AIS Business 2023

AIS Business ตั้งเป้าเติบโต อุ่นใจไปด้วยกันภายใต้ยุคข้อมูลอัจฉริยะสำหรับภาคธุรกิจในปี 2023

Date Post
25.04.2023
Post Views

AIS Business ผู้นำในด้านการให้บริการดิจิทัลและโซลูชันในการทำ Digital Transformation เดินหน้าเข้าสู่ปีที่ 33 พร้อมตั้งเป้าหมายสร้างความก้าวหน้าไปกับลูกค้าและพันธมิตรทั้งผู้ประกอบการในภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมในปี 2023 นี้ ภายใต้ 3 แนวคิดสำคัญ ‘เติบโต (Growth) อุ่นใจ (Trust) ไปด้วยกัน (Sustainability)’

มุ่งหน้ายกระดับโครงสร้างธุรกิจ ก้าวสู่องค์กร Cognitive TechCo

ที่ผ่านมาในอดีตหลาย ๆ ท่านอาจจะเริ่มรู้จัก AIS ในฐานะของผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในระดับชั้นนำของประเทศไทย แต่ที่จริงแล้วในปัจจุบัน AIS ยังคงเดินหน้าพัฒนาโซลูชันและบริการใหม่ ๆ เพื่อช่วยสนับสนุนการเติบโตขององค์กรและธุรกิจต่าง ๆ ผ่านกลุ่มธุรกิจอย่าง AIS Business ที่มุ่งเน้นการดูแลลูกค้าองค์กร ด้วยการมุ่งหน้ายกระดับโครงสร้างพื้นฐานทาง IT และสร้างเครือข่ายอัจฉริยะก้าวสู่การเป็น Cognitive TechCo ซึ่งเป็นการพลิกโฉมการให้บริการต่าง ๆ โดยหนึ่งกลยุทธ์ที่สำคัญคือด้วยการขับเคลื่อนผ่านข้อมูลที่ทำให้เข้าใจในพฤติกรรมหรือความต้องการใช้งานในเชิงลึกมากยิ่งขึ้น ทำให้สามารถตอบสนองต่อความท้าทายในการแข่งขันระดับสากลไปจนถึงการแก้ไขปัญหาในจุดที่เล็กที่สุดได้อย่างตรงประเด็นและมีประสิทธิภาพ

สำหรับในปีนี้เอง AIS Business ก็ยังคงเล็งเห็นถึงความสำคัญของการทำ Digital Transformation เพื่อช่วยให้องค์กรต่าง ๆ สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน แม้จะต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายของการแข่งขันในโลกยุคหลังโควิด-19 โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างความคุ้มค่าและประสิทธิภาพสูงสุดในการแข่งขันอันเข้มข้นของกลุ่มธุรกิจภาคการผลิต โรงงานอุตสาหกรรม ธุรกิจ Logistics ตลอดจนซัพพลายเชนที่เกี่ยวข้อง ให้สามารถเติบโตและแข่งขันได้ภายใต้สภาพแวดล้อมการแข่งขันที่มีเทคโนโลยีและโซลูชันด้านดิจิทัลเป็นแกนกลางสำคัญ

การพลิกโฉมจาก Digital Life Service Provider สู่ Cognitive TechCo ของ AIS นั้นจะช่วยผลักดันให้เกิดการทำ Digital Transformation ที่เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นการลดระยะเวลาการพัฒนาสินค้าออกสู่ตลาด การลดระยะเวลาของ Transformation ความปลอดภัยด้านดิจิทัล ไปจนถึงการใช้ Insight หรือข้อมูลเชิงลึกเพื่อต่อยอดธุรกิจในแง่มุมต่าง ๆ ก็สามารถเกิดขึ้นได้ ซึ่งทั้งหมดนี้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของการพัฒนาอย่างยั่งยืน

