China EV Impact on global EV market

EV จีนกำลังยึดครองตลาดโลกอยู่จริงหรือเปล่า ?

Date Post
25.07.2024
Post Views

ในปี 2023 ที่ผ่านมา ความต้องการรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ภายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEA) ได้เพิ่มขึ้นกว่า 894% ซึ่งมีผลมาจากการเติบโตและความก้าวหน้าที่รวดเร็วของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า

แต่ภายในอัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้นนี้ กว่า 60% ของยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกกลับมีสัดส่วนมาจาก ‘ประเทศจีน’ ประเทศเดียวกว่า 60% ซึ่งชี้ให้เห็นได้ว่าจีนกำลังก้าวเข้ามีบทบาทเป็นอย่างมากในฐานะของผู้นำด้านการผลิตและจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า จนหลาย ๆ คนเริ่มสงสัยว่าจริง ๆ แล้วผู้ผลิตจีนกำลังยึดครองตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของโลกเราอยู่หรือเปล่า ?

นั่นเพราะปัจจุบันแบรนด์ผู้ผลิต EV จากประเทศจีนอย่าง BYD, Nio, GAC Motor และ Geely นั้นกำลังครอบครองส่วนแบ่งมากกว่า 53% ของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลก ซึ่งผู้ผลิตเหล่านี้ต่างก็กำลังแข่งขันกันใช้ประโยชน์จากความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นมาขยายโรงงานและฐานการผลิตของตนเองกระจายออกไปทั่วโลก จนกลายเป็นว่าผู้เล่นหน้าใหม่จากประเทศอื่น ๆ ไม่สามารถก้าวเข้ามาแข่งขันแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดจากผู้เล่นหน้าเก่าเหล่านี้ไปได้

อีกทั้งในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ผู้ผลิต EV จากจีนยังสามารถเพิ่มมูลค่าการส่งออกแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าของตัวเองขึ้นมาได้มากถึง 4 เท่า จาก 8.59 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2021 มาเป็น 34.13 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2023 อีกด้วย

ผู้ผลิต EV ยุโรปกังวลผลกระทบจากการเติบโตของตลาด EV จีน

ปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้ทำให้แม้แต่เหล่าผู้ผลิต EV ในระดับ High-end อย่าง Audi และ BMW ไม่สามารถเมินเฉยต่อการเติบโตของตลาด EV จีนได้ นั่นเพราะแม้ว่า Audi และ BMW จะยังสามารถยึดครองกลุ่มผู้บริโภคในตลาด EV ระดับสูงเอาไว้ได้ แต่รถ EV จีนนั้นก็อาจจะยึดตลาดระดับล่างได้อย่างรวดเร็วจนเหล่าผู้ผลิตในฝั่งยุโรปไม่สามารถเข้าไปตีตลาดผู้บริโภคกลุ่มนี้ได้อีก

โดยอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้ EV จีนสามารถยึดครองตลาดผู้บริโภครอบโลกได้อย่างรวดเร็ว ก็มาจากปัจจัยในด้าน ‘ราคา’ ของรถยนต์ไฟฟ้าที่สามารถเข้าถึงกลุ่มผู้ที่มีกำลังซื้อต่ำได้อย่างง่ายดาย เช่น ผู้บริโภคในอินโดนีเซียและไทย ซึ่งทางผู้ผลิตรถยนต์จากด้านยุโรปนั้นยังไม่สามารถลดราคา EV ของตัวเองลงมาแข่งขันแย่งตลาดกับ EV จากประเทศจีนได้ไหว ทำให้จีนสามารถครอบครองส่วนแบ่งในตลาด EV โลกไปได้เป็นจำนวนมากนั่นเอง

สำหรับประเทศไทยของเราที่มีการออกนโยบายสนับสนุนการใช้รถยนต์ไฟฟ้าอย่างการยกเว้นภาษีหรือการลดภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า ยังทำให้อัตราการเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้าภายในประเทศของเราเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดดสวนทางกับยอดขายของรถยนต์สันดาปภายใน ซึ่งตรงจุดนี้เองที่ทำให้ผู้ผลิต EV จากประเทศจีนมีการเข้ามาทุ่มเงินลงทุนกว่า 1.44 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (~ 52.7 พันล้านบาท) เพื่อสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแห่งใหม่เพิ่มขึ้นในประเทศไทย

แนวโน้มในอนาคตต่อจากนี้ไปจึงยังเป็นไปได้ว่าอุตสาหกรรม EV ของจีนจะยังคงมีการเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วและมีแนวโน้มที่จะขยายฐานการผลิตเข้าไปยังตลาดทั่วโลกได้มากขึ้น ซึ่งการขยายตัวของอุตสาหกรรม EV จีนเช่นนี้จะส่งผลให้ผู้ผลิตรถยนต์จากยุโรปและประเทศอื่น ๆ ต้องรีบปรับตัวเพื่อแข่งขันในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา โดยท้ายที่สุดแล้วประเทศใดที่จะกลายเป็นผู้ชนะในศึกยึดครองตลาด EV โลกได้ ผู้บริโภคอย่างเราก็คงจะต้องรอติดตามสถานการณ์กันต่อไปครับ

ที่มา : Thailand Business News, Thaiger, FP

Logo-Company
Logo-Company
Logo-Company
logo-company
Jirapat R.
A Content Creator with multiple interests and a fitness enthusiastic.
Digitech2024