การกลับมาของ Trump 2.0 นั้นเป็นสิ่งที่สร้างความเปลี่ยนแปลงและความตึงเครียดให้กับทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นนโยบายภายในประเทศ ไปจนถึงนโยบายด้านต่างประเทศที่จะมีความเข้มข้นและไม่รอมชอมกว่าอย่างยุค Biden อย่างแน่นอน โดย Goldman Sachs ธนาคารด้านการลงทุนในสหรัฐฯ ได้แสดงความเห็นเอาไว้ว่าพันธมิตรคู่ค้าจากเอเชียอาจพยายามเบี่ยงเบนความสนใจในการนำเข้าสินค้าไปยังสหรัฐฯ หากเป็นไปได้
เป็นที่รู้กันดีว่านโยบาย America First ของ Donald Trump นั้นเป็นจุดขายสำคัญสำหรับชัยชนะที่เกิดขึ้นสำหรับ Trump 2.0 และประเทศจีนกลายเป็นหนึ่งในเป้าหมายที่ใช้ในการหาเสียงที่เกิดขึเนในขณะเดียวกัน
แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นจริงนั้น Goldman Sachs ได้ชี้ให้เห็นว่าไม่ใช่เพียงประเทศจีนที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลง แต่หลายประเทศในเอเชียก็จะถูกบีบด้วยนโยบายใหม่ในการจัดการกับภาษีนำเข้าสินค้าไปยังสหรัฐอเมริกาด้วยเช่นกัน ทำให้บริษัทที่นำเข้าสินค้าเหล่านี้จะมีต้นทุนเพิ่มขึ้น
ประเทศที่มีความโดดเด่นในการค้าขายกับสหรัฐอเมริกา ได้แก่ เกาหลีใต้ (44,400 ล้าน USD) , ไต้หวัน (24,600 ล้าน USD) และเวียดนาม (90,000 ล้าน USD) ซึ่งมีสัดส่วนการค้าเกินดุลกับสหรัฐอเมริกา ซึ่งในส่วนของไต้หวันและเกาหลีใต้นั้นถือว่ามีสิทธิพิเศษพอควรในเรื่องของซัพพลายเชนด้านเซมิคอนดักเตอร์ ในขณะที่เวียดนามนั้นเป็นเสมือนการผันน้ำหรือย้ายสายการผลิตจากจีนมาเสียมากกว่า
นอกจากนี้ยังมีอินเดียและญี่ปุ่นที่มีงบการค้าเกินดุลกับสหรัฐอเมริกา โดยญี่ปุ่นเองนั้นมีสัญญาณที่ค่อนข้างคงที่ แต่อินเดียนั้นมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในเวลาที่ผ่านมาไม่นานนี้
มุมมองของ Trump นั้นมองว่าการค้าเสรีนั้นเป็นปัญหาที่ส่งผลร้ายต่อประเทศ และการนโยบายด้านภาษีใหม่ที่พร้อมจะถอนตัวจากการค้าเสรีนั้นจะสร้างความเจ็บปวดอย่างยิ่งยวดให้กับเศรษฐกิจของภูมิภาค ซึ่งประเทศไทยและมาเลเซียนั้นจะได้รับผลกระทบระดับกลาง แต่คาดการณ์ว่าประเทศไทยจะได้รับผลกระทบค่อนข้างมากกว่ามาเลเซียนิดหน่อย
ข้อมูลจากสหรัฐอเมริกาแสดงให้เห็นว่ายอดการค้ากับจีนลดลงมาที่ 279,110 ล้าน USD ในปี 2023 จาก
346,830 ล้าน USD ในปี 2016 แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนเส้นทางซัพพลายเชนที่เกิดขึ้น แต่หากสังเกตให้ดีจะพบว่าชิ้นส่วนต่าง ๆ ยังคงมาจากประเทศจีนอยู่ดี สิ่งที่เกิดขึ้น คือ ช่วงของซัพพลายเชนที่ยาวนานยิ่งขึ้น ซึ่งในอนาคตอาจทำให้เพิ่มการป้องกันที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ที่ครอบคลุมไปยังประเทศที่มีการขาดดุลทวิภาคีกับสหรัฐอเมริกาอีกด้วย
Trump ได้ประกาศเอาไว้ว่ามีความตั้งใจที่จะกำหนดอัตราภาษีครอบคลุมตั้งแต่ 10% – 20% ในการนำเข้าทั้งหมด และมีภาษีเพิ่มเติม 60% – 100% จากการนำเข้าสินค้าจากประเทศจีน โดย Goldman Sachs คาดว่าจะมีการเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจีนเฉลี่ย 20% สำหรับครึ่งปีแรกของปี 2025