ตลอดปี 2022 ที่ผ่านมา AIS Business เองยังมีการต่อยอดและพัฒนาบริการต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีด้าน ICT และการสื่อสารได้มีการร่วมมือกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญพิเศษในธุรกิจเฉพาะทาง ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีการผลิตอัตโนมัติ ระบบบริหารจัดการน้ำ หรือโซลูชันด้านการบริหารจัดการพลังงาน มีการเปิดตัว AIS 5G NEXTGen Platform ที่เพิ่มความสะดวกในการบูรณาการระบบ การปรับแต่งแอปพลิเคชันดิจิทัลแบบ On Cloud ตลอดจนการเปิดตัว AIS Cloud X ระบบนิเวศคลาวด์อัจฉริยะที่ รวมถึงมาตรฐานความมั่นคง ปลอดภัยของข้อมูล Sovereign Cloud ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานระดับสูงสุดจาก Vmware เป็นรายแรกของประเทศไทย

เส้นทางการทำธุรกิจของ AIS Business ในปี 2023 นี้จึงเป็นการต่อยอดความสำเร็จที่ผ่านมาซึ่งตั้งอยู่บนแนวคิด Your Trusted Smart Digital Partner เติบโต อุ่นใจ ไปด้วยกันด้วยการสนับสนุนภาคธุรกิจให้เกิดการแข่งขันได้อย่างเต็มศักยภาพและอยู่บนพื้นฐานความรับผิดชอบที่มีต่อสังคม สิ่งแวดล้อม และผู้บริโภค

AIS Business พร้อมพาพันธมิตรเดินหน้า เติบโต อุ่นใจ ไปด้วยกัน

ด้วยโซลูชันจำนวนมากไม่ว่าจะเป็นแพลตฟอร์มเครือข่าย Intelligent Network หรือเครื่องมือด้าน Data และระบบ Cloud ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ทำให้ AIS Business สามารถช่วยเร่งการทำ Digital Transformation ให้แต่ละองค์กรได้ ไม่ว่าจะเป็น SMEs หรือ Large Enterprise ก็ตาม ซึ่งในปี 2022 ที่ผ่านมา จากการรวบรวมข้อมูลของ Global Data Brand Perception Survey นั้น AIS Business ยังได้ขึ้นเป็นผู้นำอันดับ 1 ขององค์กรด้าน ICT ที่ได้รับความไว้วางใจมากที่สุดถึง 56% จากลูกค้าในระดับองค์กรชั้นนำ และสำหรับในปี 2023 นี้ AIS Business ยังคงพร้อมเดินหน้าเติบโตไปกับพันธมิตรเพื่อสร้างโอกาสในการแข่งขันและการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ ให้มากขึ้น เมื่อมองถึงภาพรวมทั้งหมดแล้ว AIS Business จึงได้มุ่งสร้าง Digital Business Ecosystem ผ่านกลยุทธ์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างการเชื่อมต่อ 5G Ecosystem เพื่อการทำงานของภาคธุรกิจอย่างรอบด้าน ทั้งยังยกระดับการทำงานของโครงข่ายด้วย Intelligent Network หรือการเสริมอาวุธทางการตลาดให้แก่ธุรกิจด้วยการขับเคลื่อนผ่านข้อมูล (Data Driven) ที่สร้างความเข้าใจในพฤติกรรมและปัจจัยต่าง ๆ ได้อย่างลึกซึ้งแม่นยำ

ในปีนี้ AIS Business พร้อมที่จะก้าวเข้ามาเป็นพันธมิตรในการปรับเปลี่ยนองค์กรให้มีความทันสมัย สร้างความน่าเชื่อถือ และเพิ่มความคล่องตัวในการทำงานทั้งในด้านประสิทธิภาพ ความคล่องตัว และความปลอดภัย การมีพันธมิตรทางธุรกิจที่น่าเชื่อถือและการมี Ecosystem ที่พร้อมรอบด้านนั้นจะนำไปสู่การเป็น ธุรกิจที่ยั่งยืน ซึ่งสามารถเติบโตได้อย่างมั่นคง ในปี 2023 นี้ AIS Business จึงมาพร้อมกับแนวคิด ‘เติบโต อุ่นใจ ไปด้วยกัน’ เพื่อตอกย้ำถึงการสร้างความยั่งยืนต่อทั้งธุรกิจและสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นลูกค้า พันธมิตรทางธุรกิจ และตัวองค์กรของ AIS Business  เอง ซึ่งแนวคิดดังกล่าวตั้งอยู่บนหัวใจสำคัญ 3 ประการ ได้แก่ การเติบโต ความมั่นใจ และความยั่งยืน

