เมื่อพูดถึงการผลิตยุคใหม่ภาพที่หลายคนนึกถึงอาจจะเป็นหุ่นยนต์ 6 แกน เครื่อง CNC หรือนึกถึงสายพานอัตโนมัติ ไปจนถึงเครื่อง CMM ซึ่งก็เป็นภาพของเทคโนโลยีกายภาพที่ทุกคนจดจำได้ดี แต่ถ้าเราพูดกันถึงระบบหลังบ้านที่ทำให้เทคโนโลยีเหล่านี้ทำงานเข้าขากันได้ดี ไม่ว่าจะเป็นระบบเครือข่าย ความปลอดภัยทางไซเบอร์ การจัดเก็บข้อมูล แพลตฟอร์มออนไลน์ ไปจนถึง ซอฟต์แวร์ในการบริหารจัดการต่าง ๆ ซึ่งเรียกได้ว่ามีความซับซ้อน ละเอียดอ่อน และมูลค่าสูงไม่แพ้เทคโนโลยีกายภาพที่กล่าวถึงในตอนแรก ซึ่งเดิมทีการวางรากฐานระบบนิเวศของเทคโนโลยีดิจิทัลในการผลิตเป็นสิ่งที่มีรายละเอียดปลีกย่อยจำนวนมาก และการลงทุนก็มีความซับซ้อนตลอดจนมูลค่าที่สูง แต่ในวันนี้ด้วย 5G Ecosystem และโครงสร้างพื้นฐานอัจฉริยะที่ AIS Business และพันธมิตรร่วมมือกันพัฒนาขึ้นมาจะช่วยเพิ่มความคล่องตัวและลดต้นทุนให้กับระบบนิเวศดิจิทัล ทำให้ทุกโรงงานที่ต้องการทำ Digital Transformation หรือเริ่มต้นใช้ระบบอัตโนมัติต่าง ๆ สามารถเกิดขึ้นได้จริงบนพื้นฐานของความคุ้มค่าและเรียบง่าย
5G Ecosystem ความสะดวกครบเครื่องของโรงงานยุคดิจิทัล
การใช้งานเทคโนโลยี 5G เป็นเทรนด์หนึ่งที่เกิดขึ้นกับธุรกิจทั่วโลก เพราะ 5G Solution นั้นเรียกได้ว่ามีความเหมาะสมอย่างมากในการใช้งานโซลูชันยุคดิจิทัลต่าง ๆ ที่เพิ่มความรวดเร็ว ลดความหน่วง มีความปลอดภัยในการใช้งานสูง และมีทรัพยากรในระบบที่ช่วยลดต้นทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานได้อีกด้วย
ซึ่งการที่มี 5G Solution ที่มีประสิทธิภาพ จำเป็นจะต้องมี Ecosystem หรือระบบนิเวศ
ที่พร้อมและทันสมัย ดังนั้นหากโรงงานไหนที่อยากเริ่มต้นใช้งานระบบอัตโนมัติ หุ่นยนต์ และโซลูชันอัจฉริยะต่าง ๆ 5G Ecosystem เป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการห้ามพลาดในการพิจารณาใช้งาน เพราะแค่เพียงเทคโนโลยี 5G อย่างเดียวนั้นก็มีความโดดเด่นในเรื่องของความเร็วที่แตกต่างอย่างชัดเจน มี Bandwidth ที่กว้างกว่ารองรับงานหลากหลายรูปแบบ ทั้งยังครอบคลุมพื้นที่วงกว้างและรองรับการเชื่อมต่อจำนวนมากในขณะที่ยังคงความหน่วงไว้ได้ในระดับต่ำ ทำให้การเชื่อมต่อที่เกิดขึ้นมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโรงงานอุตสาหกรรมที่มีการเชื่อมต่อที่หลากหลายและมีอุปกรณ์จำนวนมากที่ต้องทำงานร่วมกันในเวลาเสี้ยววินาทีซึ่งความผิดพลาดเล็กน้อยเป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้
โดย 5G Ecosystem มักจะประกอบไปด้วยไปด้วยเทคโนโลยีหลัก ดังนี้
- โครงข่ายการให้บริการ 5G – เป็นกระดูกสันหลังของการสื่อสารและคุณสมบัติหลัก ๆ ทั้งหมดซึ่งจะครอบคลุมช่วงความถี่ Low Band ไปจนถึง High Band ซึ่งมีคุณสมบัติและความโดดเด่นแตกต่างกันออกไป
- อุปกรณ์สำหรับการเชื่อมต่อ – ในกรณีทั่วไปนั้น หมายถึง สมาร์ตโฟน คอมพิวเตอร์ หรือพวกอุปกรณ์ Smart Home ต่าง ๆ แต่ในโรงงานอุตสาหกรรมนั้น หมายถึง เครื่องจักร เซิร์ฟเวอร์ หุ่นยนต์ ระบบอัตโนมัติ อุปกรณ์สวมใส่อัจฉริยะ ไปจนถึง IIoT ที่เป็นตัวแปลงค่าหรือส่งข้อมูล
