PRIME ปลื้ม โรงไฟฟ้ากำไรโต ลุย ขยายโซลาร์ฟาร์มเอเชีย

Date Post
28.02.2020
Post Views

PRIME ปลื้ม โรงไฟฟ้ากำไรโตสูงสุด เดินหน้า ขยายโซลาร์ฟาร์มทั่วเอเชีย และเตรียมประมูลโครงการ โรงไฟฟ้าชุมชนของกระทรวงพลังงาน ขนาดกำลังการผลิต 700 เมกะวัตต์


นายสมประสงค์ ปัญจะลักษณ์ ประธานกรรมการ บริษัท ไพร์ม โรด เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ ‘PRIME’

นายสมประสงค์ ปัญจะลักษณ์ ประธานกรรมการ บริษัท ไพร์ม โรด เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ ‘PRIME’ ผู้ผลิตพลังงานทดแทนระดับภูมิภาคเปิดเผยว่า“บริษัทฯมีความภูมิใจจะรายงานผลประกอบการในปี 2562 ที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยมีรายได้รวม 658 ล้านบาท เทียบกับรายได้รวม 747 ล้านบาทในงวดปี 2561 โดยปีนี้ บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 265 ล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะ จากผลขาดทุนสุทธิ 504 ล้านบาทในปี 2561(ซึ่งเดิมเป็นธุรกิจกลุ่มอาหารของผู้ถือหุ้นกลุ่มอื่น) โดยปัจจุบัน PRIME มีอัตรากำไรสุทธิในปี 2562 สูงถึง 40% ซึ่งนับว่าสูงที่สุดแห่งหนึ่งในกลุ่มหุ้นโรงไฟฟ้าและมีอัตราหนี้สิน ที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุน (IBD/E) เพียง 0.88 เท่า โดยไม่มีหนี้สินในระดับองค์กรจึงสามารถ ที่จะลงทุนเพิ่มเติมเพื่อขยายกิจการได้อย่างเต็มที่”

“ PRIME ตั้งเป้าหมายขยายพอร์ตการผลิตไฟฟ้า จาก ปัจจุบัน 287 เมกะวัตต์ เป็น 1,000 เมกะวัตต์ภายใน 4 ปี โดยคาดว่าการเติบโตจะมาจากทั้งการลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนทั้งในประเทศ และต่างประเทศ บริษัทฯ มุ่งเน้นประเทศที่มีศักยภาพการเติบโตสูงและความต้องการพลังงานไฟฟ้าจำนวนมากอาทิ กัมพูชา ไต้หวัน เวียดนาม ลาว และ มาเลเซีย โดยอาศัยจุดแข็งของบริษัท คือ ความเชี่ยวชาญในการพัฒนาโครงการ โรงไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง ความได้เปรียบด้านต้นทุน มีพันธมิตรธุรกิจระดับโลก และการได้รับการยอมรับในระดับสากล รวมถึงจากสถาบันการเงินระดับนานาชาติ อีกทั้ง ผู้บริหารของบริษัทฯ มีประสบการณ์ในการพัฒนาโครงการพลังงานทดแทนกว่า 10 ปี ”

ในปี 2563-2565 บริษัทฯ วางแผนขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยใช้กลยุทธ์ “Go Asia” มุ่งลงทุนโซลาฟาร์มในทวีปเอเชียและ “Go Local” มุ่งพัฒนาโรงไฟฟ้าในประเทศ โดยเตรียมเข้าประมูลในโครงการ โรงไฟฟ้าชุมชนของกระทรวงพลังงาน ขนาดกำลังการผลิต 700 เมกะวัตต์ ซึ่งบริษัทฯมีความพร้อมที่จะเข้า ประมูลในปีนี้และมั่นใจว่าจะเป็นหนึ่งในผู้ชนะการประมูล โดยอาศัยประสบการณ์ความสำเร็จที่บริษัทฯ เคยชนะการประมูลโครงการโซลาฟาร์มสหกรณ์ เฟส 1 และ 2 รวม 33 เมะวัตต์”

ปัจจุบัน PRIME มีโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดกำลังการผลิตติดตั้งทั้งหมดรวม 287 เมกะวัตต์ โดยจ่ายไฟแล้ว 179 เมกะวัตต์ และอยู่ระหว่าง พัฒนาและก่อสร้าง 108  มกะวัตต์ โดยโรงไฟฟ้า พลังงานแสงอาทิตย์นั้นอยู่ในประเทศไทยจำนวน 132.3 เมกะวัตต์  ในประเทศญี่ปุ่นจำนวน 68.2 เมกะวัตต์ ในประเทศไต้หวันจำนวน 8.5 เมกะวัตต์ และ ล่าสุด บริษัทฯเตรียมลงทุนสร้างโรงไฟฟ้าพลังงาน แสงอาทิตย์ หรือ Solar Farm ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศกัมพูชา ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 78 เมกะวัตต์ หลังจากชนะการประมูล ระดับนานาชาติ ซึ่งมีผู้เข้าร่วมประมูล จากทั่วโลกกว่า 100 บริษัท โดยโครงการนี้มีสัญญาจำหน่ายไฟฟ้า 60 เมกะวัตต์ ซึ่งจะก่อสร้าง ที่จังหวัดกัมปงชนัง และด้วยประเทศกัมพูชา เป็น 1 ในประเทศกำลังพัฒนา ที่กำลังขยายตัวทางเศรษฐกิจ และภาคอุตสาหกรรม และมีความต้องการพลังงานไฟฟ้าเพิ่มขึ้นในปริมาณมาก ซึ่งบริษัทฯคาดว่าจะมีโอกาสที่จะขยายการลงทุนเพิ่มเติม ในประเทศกัมพูชา

“บริษัทฯมั่นใจว่า จะประสบผลสำเร็จในการขยายพอร์ตการผลิตไฟฟ้า จาก ปัจจุบัน 287 เมกะวัตต์ เป็น 1,000 เมกะวัตต์ภายใน 4 ปี โดยคาดว่าการเติบโตจะมาจากทั้งการลงทุนทั้งในประเทศ และต่างประเทศ โดยอาศัยจุดแข็งของบริษัท คือ ความเชี่ยวชาญในการพัฒนาโครงการ โรงไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง ความได้เปรียบด้านต้นทุน มีพันธมิตรธุรกิจระดับโลก และการได้รับ การยอมรับในระดับสากล รวมถึงจากสถาบันการเงินระดับนานาชาติ อีกทั้ง ผู้บริหารของบริษัทฯ มีประสบการณ์ในการพัฒนาโครงการ พลังงานทดแทน ในไทยกว่า 10 ปี  โดยในส่วนการลงทุนต่างประเทศ บริษัทฯ มุ่งเน้นประเทศที่มีศักยภาพ การเติบโตสูงและความต้องการพลังงานไฟฟ้าจำนวนมาก อาทิ ไต้หวัน เวียดนาม ลาว และ กัมพูชา”

Logo-Company
Logo-Company
Logo-Company
logo-company
Nichaphan W.
การตลาดและประชาสัมพันธ์