CNN ได้เปิดเผยบทความจากการสำรวจแรงงานในธุรกิจยุคใหม่ โดยแรงงานส่วนหนึ่งแสดงความคิดเห็นว่าแรงงานนั้นเพิ่มภาระงานให้เกือบเท่าตัวทั้งที่จริงแล้วควรจะเป็นการแบ่งเบาภาระหรือทำงานให้ง่ายขึ้น
การมาถึงของ AI ในฐานยะเครื่องมือเป็นเหมือนแสงสว่างให้กับการทำงานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการยกระดับประสิทธิภาพ เพิ่ม Productivity ในที่ทำงาน แต่ความคาดหวังนี้อาจไม่ได้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับทุกคนอย่างที่ผู้เชี่ยวชาญคิด
CNN ได้พูดคุยกับผู้บรรณาธิการและผู้ผลิตสิ่งพิมพ์เกี่ยวกับนิยายวิทยาศาสตร์และแฟนตาซีซึ่งพบว่ามีการใช้ AI ในการสร้างงานออกมาและผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นอาจไม่ได้ดักสักเท่าใดนัก ซึ่งในบางกรณีนั้นอาจเรียกได้ว่าเป็นเนื้อเรื่องที่แย่ที่สุดที่เคยเห็นก็ว่าได้ ปัญหาใหญ่นั้นอยู่ที่ปริมาณของผลงานที่เกิดขึ้นมากกว่าคุณภาพ เพราะเมื่อผู้สร้างสรรค์สามารถใช้ AI ปั้นเรื่องขึ้นมาได้แล้วปริมาณผลงานจึงเกิดขึ้นอย่างมหาศาล ตกเป็นภาระของเจ้าหน้าที่ซึ่งต้องตรวจสอบซึ่งในอนาคตมีแนวโน้มว่าไม่อาจรับมือกับปริมาณที่ขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็วนี้ได้
การมาถึงของ ChatGPT ในปีที่แล้ว ไอคอนในวงการเทคโนโลยีต่างออกมาแสดงความคิดเห็นว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้จะเพิ่ม Productivity ได้มามายแค่ไหน ช่วยลดการทำงานได้อย่างไร ทั้งยังสร้างงานใหม่ ๆ ในอนาคต ยกตัวอย่างกรณีของ Bill Gates ผู้ก่อตั้ง Microsoft ได้กล่าวถึงผลกระทบของ AI ที่จะช่วยให้ผู้คนทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ในความเป็นจริงแล้วสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นกรณีในแต่ละอุตสาหกรรมที่แตกต่างกันออกไป ผลกระทบไม่ได้มีความชัดเจนหรือเป็นไปในทางเดียวกันหมดในแต่ละตลาด ยกตัวอย่างเช่น ทนายโดนปรับเนื่องจากใช้การอ้างอิงหลักฐานพยานในชั้นศาลซึ่งมาจาก ChatGPT ในขณะที่สำนักพิมพ์ขนาดเล็กอาจต้องเผชิญหน้ากับเนื้อหาที่ถูกผลิตโดย AI จำนวนมหาศาล
ในขณะที่บริษัทรายใหญ่ต่างดีดตัวลงสนามเทคโนโลยี AI ทำให้เกิดเทคโนโลยีต่าง ๆขึ้นมากมายในระยะเวลาอันสั้นทั้งจาก Startup เองหรือผู้เล่นหน้าใหม่ก็ตาม ซึ่งข้อมู,จาก MIT แสดงให้เห็นว่าการใช้งาน AI ก็ยังมีความเป็นไปได้ในการเพิ่มผลิตภาพการทำงานในแรงงานบางกลุ่มได้อย่างชัดเจน ยกตัวอย่างเช่น การเขียน email ซึ่งนักวิจัยได้ให้ความคิดเห็นว่าการใช้ AI กับแรงงานกลุ่ม White Collar นั้นจะสร้างประโยชน์ให้ได้ค่อนข้างชัดเจน แต่อาจจะเร็วไปถ้าจะต้องมาตัดสินว่าดีหรือร้าย ในขณะที่แรงงานต้องทำรายงานภายใต้ยุคที่ AI มีการใช้งานเพิ่มขึ้นอย่างมากในปัจจุบันงานวิจัยพบว่า พนักงานระดับที่ไม่ใช่ผู้จัดการหรือไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้าน AI หรืออีกนัยหนึ่งคือ แรงงานทั่วไป มีการทำงานที่กดดันมากขึ้น ภาระงานเพิ่มขึ้นแต่รายได้นั้นไม่ได้เพิ่มตาม
แน่นอนว่าแรงงานบางส่วนรู้สึกเหมือนเป็นหนูทดลองในการเปลี่ยนผ่านหรือใช้ AI ในการทำงานซึ่งเป็นผลจากการเร่งรีบเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงของนายจ้าง ในบางกรณียังพบข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่าการใช้ AI ยังสามารถแสดงผลลัพธ์ที่เป็น False Positive และ False Negative ได้ด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มผู้ใช้ที่มีภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สอง
แต่สำหรับภาคการผลิตเองอาจเป็นสิ่งที่แตกต่างออกไป เนื่องจากรูปแบบการใช้ AI จะเป็ฯการดึงข้อมูลและรูปแบบมาจากฐานข้อมูลหรือ Big Data เสียเป็นส่วนใหญ่ ซึ่ง AI จะถูกฝึกมาจากผู้พัฒนาเพื่อให้เกิดแนวทางการใช้งานที่ถูกต้องเป็นพื้นฐานแล้ว และรูปแบบการใช้งานนั้นค่อนข้างมีความชัดเจน จับต้องได้แตกต่างจากงานกลุ่มความคิดสร้างสรรค์ที่มีลักษณะปลายเปิด อย่างไรก็ตามสิ่งที่มีความแน่นอนใกล้เคียงกัน คือ การใช้งาน AI ผู้ใช้จำเป็นต้องมีความรู้ด้านภาษาอังกฤษในระดับหนึ่งพร้อมทั้งมีรูปแบบชุดตรรกะความคิดที่เเป็นเหตุเป็นผลในการสร้างเงื่อนไขหรือทำความเข้าใจการใช้งาน
ที่มา:
edition.cnn.com