3 หัวใจสำคัญเพื่อการ ‘เติบโต อุ่นใจ ไปด้วยกัน’ ของ AIS Business ในปี 2023

การก้าวไปข้างหน้าและสรัางผลประกอบการที่งอกเงยนั้นเป็นพื้นฐานทั่วไปของธุรกิจไม่ว่าจะยุคสมัยใด แต่ในช่วงเวลาปัจจุบันที่แนวคิดด้าน ‘ความยั่งยืน’ กลายมาเป็นปัจจัยที่ทวีความสำคัญเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง การเติบโตที่จะเกิดขึ้นได้นั้นต้องมีส่วนประกอบที่หลากหลายและคำนึงถึงผลกระทบที่จะตามมามากขึ้น

AIS Business จึงได้ออกแบบโครงสร้างที่จะเป็นหัวใจสำคัญของการก้าวเดินไปภายใต้แนวคิด ‘เติบโต อุ่นใจ ไปด้วยกัน’ ขึ้นมาเป็น 3 เสาหลักที่จะช่วยขับเคลื่อนธุรกิจในปี 2023 ได้แก่

1. Growth: เร่งการเติบโตธุรกิจด้วยเครื่องมือดิจิทัล

AIS Business ยังคงพัฒนาโซลูชันใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการให้บริการด้านการจัดการข้อมูลอัจฉริยะ ไม่ว่าจะเป็นการจัดการข้อมูล Data Insight หรือ AIS 5G และ Cloud Platform ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานให้ทุกธุรกิจได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มอุตสาหกรรม AF ไม่ว่าจะเป็นงานควบคุมคุณภาพที่บูรณาการการใช้ Machin Vision ที่แม่นยำหรือการใช้ IIoT เพื่อสร้างแผนผังข้อมูลที่ขัดเจนโปร่งใสในทุกกระบวนการ แม้กระทั่งในส่วนของการดูแลสวัสดิภาพแรงงานเองก็เปิดโอกาสให้สามารถใช้งานเทคโนโลยีวิเคราะห์ภาพเคลื่อนไหวเพื่อตรวจสอบความถูกต้องและความปลอดภัยที่เกิดจากการแต่งตัวและส่วมใส่อุปกรณ์ป้องกันที่สำคัญได้

เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้นกรณีศึกษาจากการใช้จริงของโรงงาน SOMBOON ADVANCE TECHNOLOGY ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์อันดับ 2 ของประเทศไทยที่มีการผลิตชิ้นส่วนมากกว่า 50 แบบ ได้นำเอาการใช้หุ่นยนต์อุตสาหกรรม, AGV และระบบอัตโนมัติต่าง ๆ เข้ามาเสริม ทำให้สามารถยกระดับการทำงานได้อย่างชัดเจน

อีกหนึ่งกรณีศึกษาที่น่าสนใจ คือ กรณีของ SCG ที่มีการใช้งานโซลูชัน Smart Autonomous Vehicle ที่ทำให้สามารถควบคุมเครื่องจักรและยานพาหนะระยะไกลได้แบบ Real-time ตอบสนองต่อสถานการณ์ตรงหน้าได้เสมือนจริง ลดความเสี่ยงในการทำงานแต่ละวัน