- ซอฟต์แวร์หรือแพลตฟอร์ม – เครื่องมือสำคัญในการรับข้อมูล ประมวลผลข้อมูลและสื่อสารกับผู้ใช้ผ่านรูปแบบต่าง ๆ เช่น MES และ ERP ซึ่งภายใต้ 5G Ecosystem ซอฟต์แวร์เองก็ไม่ต่างจากสมองที่คอยสั่งการทำงานต่าง ๆ ซึ่งรวมไปถึงการทำงานของเครือข่าย และการบริหารจัดการทรัพยากรที่เกี่ยวข้อง
- MEC (Multi Access EDGE Computing) – การประมวลผลผ่าน EDGE เป็นการประมวลผลผ่านเครือข่ายโดยจะมีตำแหน่งที่อยู่ใกล้กับแหล่งกำเนิดข้อมูลมากกว่า Cloud ที่เป็น Data Center ใหญ่ช่วยลดความหน่วงในการประมวลผล ทำให้เกิดแอปพลิเคชันการใช้งานได้แบบ Real-time เหมือนมี Data Center ขนาดเล็กกระจายอยู่ทั่วโครงข่าย ทำให้การประมวลผลในพื้นที่นั้น ๆ รวดเร็วยิ่งขึ้น
- Cloud – การประมวลผลผ่าน Cloud ในยุค 5G นั้น เป็นการประมวลผลข้อมูลที่มีปริมาณมาก ต้องการความ Real- Time และถูกต้อง ทั้งยังเป็นต้องการที่ในการจัดเก็บข้อมูลที่สามารถเข้าถึงได้จากทุกมุมโลก เพิ่มความคล่องตัวในการทำงานได้เป็นอย่างดี
ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ที่เกิดขึ้นจากระบบนิเวศ 5G ทำให้โรงงานนั้นมีความยืดหยุ่น (Resilient) สูงทั้งความพร้อมในการใช้งาน ความปลอดภัยที่มีหลายชั้น สามารถรองรับการบูรณาการเทคโนโลยีและแอปพลิเคชันได้อย่างหลากหลายโดยที่ไม่ต้องใช้ต้นทุนมูลค่ามากเท่ากับเทคโนโลยีเครือข่ายแบบดั้งเดิม
Intelligent Network เครื่องมือสำคัญเสริมแกร่ง Cloud
Intelligent Network นั้นเป็นเครือข่ายอัจฉริยะที่มีการออกแบบระบบของเครือข่ายให้มีความยืดหยุ่น สามารถปรับตั้งค่าได้เหมาะสมกับความต้องการใช้งานซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมากสำหรับธุรกิจภาคการผลิตที่มีรายละเอียดปลีกย่อยในการใช้ทรัพยากรระบบเครือข่ายที่ซับซ้อน
สำหรับภาคการผลิตแล้วคุณสมบัติที่น่าสนใจของ Intelligent Network ที่สนับสนุนการทำงานให้เกิดขึ้น และแข่งขันได้ในฉากทัศน์การแข่งขันยุคใหม่ได้แก่
- ความปลอดภัยโครงสร้างพื้นฐาน – สามารถปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงและปกป้องภัยคุกคามได้อย่างรวดเร็ว
- สามารถติดตั้งบริการและแอปพลิเคชันได้อย่างรวดเร็ว – ทำให้เกิดความยืดหยุ่นในการปรับใช้งานสูง ทั้งการปรับแต่งโดยการติดตั้งแอปพลิเคชัน 3rd Party หรือการทดลองปรับปรุงพัฒนาระบบขึ้นเอง
- ลดความซับซ้อนและต้นทุน TCO – เปิดโอกาสให้ใช้งานเทคโนโลยีใหม่ ๆ ได้อย่างสะดวก และในกรณีของการบูรณาการก็สามารถทำได้อย่างเรียบง่ายอีกด้วย
- มีความคล่องตัวของธุรกิจสูง – เครือข่ายอัจฉริยะสามารถเพิ่มโอกาสทางธุรกิจจากจุดเด่นในการรองรับเทคโนโลยีที่หลากหลายและมีความยืดหยุ่นสูง สามารถปรับตัวตามทิศทางธุรกิจ หรือรองรับกระบวนการผลิตที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงได้อย่ารวดเร็ว
