-
AI สนับสนุนการแก้ปัญหาเชิงลึกและการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ในอุตสาหกรรมการผลิต – AI กำลังพัฒนาจากการใช้งานพื้นฐาน เช่น การเฝ้าติดตามและการรายงาน ไปสู่การจำลองความเสี่ยงในห่วงโซ่อุปทาน ช่วยให้ผู้ผลิตสามารถดำเนินการเชิงรุกเพื่อแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
-
Generative AI ช่วยพัฒนาความยั่งยืนและทำให้เทคโนโลยีเป็นมิตรกับผู้ใช้งานมากขึ้น – Generative AI ไม่เพียงช่วยลดความซับซ้อนของข้อมูลขนาดใหญ่ แต่ยังช่วยให้การจัดทำรายงานความยั่งยืนเป็นเรื่องง่ายขึ้น พร้อมสนับสนุนกระบวนการบำรุงรักษาและควบคุมคุณภาพให้มีความแม่นยำและประหยัดเวลา
-
การเปลี่ยนแปลงบทบาทพนักงานและการพัฒนาทักษะที่สอดคล้องกับเทคโนโลยี AI – AI จะเข้ามาทำงานที่ซ้ำซากแทนมนุษย์ ทำให้พนักงานสามารถมุ่งเน้นไปที่งานเชิงกลยุทธ์มากขึ้น พนักงานในยุคนี้จำเป็นต้องเรียนรู้การใช้ข้อมูลและ AI ในการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์เพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมการผลิต
5 สิ่งที่คาดหวังจาก AI ในปี 2025
AI กำลังจะปรับเปลี่ยนบทบาทในงานด้านการผลิต ปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังจะกลายเป็นหัวใจสำคัญของอุตสาหกรรมการผลิต และจะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญต่อกระบวนการทำงาน เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะมาถึงนี้ MMThailand ขอนำเสนอ 5 แนวโน้มสำคัญของ AI ที่ผู้ผลิตควรจับตามอง
1. AI ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการแก้ปัญหาและการตัดสินใจ
AI ถูกนำมาใช้งานในอุตสาหกรรมการผลิตอย่างกว้างขวางมากขึ้น จากเดิมที่เคยใช้เพื่อการเฝ้าติดตามและการรายงานข้อมูลแบบพื้นฐาน ตอนนี้ AI ได้พัฒนาไปสู่การเป็นเครื่องมือสำคัญในการแก้ปัญหาเชิงลึกและการสนับสนุนการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์
ยกตัวอย่างเช่น AI สามารถช่วยคาดการณ์ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในห่วงโซ่อุปทานผ่านการจำลองความเสี่ยงจากข้อมูลแบบเรียลไทม์ ช่วยให้ผู้ผลิตสามารถดำเนินการเชิงรุกเพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที
2. Generative AI ทำให้เทคโนโลยีใช้งานง่ายและเป็นมิตรกับผู้ใช้มากขึ้น
ในขณะที่ AI แบบดั้งเดิมมักถูกใช้ในงานปฏิบัติการ Generative AI จะเข้ามาเพิ่มศักยภาพในการเข้าถึงเทคโนโลยีให้กับพนักงานมากขึ้น โดยการแปลงชุดข้อมูลขนาดใหญ่ให้เป็นภาพโต้ตอบที่เข้าใจง่าย ทำให้พนักงานสามารถตีความข้อมูลได้สะดวกและรวดเร็ว
Generative AI ยังทำหน้าที่เป็นตัวกลางที่ช่วยลดความซับซ้อนของระบบและโมเดล AI ทำให้ผู้ใช้งานสามารถใช้ข้อมูลเพื่อปรับปรุงกระบวนการ เช่น การบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์และการควบคุมคุณภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
3. ทักษะที่เปลี่ยนไปจะปรับบทบาทของพนักงาน
เมื่อ AI เข้ามาจัดการงานที่ซ้ำซากและใช้เวลามาก พนักงานจะมีเวลาสำหรับงานเชิงกลยุทธ์และงานที่สร้างมูลค่าเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้บทบาทในอุตสาหกรรมการผลิตเปลี่ยนแปลงไป พนักงานจะต้องพัฒนาทักษะที่ช่วยให้ทำงานร่วมกับเทคโนโลยีได้อย่างราบรื่น
แม้ว่าพนักงานจะไม่จำเป็นต้องเชี่ยวชาญด้านข้อมูลเหมือนนักวิทยาศาสตร์ แต่พวกเขาจะต้องเรียนรู้วิธีการใช้งานข้อมูลและ AI ในการแก้ปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ
4. Generative AI สนับสนุนความยั่งยืนอย่างมีนัยสำคัญ
ความยั่งยืนกลายเป็นประเด็นสำคัญในสายตาของผู้กำกับดูแลและผู้บริโภค ผู้ผลิตจึงต้องแสดงถึงความสามารถในการสร้างความยั่งยืนตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทานเพื่อรักษาความน่าเชื่อถือและความได้เปรียบในการแข่งขัน
การรายงานด้านความยั่งยืนซึ่งเคยเป็นงานที่ซับซ้อนและใช้ทรัพยากรมาก กำลังจะง่ายขึ้นด้วย Generative AI ที่สามารถทำให้กระบวนการจัดทำรายงานอัตโนมัติ รวมถึงการจำลองสถานการณ์เพื่อเปรียบเทียบผลกระทบด้านความยั่งยืนจากตัวเลือกต่าง ๆ ช่วยให้ผู้ผลิตสามารถติดตามและแสดงความก้าวหน้าด้านนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
5. ข้อมูลจะกลายเป็นหัวใจสำคัญของโมเดลการบริการ
ในอดีต อุตสาหกรรมการผลิตมุ่งเน้นที่ประสิทธิภาพและการควบคุมคุณภาพมากกว่าการสร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า แต่เมื่อผู้ผลิตเปลี่ยนไปสู่โมเดลการให้บริการ (Servitization) ที่มุ่งเน้นการให้บริการตลอดวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์ ผู้ผลิตจำเป็นต้องวิเคราะห์ข้อมูลการใช้งานและประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์อย่างลึกซึ้ง
AI จะเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยผู้ผลิตสร้างรายได้ใหม่จากการให้บริการ เช่น การบำรุงรักษาเชิงพยากรณ์และการวิเคราะห์เชิงลึก ช่วยรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าได้ยาวนาน แม้สินค้าจะออกจากโรงงานไปแล้ว
AI จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ของอุตสาหกรรมการผลิตในหลายมิติ ตั้งแต่การปรับเปลี่ยนทักษะของพนักงานไปจนถึงการเปลี่ยนแปลงสู่โมเดลการให้บริการ ผู้ผลิตที่สามารถปรับตัวและนำ AI มาใช้ได้อย่างเหมาะสม จะมีศักยภาพในการแข่งขันและความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับอุตสาหกรรมที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วและยั่งยืน
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.manufacturing.net/artificial-intelligence/article/22928767/5-things-to-expect-from-ai-in-2025