ในส่วนของแกนหลักที่ AIS Business สามารถเข้ามาช่วยเร่งการเติบโตของแต่ละองค์กร ไม่ว่าจะเป็นการช่วยเร่งการเติบโตของธุรกิจและการสร้าง Workflow ที่รวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และลดต้นทุนที่ต้องใช้ลงได้ โดยแนวคิดที่เป็นกลไกขับเคลื่อนการเติบโต ได้แก่

  • Increase Business Agility

เพิ่มความคล่องตัวของธุรกิจด้วยเทคโนโลยี Unmanned และ Automation เพื่อเร่งเวลาที่ต้องใช้ในกระบวนการต่าง ๆ และเพิ่ม Efficiency เพื่อลดค่าใช้จ่ายและต้นทุนในการทำงาน

  • Better Data Intelligence

สร้างการจัดการข้อมูลด้วยบริการอย่าง Data Analytics as a Service เพื่อรวบรวม Insights ที่ต้องการจากลูกค้าในการประกอบการตัดสินใจ สามารถช่วยลดความเสี่ยงในการลงทุนและติดปีกให้กับการบริหารจัดการได้เป็นอย่างดี

  • Enable New Industry Solutions

สำหรับธุรกิจที่กำลังเปลี่ยนเข้าสู่ระบบอัตโนมัติและพัฒนาสายการผลิตขององค์กร AIS Business 5G มีโซลูชันในภาคอุตสาหกรรมใหม่ ๆ มากมายเพิ่มเข้ามาเพื่อช่วยในการ Transform และยกระดับภาคอุตสาหกรรมด้วยความร่วมมือกับพันธมิตรระดับแนวหน้าของวงการ

นอกจากนั้นแล้ว AIS Business ยังเล็งเห็นความสำคัญของภาคการผลิตและพร้อมที่จะมอบ Industry Solutions ใหม่ ๆ เพื่อช่วยยกระดับการทำงาน ไม่ว่าจะเป็น Smart Manufacturing, Smart Transportation & Logistics, Smart City & Building หรือ Smart Retail โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคการผลิตที่โซลูชันจาก AIS Business สามารถปรับรุงกระบวนการผลิต การเพิ่มประสิทธิภาพ การลดต้นทุน การดูแลและบริหารจัดการสภาพแวดล้อมในโรงงาน ทั้งยังสามารถยกระดับการดูและพนักงานเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการทำงานได้อีกด้วย

2. Trust: บริการดิจิทัลที่ปลอดภัย มั่นใจ และเชื่อถือได้

อีกจุดที่ทุกองค์กรต้องให้ความสำคัญในการเลือกพันธมิตรทางธุรกิจ โดยเฉพาะในด้านระบบฐานข้อมูล เครือข่าย และการเชื่อมต่อ ที่ยิ่งต้องดำเนินการให้สอดคล้องกับกฎระเบียบการใช้งานที่ปลอดภัยและเป็นไปตามข้อกำหนดในประเทศ AIS Business มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางในโซลูชันอย่าง Sovereign Cloud, SD-WAN, Secured Connectivity จึงสามารถเข้ามาช่วยตอบโจทย์ในเรื่องของการเสริมประสิทธิภาพ ความเร็ว และความปลอดภัยในการบริหารจัดการข้อมูลเพื่อยกระดับความน่าเชื่อถือของแต่ละองค์กรได้เป็นอย่างดี 