ปัจจุบันมี Intelligent Network และโซลูชันให้เลือกใช้ได้มากมายในตลาดเทคโนโลยี โดยหนึ่งในเทคโนโลยีที่มีคุณสมบัติตรงตามความต้องการของภาคการผลิต
เทคโนโลยีด้าน Intelligent Network และ 5G ได้เติบโตอย่างรวดเร็ว มาพร้อมกับคุณสมบัติที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น Fixed Wireless Access (FWA), Network Slicing, 5G Private Network ไปจนถึง 5G mmWave ที่คลื่นความถี่ 26 GHz ซึ่งเป็นคลื่นความถี่พิเศษ เหมาะกับการใช้งานเทคโนโลยีระดับสูงหรือนวัตกรรมใหม่ ๆ ในโรงงานการผลิต ซึ่งถือเป็นอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีระดับ High-End มากที่สุดอุตสาหกรรมหนึ่งในโลก
เมื่อ Cloud ไม่ใช่เรื่องไกลตัวสำหรับภาคการผลิตอีกต่อไป จะเตรียมโรงงานอย่างไรให้พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง
การมาถึงของ Cloud ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับภาคธุรกิจแต่อย่างใด กลับกันในภาคของการผลิตที่มีความละเอียดอ่อนสูงนั้นการใช้งาน Cloud ‘เคย’ เป็นสิ่งที่ต้องระแวดระวังมาก่อนเนื่องจากเป็นการเชื่อมต่อข้อมูลออกสู่ภายนอก
แต่โลกปัจจุบันนั้นได้มีการพัฒนาเรื่องของความปลอดภัยและรูปแบบการใช้งานที่มีความยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น ทำให้โรงงานอุตสาหกรรมสามารถใช้งาน Cloud เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันได้ไม่ว่าจะเป็นการสำรองข้อมูล การประมวลผลผ่าน Cloud เนื่องจากข้อมูลในโรงงานนั้นมีปริมาณมาก การประมวลผลจะต้องรวดเร็ว แม่นยำ ไปจนถึงการบริหารจัดการข้อมูลจากภายนอกเพื่อให้ตอบสนองต่อสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว เป็นต้น
การให้ความสำคัญกับโครงสร้างพื้นฐานของทั้งระบบเครือข่าย ระบบบริหารจัดการข้อมูล ระบบประมวลผล ไปจนถึงความปลอดภัย เป็นกระบวนการที่จำเป็นและต้องการทีมงานที่มาดูแลโดยเฉพาะ ซึ่งปรกติแล้วโรงงานจะลงทุนโครงสร้างเองทั้งหมดตั้งแต่เซิร์ฟเวอร์ การประมวลผล ระบบเครือข่าย ระบบความปลอดภัย ไปจนถึงแอปพลิเคชันและทรัพยากรต่าง ๆ ในระบบ ยังไม่รวมถึงหุ่นยนต์และเครื่องจักรต่าง ๆ ที่ต้องสื่อสารกับระบบได้ ทำให้มีต้นทุนมหาศาล ในขณะเดียวกันก็มีความซับซ้อนในการที่จะเชื่อมต่อบูรณาการระบบที่เพิ่มขึ้นตามปริมาณการเชื่อมต่อ กิจกรรมที่ต้องทำ และระดับความปลอดภัยที่ต้องการ ซึ่งในกรณีของโรงงานนั้นยังต้องควบรวมเรื่องของเทคโนโลยี OT และข้อจำกัดอื่น ๆ เพิ่มเติมเข้าไปเรียกว่าไม่ใช่แค่งาน IT แต่ต้องคิดถึง OT และตอนที่ทั้ง 2 ส่วนทำงานร่วมกันอีกด้วย
ซึ่ง Cloud จะเกิดความสมบูรณ์แบบตอบโจทย์ผู้ใช้งานได้นั้นก็ต้องอาศัยระบบเครือข่าย และระบบเครือข่ายนี่เองที่เป็นอีกหนึ่งปัจจัยซึ่งส่งผลกระทบต่อคุณภาพในการใช้งาน Cloud ไม่ว่าจะเป็นความหน่วง ความปลอดภัย ไปจนถึงความเสถียรที่จะเกิดขึ้น เพื่อให้ใช้งานศักยภาพของ Cloud ได้อย่างเต็มที่
ปัจจุบัน AIS Business ได้พัฒนา Cloud X ซึ่งเป็นบริการ Cloud ที่ถูกออกแบบมาเพื่อธุรกิจในประเทศไทยครอบคลุมภาคการผลิตและธุรกิจอื่น ๆ
