ถ้าคุณชื่นชอบ หลงใหล หรือมีความต้องการอะไรบางอย่างจากก้นบึ้งของหัวใจจะทำอย่างไร? รู้จักกับ Alina Morse เด็กผู้หญิงวัยรุ่นอายุ 15 ปี ที่สร้างแบรนด์อมยิ้มของตัวเองด้วยการพัฒนาสิ่งที่ตัวเองชอบและเจาะกลุ่มความต้องการเหล่าผู้ชื่นชอบของหวานได้เป็นอย่างดี
คุณจำได้ไหมว่าตอนอายุ 7 ขวบกำลังทำอะไรกันอยู่? บางคนกำลังเล่น Mario อยู่กับเพื่อน บางคนให้ความสำคัญกับกีฬา แต่สำหรับ Alina Morse นั้นเธอหาทางกินอมยิ้มได้โดยไม่ให้พ่อแม่ทักท้วงเรื่องสุขภาพที่มาจากก้อนน้ำตาล
“พ่อคะ ทำไมเราถึงไม่ทำอมยิ้มที่ดีต่อฟันของหนูล่ะ หนูจะได้กินมันอย่างสบายใจเพราะมันจะไม่มีอะไรมาทำลายสุขภาพของหนู”
Alina Morse
จากคำถามของ Alina สู่คำตอบของคุณพ่อที่ดูประหลาดใจเล็กน้อย “นั่นสิ พ่อคิดว่ามันเป็นไปเดียที่ดีนะ” และเหตุการณ์นี้จึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นของธุรกิจมูลค่า 7 หลักในปัจจุบันที่เริ่มต้นด้วยเงินลงทุนจากการเก็บออมทั้งหมดของเธอเป็นเงินกว่า 3,750 ดอลลาร์สหรัฐฯ
หัวใจสำคัญนอกเหนือจากจุดเริ่มต้นไอเดียที่มีความชัดเจนต่อ Pain Point คือ การวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ซึ่งใช้เวลากว่า 2 ปี ซึ่งต้องอาศัยความอดทนและความมุมานะพยายม อมยิ้มที่ตอบสนองความต้องการด้านสุขภาพได้จึงเกิดขึ้นมา โดยวัตถุดิบเริ่มแรกที่ Alina เลือกใช้นั้นได้รับคำปรึกษาจากทันตแพทย์และทันตานามัยของ Alina เช่น Xylitol, Erythritol และ Stevia
หัวใจของพัฒนานั้นไม่ได้มุ่งเป้าเฉพาะแต่การเป็นอมยิ้มที่ดีต่อสุขภาพช่องปากเท่านั้น แต่ยังให้ความสำคัญกับกลุ่ม Vegan ซึ่งไม่บริโภคผลิตภัณฑ์ที่มาจากสัตว์ ซึ่งอมยิ้มมักมีการใช้เจลาตินหรือนม นอกจากนี้กลุ่มเป้าหมายเพิ่มเติมยังรวมถึงกลุ่มผู้แพ้อาหารอีกด้วย
ในปี 2019 ที่ผ่านมา Zolli Candy มียอดขายกว่า 6 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งหากพิจารณาเฉพาะกลุ่ม Vegan ที่กำลังขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องซึ่งเป็นหนึ่งในเป้าหมายของ Zolli Candy แล้ว ประชากรที่เป็น Vegan ของสหรัฐอเมริกามีสัดส่วนถึง 6% เมื่อพิจารณาถึงยอดขายที่จะเกิดจากเทศกาลประจำปีอย่างเทศกาล Halloween ซึ่งถูกคาดการณ์ว่าจะมีการใช้เงินมูลค่ากว่า 2.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในการซื้อขายอมยิ้ม ทำให้เห็นได้ว่ามูลค่าตลาดของอมยิ้มในสหรัฐอเมริกานั้นมีมูลค่ามหาศาล และการที่ Zolli Candy มีจุดยืนในด้านการเป็นผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อสุขภาพนั้นสามารถแบ่งสัดส่วนของตลาดคนรักสุขภาพที่กำลังเติบโตได้เป็นอย่างดี
ในฐานะเจ้าของธุรกิจ Alina Morse ไม่ได้มีอะไรแตกต่างไปจากเจ้าของธุรกิจอื่น ๆ ที่ต้องเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในทุกเรื่อง ไม่ว่าการตลาด การ Pitching ธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ซึ่งถือเป็นหัวใจหลักของแบรนด์ ในด้านความรับผิดชอบอาจจะเรียกได้ว่ามีภาระงานที่หนักกว่าผู้ใหญ่ในบางแง่มุมด้วยซ้ำ เพราะ Alina นั้นยังคงต้องเข้าเรียนในระดับมัธยมอยู่ทั้งยังเข้าร่วมทีมเต้นเชียร์อีกด้วย
สิ่งที่ผลักดัน Alina Morse ให้ก้าวเข้าสู่ประตูของโลกธุรกิจได้อย่างทุกวันนี้ คือ การค้นพบ Pain Point ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับความต้องการของตัวเอง ทำให้สามารถผลักดันแนวคิดจนกลายเป็นความจริงขึ้นมาได้ และอีกหนึ่งคุณสมบัติที่ขาดไม่ได้สำหรับเจ้าของบริษัทวัยเรียนคนนี้ คือ ความสามารถในการแบ่งเวลาที่ดีนั่นเอง