รู้หรือไม่ว่าต้นทุนในการพัฒนา Application ทางดิจิทัลรวมถึงโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลที่เกี่ยวข้อง เป็นหนึ่งในตัวแปรสำคัญที่ ส่งผลโดยตรงต่อระยะเวลาที่ใช้ และความสำเร็จ ในการทำ Digital Transformation ในองค์กร เทคโนโลยี 5G ที่ถือเป็นนวัตกรรมใหม่ในยุคนี้ เป็นตัวเลือกที่หลายองค์กรพิจารณานำมา ปรับใช้เพื่อพาองค์กรสู่องค์กรดิจิทัล ด้วยเล็งเห็นถึงศักยภาพที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และประสิทธิผลในการดำเนินธุรกิจได้ แต่ถึงกระนั้นยังมีความท้าทายอีกหลายประการสำหรับองค์กรในการตัดสินใจเริ่มต้นใช้งาน เช่น ความกังวลในเรื่องต้นทุนของการนำเทคโนโลยี 5G มาใช้ หรือการขาดความเชี่ยวชาญที่จะสามารถนำ 5G ที่เป็นเทคโนโลยีมาใช้ให้ได้ประโยชน์สูงสุด เพื่อลดต้นทุน ลดระยะเวลา ช่วยองค์กรธุรกิจและบริษัทที่ต้องการทำ Digital Transformation เพื่อให้สามารถแข่งขันในโลกธุรกิจสมัยใหม่ หรือภาคอุตสาหกรรมที่ต้องการก้าวสู่อุตสาหกรรม 4.0 ได้
5G พลิกโฉมการเชื่อมต่อยุคใหม่ได้อย่างไร?
แม้ปัจจุบัน องค์กรจะสามารถเชื่อมต่อโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลผ่านระบบสาย อย่างสายอินเทอร์เน็ตวงจรเช่า (Leased line) หรือการใช้เครือข่ายใยแก้วนำแสง (Fiber Optic) ซึ่งเรียกได้ว่ามีความเสถียรสูง แต่ก็มาพร้อมกับต้นทุนจำนวนมหาศาลในการเดินสายเป็นระยะทางยาวไกล และต้องมีการเชื่อมสายข้อมูลเหล่านี้เข้ากับทุกอุปกรณ์และเซิร์ฟเวอร์ เมื่อต้องการเพิ่มเติมอุปกรณ์ก็ต้องเดินสายเพิ่ม หรือเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงเลย์เอาท์ในโรงงานก็ทำการเคลื่อนย้ายได้ยาก ในขณะที่เครือข่ายไร้สายอย่าง WiFi ที่ได้เริ่มนำมาใช้แทนสายนั้นแม้จะอำนวยความสะดวกในการที่ไม่ต้องเดินสายข้อมูลทำให้สามารถเคลื่อนย้ายจุดการใช้งานได้ง่าย แต่ยังอาจเหมาะสำหรับใช้ในพื้นที่จำกัดหรือพื้นที่ในอาคารซึ่งเป็นพื้นที่ควบคุม ด้วยการวางโครงข่ายที่ต้องใช้จำนวนอุปกรณ์มาก และตัวช่องสัญญาณต่าง ๆ ก็ยังมีจำกัดจึงอาจจะไม่เหมาะสำหรับการใช้งานที่ต้องมีการเชื่อมต่อเยอะ ๆ ต้องการความเสถียรสูง หรือต้องใช้ในพื้นที่กว้าง ครอบคลุมทั้งในอาคารและนอกอาคาร
การเติบโตของโลกธุรกิจในปัจจุบันที่มาพร้อมกับความต้องการโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลและระบบเครือข่ายที่แข็งแรง มีความยืดหยุ่นในการใช้งานมากขึ้น เทรนด์ของโซลูชันต่างๆ มักต้องการระบบเครือข่ายที่สามารถส่งข้อมูลได้รวดเร็วยิ่งขึ้น การโอนถ่ายไฟล์ขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยข้อมูลที่มีรายละเอียดสูงเช่น ไฟล์ข้อมูลวิดีโอต้องเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว หรือการส่งข้อมูลที่ต้องใช้เพื่อสื่อสารกับอุปกรณ์ IoT ที่แม้จะเป็นการส่งข้อมูลขนาดเล็ก แต่ต้องส่งข้อมูลอย่างต่อเนื่องตลอดเวลาพร้อมกับอุปกรณ์จำนวนมหาศาลต้องทำได้ โดยผ่านระบบซึ่งแตกต่างจากการส่งไฟล์ขนาดใหญ่ เพื่อตอบสนองเงื่อนไขความต้องการที่หลากหลายและความยืดหยุ่นในการใช้งานระดับสูง เทคโนโลยีการเชื่อมต่อ 5G ซึ่งมีพื้นฐานมาจากเครือข่ายโทรศัพท์ไร้สายหรือระบบเคลื่อนที่จึงได้ถูกพัฒนาขึ้นมาให้สามารถใช้งานได้อย่างครอบคลุมความต้องการมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการรองรับการเชื่อมต่อจำนวนมหาศาล 1 ล้านการเชื่อมต่อในพื้นที่ 1 ตารางกิโลเมตร หรือความหน่วงในการใช้งานที่ต่ำจึงสามารถส่งข้อมูลและตอบสนองได้แบบใกล้เคียง Real-time ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับโรงงานที่ใช้ระบบอัตโนมัติหรือต้องการการทำงานที่ควบคุมได้อย่างแม่นยำทันต่อสถานการณ์
AIS ในฐานะผู้นำในการพัฒนาเครือข่าย 5G จึงได้พัฒนา 5G Solutions สำหรับภาคธุรกิจขึ้นอาทิ
- Fixed Wireless Access (FWA): บริการที่ใช้ความสามารถของ 5G เพื่อตอบโจทย์การเชื่อมต่อขององค์กรแบบไร้สายด้วยศักยภาพของ 5G เรื่องความเร็วสูง ความหน่วงต่ำ และการทำ QoS คือ การจัดลำดับความสำคัญของประเภทข้อมูลที่ผ่านเครือข่าย ซึ่งบนเครือข่ายเดิม แบบ 3G หรือ 4G ไม่สามารถทำได้
- Multi-Access EDGE Computing (MEC): การเพิ่มความสามารถในการประมวลผล โดยนำหน่วยประมวลผล ติดตั้งในพื้นที่ที่ใกล้กับการใช้งานเพื่อลดระยะทางระหว่างอุปกรณ์
- Network Slicing: นวัตกรรมใหม่ บน 5G สามารถควบคุมและจัดสรรทรัพยากรที่เหมาะสมในแต่ละความต้องการที่แตกต่างกันของแต่ละแอฟพลิเคชัน
- 5G Private Network: เพื่อการใช้งานกับโซลูชันที่ต้องการความแม่นยำสูง โดยการสร้างเครือข่าย 5G เฉพาะที่มีการออกแบบทั้งด้านการใช้งาน และความปลอดภัย
สำหรับผู้ที่สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโซลูชันเหล่านี้ของ AIS 5G สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่บทความ [เปลี่ยนโลกของการผลิตและธุรกิจด้วยโครงสร้างพื้นฐาน 5G]
AIS ยังคงขยายความร่วมมือกับพันธมิตรให้บริการโซลูชัน 5G ครบวงจรให้กับธุรกิจที่หลากหลาย เพื่อตอบโจทย์รูปแบบการทำงานเฉพาะในแต่ละภาคธุรกิจอีกด้วย ซึ่งกรณีทั้งหมดเป็นการปรับแต่งตามความต้องการของธุรกิจระหว่างลูกค้า, AIS Business และพันธมิตรที่ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด ซึ่งหมายความว่าทุกครั้งที่มีการบูรณาการใช้งาน 5G ต้องมีการปรับแต่งและทำงานร่วมกันแบบ Case by Case ส่งผลให้ระยะเวลาในการทดลองหรือทำโครงการนำร่องนั้นใช้เวลาไม่น้อย ยิ่งโรงงานหรือธุรกิจขนาดเล็กยิ่งเป็นไปได้ยาก ด้วยขนาดของการลงทุน ระยะเวลาที่ใช้หลักเดือนถึงหลักปี และช่วงเวลาในการบ่มเพาะองค์ความรู้ของทุกฝ่าย ความท้าทายเหล่านี้จึงเป็นที่มาของการพัฒนา AIS 5G NEXTGen Platform ขึ้นมาเพื่อให้เกิดความสะดวกสบาย และเพิ่มศักยภาพของผู้ใช้งานที่สร้างความแตกต่างได้อย่างชัดเจน
