สสว. ขยายระยะเวลาขอรับการอุดหนุนให้ SME 5,000 กว่าราย ได้รับการพัฒนายกระดับมาตรฐาน ผ่านโครงการส่งเสริมผู้ประกอบการผ่านระบบ BDS เปิดโอกาส SME เลือกบริการยกระดับมาตรฐานผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์
นายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กล่าวภายหลังเป็นประธานภายในงานชี้แจงมาตรการการให้ความช่วยเหลือ อุดหนุน วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม โครงการส่งเสริมผู้ประกอบการผ่านระบบ BDS “SME ปัง ตังได้คืน” สัญจร เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2565ที่ผ่านมา โดยมีหน่วยงานพันธมิตร และผู้ประกอบการในจังหวัดพิษณุโลก และกลุ่มจังหวัดภาคเหนือ ร่วมรับฟัง ณ โรงแรม ท็อปแลนด์ จังหวัดพิษณุโลกว่า ปัจจุบัน สสว. ได้ขยายระยะเวลาการยื่นข้อเสนอการพัฒนาของผู้ประกอบการบนระบบ BDS ไปจนถึงเดือนสิงหาคม 2566 ขยายคุณสมบัติผู้ประกอบการ และเพิ่มบริการให้หลากหลายมากขึ้น ซึ่งคาดว่า จะทำให้มีจำนวนผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการได้มากขึ้น รวมทั้งมีระยะเวลาการเลือกใช้บริการและมีระยะเวลาในการพัฒนาที่เหมาะสมกับธุรกิจของตนได้
Model A แนวคิดรถยนต์บิน eVTOL ดีไซน์สุดล้ำเตรียมส่งมอบปี 2025 | FactoryNews [Full EP.32]
นอกจากนี้ สสว. จะผลักดันมาตรการหลักที่สำคัญของ สสว. และได้รับการตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่อง เช่น มาตรการสนับสนุนให้ SME เข้าถึงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ Thai SME GP และโครงการนำร่อง SME One ID ด้วยการพัฒนาระบบ Single Sign One เพื่ออำนวยความสะดวกให้ SME ให้สามารถเข้าถึงการส่งเสริมสนับสนุนของหน่วยงานภาครัฐได้สะดวก รวดเร็ว และทั่วถึง
“สสว. ได้ออกมาตรการการช่วยเหลือ อุดหนุน วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ผ่านโครงการส่งเสริมผู้ประกอบการผ่านระบบ BDS หรือ (Business Development Service) “SME ปัง ตังได้คืน” เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการให้ได้รับโอกาสในการเข้าถึงการบริการสนับสนุนด้านการพัฒนาธุรกิจในรูปแบบใหม่ ที่เอสเอ็มอีจะสามารถเลือกรับการบริการ หรือรับการพัฒนากับผู้ให้บริการทางธุรกิจ ในด้านที่ตรงกับความต้องการของธุรกิจของตนผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ BDS (https://bds.sme.go.th/) โดย สสว. จะอุดหนุนค่าใช้จ่ายในการพัฒนาให้แก่ SME แบบร่วมจ่าย (co-payment) ในสัดส่วนร้อยละ 50 – 80 กำหนดวงเงินอุดหนุนสูงสุดรายละไม่เกิน 200,000 บาท ตามขนาดของธุรกิจ โดยจากการเปิดตัวโครงการไปเมื่อกลางปี 2565 สสว. ได้อุดหนุนงบประมาณเพื่อช่วยอุดหนุนผู้ประกอบการไปแล้วทั้งสิ้นกว่า 20 ล้านบาท ซึ่ง สสว. ยังมีงบประมาณที่พร้อมจะอุดหนุนให้แก่เอสเอ็มอี ที่ยื่นข้อเสนอการพัฒนายกระดับมาตรฐานของธุรกิจบนระบบ BDS อีกกว่า 400 ล้านบาท
“ดังนั้นจึงคิดว่า ควรจะจัดกิจกรรมโครงการ “SME ปัง ตังได้คืน” สัญจรไปในจังหวัดต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ SME ที่ยังไม่ทราบข้อมูล หรือติดขัดในการขึ้นทะเบียนขอรับงบประมาณอุดหนุนการพัฒนา ได้เข้าถึงโครงการได้มากขึ้น” ผอ.สสว. กล่าว
นายวีระพงศ์ ย้ำอีกว่า สสว. ยังคงเดินหน้ามาตรการ“SME ปัง ตังได้คืน” ในเฟสที่ 2 โดยทราบว่า มีผู้ประกอบการต้องการเข้าร่วมมาตรการอีกจำนวนมาก ดังนั้น สสว. จึงขยายระยะเวลาการดำเนินมาตรการไปจนถึงกันยายน 2566 และเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการ SME สามารถยื่นข้อเสนอการพัฒนาได้จนถึง 31 สิงหาคม 2566 รวมทั้งจะเร่งสร้างเครือข่ายผู้ให้บริการธุรกิจ และเพิ่มบริการใหม่ ๆ ให้มากขึ้น เช่น บริการของโรงงานต้นแบบ หรือ Prototype Plant จากอุทยานวิทยาศาสตร์ทั่วประเทศ เพื่อเพิ่มศักยภาพและโอกาสในการประกอบธุรกิจให้กับผู้ประกอบการ กลุ่ม Micro SME ที่จะสามารถเข้าไปใช้ในการผลิตสินค้าที่ได้มาตรฐานในราคาต้นทุนการดำเนินงานไม่สูงและสามารถทำเป็นครั้ง ๆ ได้ หรือ กลุ่ม SE และ SE+ สามารถใช้บริการทดลองเพื่อผลิตสินค้าหรือใช้บริการเครื่องจักร หรือเทคโนโลยีระดับสูงเพื่อทดสอบการผลิตสินค้าที่มีมูลค่าและมาตรฐานสูงได้
- สสว.เตรียมช่วยเหลือ SME ฝ่าวิกฤติ ต้นทุนการผลิตเพิ่มสูงขึ้น
- สสว. ร่วมกับ ส.อ.ท. จัดงาน Digital Transfer Matching Day
- สสว. เผยความคืบหน้าผลักดันสิทธิประโยชน์เสริมแกร่งผู้ประกอบการ
- สสว. จับมือ สอวช. ยกระดับศักยภาพด้านนวัตกรรม SME
โดย สสว. ได้ปรับปรุงหลักเกณฑ์ต่าง ๆ ให้เข้าถึงผู้ประกอบการมากขึ้น เช่น ให้ SME ที่เพิ่งเริ่มดำเนินธุรกิจในปี 2564 สามารถขอรับบริการได้ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนที่มีรายได้ไม่เกิน 1,800,000 บาท สามารถขอรับบริการได้โดยแนบเอกสารรายรับ รายจ่าย และเอกสารการยืนยันสถานะการดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจ รวมไปถึงการเพิ่มผู้ประกอบการกลุ่ม ME ที่มีรายได้ไม่เกิน 500 ล้านบาท ให้สามารถรับบริการได้ และจะได้รับวงเงินช่วยเหลืออุดหนุนเท่ากับกลุ่ม SE+ คือ ได้รับการอุดหนุนงบประมาณ ร้อยละ 50 แต่ไม่เกิน 200,000 บาท
นอกจากนี้ สสว. ปรับปรุงการใช้งานในระบบ BDS ให้ง่ายมากขึ้น รวมทั้งปรับปรุงคู่มือ และคลิปสอนการใช้งานเพื่อสะดวกต่อการขอรับบริการของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ซึ่งคาดว่าการดำเนินการดังกล่าวจะทำให้เข้าถึงความต้องการของผู้ประกอบการได้มากขึ้น” นายวีระพงศ์ กล่าว
ผู้ประกอบการที่สนใจสามารถสมัครเข้าร่วมมาตรการ “SME ปัง ตังได้คืน” ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ BDS (https://bds.sme.go.th/) โดยมาตรการ SME ปัง ตังได้คืน จะเปิดให้บริการแก่ผู้ประกอบการสามารถยื่นข้อเสนอการพัฒนาได้จนถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2566ดูรายละเอียดได้ที่ https://bds.sme.go.th/ หรือ โทร. 1301 หรือโทร. 0-2298-3051 หรือที่ศูนย์ให้บริการ SME ครบวงจร หรือศูนย์ OSS สสว. ในทุกจังหวัด ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
สำหรับครั้งต่อไป สสว. มีกำหนดการเดินทาง BDS สัญจร ในจังหวัดต่างๆดังนี้
1. นครราชสีมา วันที่ 25 พ.ย. 2565
2. ปทุมธานี วันที่ 2 ธ.ค. 2565
3. เชียงใหม่ วันที่ 17 ธ.ค. 2565
4. ยะลา วันที่ 21 ธ.ค. 2565