ด้วยศักยภาพของเทคโนโลยี 5G จาก AIS Business ทำให้การบริหารจัดการระบบเครือข่ายมีความคล่องตัวและปรับรูปแบบให้เหมาะสมกับความต้องการได้ในระดับสูงสุด ไม่ว่าจะเป็น Private Network ที่เพิ่มความสามารถในการบริหารจัดการระบบเครือข่ายเฉพาะองค์กรทั้งยังเพิ่มความปลอดภัยในระดับสูงสุด Edge Computing เพิ่มความสามารถในการประมวลผลผ่านเครือข่ายด้วยหน่วยประมวลผลที่ใกล้กับจุดที่ใช้งานมากขึ้น ลดความหน่วงและเพิ่มความสามารถในการตอบสนองต่อ Task ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และ Network Slicing ที่ยกระดับการบริหารจัดการช่องสัญญาณเครือข่ายไร้สายให้เหมาะกับการใช้งานแต่ละรูปแบบ เช่น การเชื่อมต่อ IIoT ที่ต้องรองรับอุปกรณ์จำนวนมากแต่ไม่ต้องใช้งานข้อมูลขนาดใหญ่ ในขณะที่การประมวลผลภาพความละเอียดสูงผ่านเครือข่ายจะต้องรองรับข้อมูลขนาดใหญ่แต่ไม่ได้ใช้งานกับจำนวนภาพที่มากมายนัก ซึ่งทั้งหมดนี้สามารุเชื่อมต่อกับ Cloud ในงานอุตสาหกรรมเพื่อสร้างความปลอดภัยและติดตั้งแอปพลิเคชันการใช้งานใหม่ ๆ ให้กับโรงงานให้ทันสมัย ก้าวนำความท้าทายที่เกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที

  • Modernize Network

พัฒนาประสิทธิภาพของระบบเชื่อมต่อภายในองค์กรให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น มีความเสถียรและเติบโตได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นองค์กรที่มี Legacy Network หรือระบบเครือข่ายดั้งเดิมที่ใช้อยู่แล้ว หรือเป็นธุรกิจที่ไม่เคยนำระบบเหล่านี้มาใช้ AIS Business มาพร้อมโซลูชันในการช่วยพัฒนาระบบให้ได้ครบทุกความต้องการขององค์กร

  • Modernize Cloud & Platform

โซลูชันสำหรับการตอบโจทย์รูปแบบงานที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็น Hybrid/Multi/Sovereign Cloud หรือระบบสำหรับการป้องกันและกู้คืนข้อมูล หากมีการใช้ Platform จำนวนมากก็สามารถทำการ Crossover ระหว่างระบบได้อย่างปลอดภัยไร้รอยต่อ

  • Ensure Cybersecurity Protection

สำหรับธุรกิจที่มีการเก็บรักษาข้อมูลของลูกค้าและต้องการความปลอดภัยในระดับสูง AIS Business พร้อมตอบสนองด้วยโซลูชันที่ครอบคลุมความปลอดภัยให้องค์กรได้อย่างเต็มที่ ตั้งแต่การติดตั้งเครือข่ายไปจนถึงการเฝ้าระวังการคุกคามหรือ Cyber Threats จากภายนอก

3. Sustainability: กลไกสำคัญในการร่วมสร้างธุรกิจที่ยั่งยืน

AIS Business พร้อมเข้ามาร่วมสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม ด้วยโซลูชันที่ครอบคลุมและตอบรับกับนโยบาย ESG ในการจัดการการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ลดอัตราการปล่อยคาร์บอน และการวางแผนการผลิตที่เหมาะสมเพื่อลดการเกิด e-Waste ผ่านอุปกรณ์ IoT ที่สามารถเข้าถึงข้อมูลได้แบบ Real-Time AIS และในท้ายที่สุดความยั่งยืนที่เกิดขึ้นนั้นจะเป็นความยั่งยืนระยะยาวที่สอดคล้องกับความใส่ใจและความรัผิดชอบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมดอย่างแท้จริง

โซลูชันด้านความยั่งยืนเพื่อสนับสนุนภาคธุรกิจนั้นมีอยู่หลากหลาย แต่สำหรับภาคการผลิตแล้วมลภาวะทางด้านน้ำและอากาศเป็นปัจจัยหลักที่ผู้คนต่างมองเห็นและตั้งคำถามอยู่บ่อยครั้งโซลูชัน Wastewater Management และ Air Quality Management จาก AIS Business จะแสดงผลบน Dashboard ที่มีข้อมูลสำคัญแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนไม่ว่าจะเป็นค่าพลังงานที่ใช้ ระดับความอันตรายหรือการแจ้งเตือนมลพิษต่าง ๆ ทำให้สามารถวางแผนและจัดการกลิ่นรบกวนรวมถึงมลภาวะอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องได้อย่างมีประสิทธิภาพ การดูแลสิ่งแวดล้อมของโรงงานและพื้นที่โดยรอบจึงเกิดขึ้นในรูปแบบที่วัดผลและจับต้องได้