AIS Cloud X ต่อยอดและบูรณาการสู่โซลูชันที่พร้อมรับมือกับทุกความต้องการในธุรกิจยุคดิจิทัล
เพราะเทคโนโลยีและการแข่งขันเปลี่ยนแปลงอย่างไม่หยุดนิ่ง AIS Business จึงไม่ได้หยุดเพียงแค่การเป็นผู้ให้บริการ 5G หรือการพัฒนา Intelligent Network ซึงบริการ Cloud X จาก AIS Business เป็นการรวมเอาศักยภาพเทคโนโลยีอันหลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการของภาคอุตสาหกรรมการผลิต ไม่ว่าจะเป็น EDGE Computing และ Multi-Access Edge Computing (MEC) ที่ช่วยเรื่องการประมวลผลข้อมูลผ่านเครือข่าย ลดปัญหาความหน่วงที่เกิดขึ้น ทำให้เกิดความคล่องตัว และทำงานที่ต้องการการตอบสนองแบบ Real-Time ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในขณะเดียวกันภาคอุตสาหกรรมการผลิตเองก็ต้องเผชิญหน้ากับปัญหาด้านความปลอดภัยของข้อมูลและความลับ AIS Cloud X เป็นการบริการ Cloud โดยจัดการเก็บข้อมูลอยู่ภายในประเทศ (Sovereignty) เป็นไปตามระเบียบข้อบังคับของกฎหมายในประเทศไทย ทำให้ข้อมูลมีความปลอดภัย ตรงกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรมในเรื่องดังกล่าว และ AIS Cloud X มีการตั้ง Data Center ไว้ในประเทศไทย ทำให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการของแอปพลิเคชันที่แตกต่างกันไปได้ และและนอกจากการให้บริการในประเทศ หรือสำหรับโรงงานที่กำลังมองหา Cloud ระดับ Hyperscale ซึ่ง AIS ก็มีบริการดังกล่าวเพื่อต่อยอดใช้งาน Data Analytics และ AI ในการวิเคราะห์การทำงาน ไม่ว่าจะเป็นการลดต้นทุน การวางแผนล่วงหน้า หรือการบริหารจัดการซัพพลายเชนที่มีความแม่นยำมากขึ้น
จะเห็นได้ว่า 5G Ecosystem, Intelligence Network and Cloud จาก AIS Business นั้นมีคุณสมบัติที่สอดคล้องกับแนวทางการใช้งานและการแข่งขันของธุรกิจยุคใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความพร้อมของโซลูชันจาก AIS Business สำหรับภาคการผลิตที่ช่วยลดความยุ่งยากและต้นทุนที่เกิดจากการบูรณาการ หรือการวางรากฐานด้านโครงสร้างพื้นฐานของเครือข่ายดิจิทัลและทรัพยากรในระบบที่เกี่ยวข้องได้มหาศาล ช่วยให้เกิดความคล่องตัวในการแข่งขัน มีความยั่งยืนในการใช้งาน และรองรับการขยายตัวหรือการเปลี่ยนแปลงในอนาคตได้อย่างดีเยี่ยมภายใต้มาต
รฐานสากลระดับแนวหน้าของโลก ซึ่งในกรณีของโรงงานอุตสาหกรรมที่ต้องมีการลงทุนเครื่องจักรมูลค่าสูงอยู่แล้ว
การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสารดิจิทัลที่รวมถึงการดูแลซ่อมบำรุงต่างๆ อาจกลายเป็นต้นทุนที่สูงกว่าเครื่องจักรก็อาจเป็นไปได้เช่นกัน
สนใจบริการโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลสำหรับภาคอุตสาหกรรม ที่ครบทั้ง Ecosystem จาก AIS Businessติดต่อสอบถามและติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
https://www.ais.th/business/enterprise/industries