AIS 5G NEXTGen Platform ลดต้นทุน เพิ่มความสามารถในการบริหารจัดการที่แรกและที่เดียวของประเทศไทย
เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานหรือองค์กรต่าง ๆ สามารถพัฒนาเทคโนโลยีและโซลูชันต่าง ๆ ในการใช้งาน 5G ที่เร็วขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น และสามารถแข่งขันได้อย่างเต็มศักยภาพ AIS จึงได้พัฒนาแพลตฟอร์มสำหรับการบริหารจัดการและใช้งานเทคโนโลยี 5G ที่ทำได้ง่าย ๆ ด้วยตัวเองผ่านปลายนิ้ว ในชื่อ AIS 5G NEXTGen Platform ซึ่งตอนนี้เป็นแพลตฟอร์ม 5G แห่งแรกและแห่งเดียวที่มีในปัจจุบัน
จากเดิมที่การติดตั้งใช้งาน 5G นั้นต้องทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด ใช้เวลาในการออกแบบและพัฒนา แต่ ด้วยแพลตฟอร์มที่ง่ายในลักษณะ Web-based ผู้ใช้สามารถ Login เข้าใช้งานได้จากหน้าเว็บ ปรับแต่งและแก้ไขได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และไม่จำเป็นต้องลงทุนจำนวนมาก เพื่อพัฒนาแอปพลิเคชั่นสำหรับใช้งานได้โดยไม่ต้องมีทุกอย่างด้วยตัวเอง เพราะ AIS 5G NEXTGen Platform นั้นประกอบไปด้วยเทคโนโลยีสำคัญ 4 ชนิด ได้แก่ 5G Network, Applications, Clouds และ MEC/Edge โดยมีความน่าสนใจในการใช้งาน ดังนี้
ความเป็นแพลตฟอร์มที่เกิดขึ้นจะช่วยให้ผู้ใช้งานหรือภาคธุรกิจสามารถปรับแต่ง พัฒนา และบริหารจัดการความต้องการคุณสมบัติต่าง ๆ ได้เองผ่านระบบออนไลน์ เพิ่มการทำงานร่วมกับ MEC และ EDGE Computing ที่สามารถเชื่อมต่อไปยัง Public Cloud และ Global Cloud ได้โดยตรง และเลือกปรับแต่งคุณสมบัติ 5G ให้ความเหมาะสมกับแอปพลิเคชั่นที่ต้องการใช้งานได้ หรือหากองค์กรต้องการใช้งานอย่างรวดเร็ว ก็ยังสามารถเลือกใช้แอปพลิเคชันสำเร็จรูปได้ผ่าน Market Place ซึ่งจะลดเวลาในการพัฒนาแอปพลิเคชันที่ต้องการใช้งานได้อย่างมาก
ไม่จำเป็นต้องลงทุนฮาร์ดแวร์
ด้วยความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐาน 5G MEC และ Edge Computing ของ AIS ที่เตรียมไว้แล้ว การเริ่มต้นใช้งาน5G และหน่วยประมวลผลสำหรับแอปพลิเคชั่นต่างๆ จึงไม่จำเป็นต้องติดตั้งอุปกรณ์ทั้งหมดภายในธุรกิจของผู้ใช้งานเอง แต่สามารถใช้ทรัพยากรที่มีบนแพลตฟอร์มได้อย่างง่ายดาย ลดต้นทุนที่ต้องใช้ในการเริ่มต้นหรือโครงการระยะทดลองและระยะยาวได้เป็นอย่างดี
เริ่มต้นด้วยโครงการขนาดเล็กก่อนได้
