็นอย่างดี
การพัฒนา AR สำหรับการใช้งานเทคโนโลยีกลุ่ม SMT ให้มีความสะดวกรวดเร็วเพื่อสนับสนุนการใช้งาน ด้วยการใช้พื้นที่เสมือนจึงสามารถเชื่อมต่อผู้เชี่ยวชาญเพื่อทำการสนับสนุนในกิจกรรมที่ต้องการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ต้องกังวลกับสถานการณ์จริงที่เกิดขึ้นหน้างานอีกต่อไป ลดระยะเวลาในการดำเนินการ แก้ปัญหา และการเดินทางที่ต้องเกิดขึ้นในการบริการแบบเดิมที่เคยมีมา
ZEISS 3D ManuFACT โซลูชันพิเศษที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อตรวจสอบชิ้นงาน 3 มิติที่มีการผลิตและความซับซ้อนแตกต่างจากวิธีดั้งเดิม (Subtractive) ครอบคลุมตั้งแต่ผงวัสดุไปจนถึงชิ้นงานที่ผลิตเสร็จแล้ว สามารถวิเคราะห์องค์ประกอบวัตถุดิบ การอบความร้อน การนำชิ้นส่วนค้ำยันออก ไปจนถึงการตรวจพื้นผิวและความผิดพลาด ฯลฯ
ZEISS CALYPSO ซอฟต์แวร์อัจฉริยะที่ใช้ในการบริหารจัดการเซลล์สำหรับการผลิตด้วย EDM เปลี่ยนขั้นตอนการทำงานให้เป็นระบบอัตโนมัติ เพิ่มระยะเวลาการทำงานจากระบบเดิมที่ใช้แรงงานเพื่อติดตั้งและเตรียมชิ้นงานที่มีระยะเวลาการทำงานปีละ 1,000 ชั่วโมง สู่เวลาในการผลิตที่เพิ่มขึ้นมากถึง 5,600 ชั่วโมง ด้วยเซลล์ EDM อัตโนมัติเต็มรูปแบบที่ประกอบไปด้วย ZEISS DuraMax, ZEISS CALYPSO Preset และ Job Manager
เทคโนโลยีและโซลูชันที่ ZEISS นั้นได้พัฒนาขึ้นมาสามารถตอบสนองต่อความยั่งยืนของผู้ผลิตและส่งต่อคุณค่าเหล่านั้นให้กับผู้บริโภคด้วยความแตกต่างด้านคุณภาพซึ่งโดดเด่นขึ้นมา ในขณะเดียวกันองค์กรของ ZEISS เงอก็ได้ให้ความสำคัญกับการเลือกใช้ทรัพยากรในการผลิต ไม่ว่าจะเป็นการใช้วัตถุดิบรีไซเคิล การควบคุมและบริหารจัดการพลังงาน ไปจนถึงทรัพยากรน้ำที่เกี่ยวข้อง เรียกว่ารับประกันการส่งต่อความยั่งยืนตั้งแต่การผลิตเครื่องจักรและเครื่อมือ ไปจนถึงการผลิตชิ้นส่วนหรืออุปกรณ์สำหรับผู้บริโภคตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำได้ครบถ้วน
การที่ผู้ผลิตจะเปลี่ยนมาใช้เทคโนโลยีที่สนับสนุนให้เกิดความยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นด้านพลังงาน ทรัพยากรที่ใช้ในซัพพลายเชน ไปจนถึง Stakeholder ต่าง ๆ กลายเป็นทิศทางธุรกิจยุคใหม่ที่ถูกกำหนดให้เป็นหัวใจในการทำงาน ทั้งจากนโยบายภาครัฐและกระแสการตื่นรู้ของผู้บริโภค เพื่อส่งมอบคุณค่าทางการผลิตให้ถึงมือผู้บริโภคได้อย่างครบถ้วน Quality Solution ที่มองไปไกลถึงความต้องการในอนาคตจาก ZEISS ไม่ได้เป็นเพียงตัวเลือกในตลาดอีกต่อไป แต่ยังเป็นเครื่องมือในการก้าวนำคู่แข่งในธุรกิจการผลิตด้วยเช่นกัน ติดต่อ ZEISS เพื่อปรึกษาเกี่ยวกับ Quality Solution ที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ สะท้อนคุณค่าอันโดดเด่นของแบรนด์พร้อมกับส่งต่อความยั่งยืนให้กับลูกค้าได้แล้ววันนี้
สนใจข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดต่อ ZEISS ได้ที่:
ZEISS
โทรศัพท์: +66 2248 8787, +66 81 889 3679 (Tae)
Email: [email protected]
Website: https://www.zeiss.com.sg/metrology/home.html
Social Channel: