การแข่งขันในการผลิตยุคใหม่นั้นเทคโนโลยีดิจิทัลและระบบอัตโนมัติต่าง ๆ ได้กลายมาเป็นส่วนสำคัญในทุกขั้นตอนตั้งแต่การจัดหาวัตถุดิบไปจนถึงการเก็บข้อมูลจากผู้บริโภค ตู้เซิร์ฟเวอร์หรือตู้ควบคุมการทำงานจึงกลายเป็นหัวใจสำคัญในฐานะสมองและหัวใจของกระบวนการทั้งหมดทั้งมวลที่เกิดขึ้น การเลือกใช้ตู้ควบคุมหรือ Switchboard จึงต้องมีความพิถีพิถันและเข้าใจในธรรมชาติของเทคโนโลยี เช่นเดียวกับตู้ Switchboard รุ่น SIVACON S8 จาก Siemens ที่ถูกคิดและออกแบบมาอย่างดีเพื่อการผลิตยุคดิจิทัล
โรงงานอุตสาหกรรมยุคใหม่นั้นมีความพยายามกำจัดความสูญเปล่าต่าง ๆ ในกระบวนการ ซึ่งความพยายามเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้จากการใช้อุปกรณ์ต่างๆ จำนวนมากเพื่อเก็บข้อมูลและการสั่งงานผ่านระบบพื้นฐาน เพื่อให้ความแม่นยำและเกิดประสิทธิภาพมากขึ้น เมื่อนำอุปกรณ์ทั้งหมดมารวบรวมบูรณาการผ่านระบบ ทำให้ง่ายต่อการบริหารจัดการพลังงาน และเพิ่มเสถียรภาพในระบบไฟฟ้าได้อย่างเต็มศักยภาพ
โครงสร้างพื้นฐานของระบบและศูนย์รวมอุปกรณ์สำหรับสั่งการเหล่านี้ในโรงงานนั้นจะถูกติดตั้งเอาไว้ภายในตู้ควบคุมหรือตู้ Switchboard เพื่อให้เกิดความสะดวกต่อการดูแลต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการปรับแต่ง ตั้งค่า หรือการซ่อมบำรุง นอกจากนี้อุปกรณ์ในตู้ Switchboard นั้นยังมีความอ่อนไหวในระดับสูงเมื่อมีความผิดปกติเกิดขึ้นในระบบไฟฟ้า จึงจำเป็นต้องได้รับการปกป้องอย่างเหมาะสม แต่ในขณะเดียวกันตู้ Switchboard ก็ยังต้องการคุณสมบัติที่สอดรับกับการขยับขยายที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอีกด้วย
คุณสมบัติที่ต้องมองหาสำหรับตู้ Switchboard สำหรับอุตสาหกรรมยุคใหม่คืออะไร?
เพราะตู้ Switchboard เป็นเหมือนหัวใจและสมองสำหรับโรงงานยุคใหม่ที่อัดแน่นไปด้วยอุปกรณ์ที่มีความอ่อนไหวสูงและต้นทุนสูง ความทนทานแข็งแรงและความสามารถในการป้องกันการความผิดปกติในระบบไฟฟ้า จึงเป็นสิ่งสำคัญลำดับที่หนึ่ง หากตู้ Switchboard ไม่สอดรับกับอุปกรณ์หรือขาดมาตรฐานที่เหมาะสมแล้วนั่นหมายถึงอุปกรณ์ภายในและระบบที่เกี่ยวข้องทั้งหมดอาจเกิดความเสียหายได้ ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจะไม่ใช่แค่ Downtime เล็ก ๆ หรือความเสียหายแบบจำกัดวงอีกต่อไป แต่อาจเป็นความผิดพลาดของทั้งระบบไม่ว่าจะเป็นเครื่องจักร ซอฟต์แวร์ หรือวัตถุดิบที่กลายเป็นความเสียหายในวงกว้าง
การทำงานภายใต้บริบทและ Ecosystem ของระบบดิจิทัลนั้นมีรายละเอียดปลีกย่อยอีกมากที่สำคัญไม่น้อยไปกว่ามาตรฐานและความทนทาน คุณสมบัติเหล่าจะนี้ขาดไปไม่ได้หากเป็นการใช้งานในสภาพแวดล้อมของเทคโนโลยีดิจิทัลที่เติบโตได้อย่างรวดเร็ว การลงทุนตู้ Switchboard จึงต้องคำนึงถึงความเป็นไปได้ในอนาคตที่จะเกิดขึ้น โดยคุณสมบัติสำคัญที่ต้องพิจารณาเมื่อมองหา Switchboard สำหรับโรงานอุตสาหกรรมอัตโนมัติหรือโรงงานยุคใหม่ ได้แก่
- ความสามารถในการรองรับการขยายตู้เพิ่มเติมในอนาคต
- การซ่อมบำรุงที่สะดวก ไม่จำเป็นต้องปิดทั้งระบบเพื่ออัพเกรดหรือเพื่อซ่อมบำรุงเฉพาะบางส่วน
- สนับสนุนให้เกิดการประหยัดพลังงาน
- มีการออกแบบตำแหน่งจัดวางที่ปลอดภัยและมีระบบระบายความร้อนที่ดี
- สนับสนุนให้เกิดการใช้งานในระบบดิจิทัลและ IoT ของโรงงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ด้วยเงื่อนไขต่าง ๆ เหล่านี้ผู้ผลิตตู้ Switchboard จึงต้องมีความเข้าใจในเทรนด์ แนวโน้มการเติบโตของเทคโนโลยี รวมถึงจุดเด่นจุดด้อยของระบบไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งหนึ่งในผู้ผลิต Switchboard ที่มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์อันยาวนาน คือ Siemens ผู้ผลิตที่มีผลิตภัณฑ์สำหรับระบบไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์คุณภาพสูงสำหรับโรงงานทุกประเภท ทำให้มั่นใจได้ว่าตู้ Switchboard ที่ได้รับการพัฒนาจาก Siemens จะผ่านการคิดและกลั่นกรองจากประสบการณ์จริงในสายงาน ตู้ Switchboard ภายใต้ชื่อ Siemens นั้นจะมีความครบเครื่องในทุกมิติการใช้งานสำหรับโรงงานยุคใหม่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความปลอดภัย ความสะดวกสบายในการใช้งาน หรือแม้แต่การใช้พลังงานที่เกิดความคุ้มค่าและเกิดประสิทธิภาพในระบบไฟฟ้าสูงสุด ในวันนี้คุณค่าเหล่านั้นได้กลายเป็นจริงขึ้นมาแล้ว ด้วย Switchboard อัจฉริยะ SIVACON S8 ที่มีทั้งความทนทาน ความสามารถในการขยับขยายในอนาคตของยุคดิจิทัลได้ที่มีประสิทธิภาพ
SIVACON S8 ตู้ Switchgear อัจฉริยะสำหรับโรงงานอุตสาหกรรมยุคดิจิทัล
ด้วยปัจจัยและความท้าทายของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และระบบไฟฟ้าสำหรับระบบอัตโนมัติ-เทคโนโลยีดิจิทัล ทาง Siemens เข้าใจถึงปัญหาดังกล่าวโดยมองลึกลงไปถึงโครงสร้างพื้นฐาน ความปลอดภัย ความสามารถในการอัพเกรด และการซ่อมบำรุง เมื่อผนวกรวมกับความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านจึงเกิดเป็นตู้ Switchboard รุ่น SIVACON S8 ขึ้นมา
SIVACON S8 นั้นเป็นตู้ Switchboard ที่มีความทนทานในงานใช้งานสูงเหมาะสำหรับการใช้งานในกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อควบคุมการทำงานของโรงงาน มีมาตรฐาน IEC 61439-1 & 2 ทั้งยังมีการทดสอบสภาวะการเกิดประกายไฟ (Arcing Condition) ตามมาตรฐาน IEC TR 61641 มั่นใจได้ในความปลอดภัยต่อผู้ใช้งานแม้ขณะเกิดปัญหาทางไฟฟ้าที่รุนแรง ในด้านการสนับสนุนกิจกรรมดิจิทัลสำหรับโรงงาน มีเทคโนโลยีสำหรับการระบายความร้อนประสิทธิภาพสูงช่วยยืดอายุและปกป้องอุปกรณ์ภายในได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ SIVACON S8 ยังสามารถจัดการพลังงานรวมถึงการวิเคราะห์และประมวลผลบนคลาวด์ (IoT) โดยสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ผ่านสมาร์ทโฟนได้อย่างง่ายดาย จึงสามารถแก้ไขปัญหาหรือดำเนินการบริหารได้อย่างทันท่วงทีแม้ไม่อยู่ในพื้นที่ของโรงงาน
อีกหนึ่งคุณสมบัติที่ขาดไม่ได้ คือ การออกแบบด้วยแนวคิด Small Withdrawable Unit ที่ประหยัดพื้นที่ สามารถแยกการทำงานจากสวิทซ์หลักโดยไม่ต้องตัดไฟทั้งระบบ ทำให้สะดวกต่อการทดสอบและบำรุงรักษา ทั้งยังง่ายต่อการอัพเกรดหรือการขยายตู้ Switchboard ในอนาคตก็สามารถทำได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็น การติดตั้งอุปกรณ์เพิ่ม หรือการเพิ่มมอเตอร์ก็ไม่ต้องกังวลเรื่อง Downtime ที่ใช้เวลานานอีกต่อไป
นอกจากนี้ SIVACON S8 ยังมาพร้อมกับฟังก์ชันพิเศษอื่น ๆ อีกมากมาย แต่ฟังก์ชันที่โดดเด่นที่สุดสำหรับการใช้งาน คือ SIMARIS control เทคโนโลยีที่ช่วยให้การบริหารจัดการ Switchboard นั้นเกิดขึ้นได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยจุดเด่นของ SIMARIS control ได้แก่
- สามารถวิเคราะห์ข้อมูลกิจกรรมได้อย่างรวดเร็วและง่ายดายซึ่งอยู่บนพื้นฐานการใช้พลังงานของคุณ
- ระบุและตรวจสอบค่าการดูแล การควบคุม และการวิเคราะห์ได้อย่างง่ายดาย กับอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง
- ติดตามข้อมูลการทำงาน เช่น อัตรา Switching และระยะเวลาทำงานหรืออุณหภูมิได้อย่างใกล้ชิด จึงสามารถวางแผนซ่อมบำรุงล่วงหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- เปลี่ยนอุปกรณ์ที่ทำงานอิสระต่าง ๆ ให้สามารถบูรณาการเป็นหนึ่งเดียวกันได้ด้วย SIMARIS control
- สามารถบูรณาการ Switchboard และโครงสร้าง IT รวมถึงระบบอัตโนมัติระดับสูงและระบบวิเคราะห์บนคลาวด์เข้าด้วยกันได้อย่างรวดเร็วไร้รอยต่อ
ด้วยคุณสมบัติและจุดเด่นที่ยกตัวอย่างมา SIVACON S8 จาก Siemens จึงเป็นตู้ Switchboard ที่สามารถเติบโตไปพร้อมกับโรงงานได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นการรองรับการลงทุนหรือขยับขยายในอนาคต ความสามารถในการบริหารจัดการระบบ ความสามารถในการปกป้องอุปกรณ์และความสามารถในการซ่อมบำรุงก็เกิดขึ้นได้อย่างง่ายดาย ทั้งหมดนี้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความปลอดภัยทั้งอุปกรณ์และผู้ใช้งาน ทั้งยังส่งเสริมศักยภาพของเทคโนโลยีดิจิทัลให้เกิดขึ้นได้อย่างคุ้มค่าอีกด้วย
การใช้งาน SIVACON S8 จึงเป็นมากกว่าการลงทุนเพียงครั้งเดียวที่ต่อยอดไม่ได้หรือกลายเป็นข้อจำกัดในอนาคต แต่เป็นการอำนวยความสะดวกทั้งในระยะสั้นและระยะยาว มั่นใจได้ว่าอุปกรณ์หลักที่มีมูลค่าสูง ภายในตู้ Switchboard จะมีอายุการใช้งานที่ยืนยาวและลดโอกาสที่จะเกิดปัญหาร้ายแรงต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี
เนื้อหาที่น่าสนใจ: มาทำความรู้จักกับระบบจัดการมอเตอร์ SIMOCODE – Intelligent Relay |