ด้วยการประหยัดต้นทุนด้านฮาร์ดแวร์ โครงการนำร่องหรือโครงการตัวอย่างจึงสามารถทดลองเริ่มต้นใช้งานหรือวางแผนได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายหากเทียบกับการใช้งานรูปแบบเดิม สามารถใช้ทรัพยากรในระบบนิเวศของแพลตฟอร์มก่อนได้ หลังจากนั้นจึงทำการขยายสัดส่วนที่ต้องการเมื่อมีความพร้อม
ติดตั้งแอปพลิเคชันที่ต้องการใช้งานได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย
ยืดหยุ่นต่อการพัฒนา ด้วยการออกแบบหน่วยประมวลผล ทั้ง MEC และ Edge Computing ที่รองรับการทำงานร่วมกับ Public Cloud ที่หลากหลาย อาทิ AWS และ Microsoft Azure ทำให้สามารถติดตั้งแอปพลิเคชันที่มีมาตรฐานการใช้งานกันอย่างแพร่หลายได้ง่าย ๆ ไม่ต้องเสียเวลาในการบูรณาการเยอะ เพิ่มความคล่องตัวของธุรกิจภายใต้สถานการณ์ความเร่งรีบได้เป็นอย่างดี
ระบบนิเวศของแอปพลิเคชันบน AIS Market Place นั้นสามารถใช้งานร่วมกับพันธมิตร SaaS ระดับสากลได้อีกด้วย
เพราะความสำเร็จทุกอย่างไม่ต้องเริ่มต้นจากศูนย์ อีกต่อไป AIS Market Place เปิดโอกาสให้เลือกใช้ เลือกซื้อแอปพลิเคชันที่ต้องการเพื่อนำมาต่อยอดบูรณาการได้ทันที ไม่ต้องพัฒนาตั้งแต่รากฐานเริ่มต้นทุกอย่าง ไม่แตกต่างจากการใช้งานปลั๊กอินที่มีความสะดวกสบาย
เป็น Gateway สำหรับใช้งานแอปพลิเคชัน 5G ในระดับภูมิภาค
นอกเหนือไปจากการใช้งานภายในประเทศแล้ว AIS 5G NEXTGen Platform ยังรองรับการขยายตัว นำไปติดตั้งในภูมิภาคเพื่อใช้แอปพลิเคชันในต่างประเทศได้อีกด้วย เช่น การใช้งานในประเทศสิงคโปร์ซึ่งมี Singtel เป็นพันธมิตรคอยให้การสนับสนุนอยู่ เป็นต้น
ต้องยอมรับว่าจุดเด่นในการใช้งานแพลตฟอร์มนั้นอยู่ที่ความง่ายของการบริหารจัดการ โดยเฉพาะในส่วนของ MEC ที่สามารถบริหารจัดการได้โดยผ่าน Analytic dashboard ได้ โดยคุณสมบัติของ MEC คือ ช่วยให้การประมวลผลเกิดขึ้นได้ใกล้กันกับพื้นที่ ซึ่งมีข้อดีที่สำคัญ คือ การตอบสนองของข้อมูลที่เกิดขึ้นรวดเร็วมากแตกต่างจากเดิมที่อาจจะต้องส่งข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ต่างประเทศหรืออยู่ตามหัวเมืองใหญ่ ซึ่งก่อให้เกิดความล่าช้าในการใช้งานข้อมูล เช่น การใช้งานกล้องรักษาความปลอดภัย หรือการใช้งานหุ่นยนต์ระบบอัตโนมัติและยานยนต์ไร้คนขับ เทคโนโลยีเหล่านี้ต้องการการตอบสนองที่รวดเร็วและแม่นยำซึ่งคลาดเคลื่อนไม่ได้ในหลักเสี้ยววินาที
ในกรณีของโรงงานอัจฉริยะหรือโรงงานอัตโนมัติยุคใหม่ที่ต้องการรายละเอียดในการใช้งานสูงที่สุด การปรับตั้งค่าบนแพลตฟอร์มสามารถกำหนดความเร็วและคุณสมบัติอื่น ๆ ที่ต้องการได้ทันที ทำให้การทดสอบหรือพัฒนาทำได้อย่างรวดเร็วและคล่องตัวมากขึ้น ไม่ว่าจะอยากให้เกิดความหน่วงน้อย ส่งเร็ว หรือต้องการอะไรแค่ไหนก็ตั้งค่าได้แค่ปลายนิ้ว
AIS 5G NEXTGen Platform คำตอบของความคล่องตัวให้กับภาคการผลิต
เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนยิ่งขึ้น เช่น การใช้งาน SCADA ที่หากต้องนำข้อมูลขึ้น Cloud ผู้ประกอบการอาจกังวลถึงความปลอดภัยของข้อมูล แนวทางที่ผู้ประกอบการเลือกใช้ จึงต้องลงทุนติดตั้งอุปกรณ์ Server หรือ หน่วยประมวลผลต่าง ๆ ขึ้นเอง ทั้งนี้เพื่อให้สามารถควบคุมได้หมดจดทุกกระบวนการ อีกทั้งยังคาดหวังในการใช้งานแอปพลิเคชันคุณภาพสูงที่หลากหลายภายในโรงงาน รวมถึงต้องมีสัดส่วนที่ใหญ่พอที่จะทำให้คุ้มทุน การออกแบบกระบวนการต่าง ๆ ต้องมีความชัดเจน เห็นภาพใหญ่ เข้าใจความต้องการคุณสมบัติและการประมวลผลที่คาดหวัง ไปจนถึงการบูรณาการเข้ากับ SCADA ที่ต้องการใช้งานด้วย ซึ่งสำหรับการใช้งานในลักษณะนี้ผู้ประกอบการสามารถตั้งค่า ตามรายละเอียดของการออกแบบระบบ โดยการใช้งานบนแพลตฟอร์มก่อนอีกทั้งยังขยายสัดส่วนการลงทุนเพิ่มเติมในภายหลังได้ ซึ่งสิ่งที่จับต้องได้อย่างชัดเจน คือ การลดต้นทุน และการลดเวลาจากหลักเดือนให้กลายเป็นหลักวันหรือสัปดาห์ หรือคิดเป็น 20 – 50% จากเวลาเดิมที่เคยใช้สำหรับการบูรณาการระบบที่ใช้กันในปัจจุบัน
ด้วยการพัฒนาสู่แพลตฟอร์มเอง ทำให้ผู้ใช้งานหรือองค์กรสามารถปรับแต่ตั้งค่า ทดลอง และออกแบบกิจกรรมต่าง ๆ เองได้อย่างคล่องตัว ไม่จำเป็นต้องรอติดต่อผู้ให้บริการหรือผู้เชี่ยวชาญจากภายนอกเพื่อเริ่มต้นทำอะไรที่สามารถนำร่องเองก่อนได้ ไปจนถึงการต่อยอดขยายสัดส่วนการทำงานต่าง ๆ ก็สามารถเกิดขึ้นได้โดยไม่จำเป็นต้องลงทุนทรัพยากรเองทั้งหมด ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นธุรกิจการผลิต SME หรือธุรกิจขนาดใหญ่ แพลตฟอร์ม 5G ที่เกิดขึ้นจาก AIS สามารถใช้งานได้กับธุรกิจทุกขนาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีดิจิทัลและระบบอัตโนมัติ
สำหรับธุรกิจหรือโรงงานที่สนใจ Digital Transformation หรือวางโครงสร้างพื้นฐานด้านเครือข่ายสำหรับธุรกิจยุคใหม่ AIS 5G NEXTGen Platform สามารถส่งมอบความคุ้มค่า ความรวดเร็ว และเสริมศักยภาพของธุรกิจได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ต้องการเริ่มต้นใช้งานเครือข่ายพื้นฐานที่มีศักยภาพสูงและสามารถปรับแต่งได้อย่างละเอียดตามแอปพลิเคชันการใช้งานที่หลากหลายในธุรกิจ
ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ NEXTGen Platformได้ที่:
https://business.ais.co.th/5g/5GNextGenPlatform.html
AIS Business พาร์ทเนอร์ที่ช่วยตอบโจทย์ทุกเรื่อง ICT & Digital ที่คุณมั่นใจ
“Your Trusted Smart Digital Partner”
ปรึกษาและวางแผนพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อรองรับการทำงานและต่อยอดธุรกิจได้ที่
Email: [email protected]
Website: https://business.ais.co.th