สำหรับแนวคิดด้านความยั่งยืนในปี 2023 นี้ของ AIS Business มีกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อน ได้แก่

  • Drive Sustainable Business

AIS Business มุ่งเน้นผลักดัน Digital Economy เพื่อเป็นตัวอย่างของการลดพลังงาน และสร้างการตระหนักรู้ผ่านโปรแกรมต่าง ๆ ทั้ง AIS Academy for Thai/AIS Aunjai Cyber/AIS e-Waste เพื่อส่งเสริมให้ผู้คนในสังคมตื่นตัวและมองเห็นความสำคัญของความยั่งยืนซึ่งเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวกว่าที่ทุกคนคิด

  • ESG-Friendly Solution

สำหรับพันธมิตรที่ต้องการแสดงความใส่ใจในสังคมและสิ่งแวดล้อม AIS Business ก็มีโซลูชันที่ช่วยในการจัดการผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการผลิต ทั้ง Air Quality Monitoring และ Wastewater Monitoring เพื่อช่วยให้ทุกธุรกิจสามารถร่วมกันแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมได้นั่นเอง

  • Digital Innovation Ecosystem

ด้วยเครือข่ายพันธมิตรที่ AIS Business สร้างขึ้น ทำให้พันธมิตรในกลุ่มสามารถร่วมกันสร้าง Sustain Business Model และเร่งผลักดันการสร้างเทคโนโลยีด้านความยั่งยืนให้เกิดขึ้นในสังคมได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

จะเห็นได้ว่า AIS Business มีพันธกิจในการมุ่งมั่น ผลักดันภาคอุตสาหกรรมให้ก้าวสู่ยุคดิจทัล โดยให้ความสำคัญในความร่วมมือกับพันธมิตรที่เชี่ยวชาญด้านโอเปอเรชันเทคโนโลยีเพื่อสร้างโซลูชันพร้อมโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลให้กับภาคอุตสาหกรรมในการก้าวเข้าสู่ อุตสาหกรรม 4.0 ทั้งมิติของ การเพิ่มผลผลิต การลด ค่าใช้จ่ายจากการ ดำเนินการ การเพิ่มประสิทธิภาพให้กับพนักงาน การดูแลความปลอดภัย และการดูแลสิ่งแวดล้อม  

AIS Business โซลูชันเพื่อภาคอุตสาหกรรมที่ลงตัวที่สุดสำหรับความยั่งยืนและ Cutting Edge Technology

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการทำธุรกิจใด ๆ ก็ตามความสำเร็จทั้งด้านการเงินและการดำเนินการเป็นเรื่องสำคัญ สำหรับภาคการผลิตเองที่ปัจจุบันต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายหลากหลายประการ ไม่ว่าปัญหาซัพพลายเชนที่ไม่แน่นอนและอ่อนไหวสูง การขาดแคลนแรงงานทักษะ ปัญหาด้านการควบคุมคุณภาพ ความผิดพลาดที่รู้ว่ามีอยู่แต่มองไม่เห็น สิ่งเหล่านี้สามารถเอาชนะได้ด้วยการใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการแข่งขัน ความโปร่งใสในกระบวนการ ตลอดจนสร้างความยืดหยุ่นในการรับมือกับความเปลี่ยนแปลงด้วยการตอบสนองได้แบบ Real-time เช่น การใช้งานหุ่นยนต์หลายตัวเพื่อทำงานร่วมกัน การใช้งานคลังสินค้าอัจฉริยะ การใช้โซลูชันด้านกล้องเพื่อการตรวจสอบคุณภาพหลากหลายมิติในเวลาอันสั้น แน่นอนว่าศักยภาพเหล่านี้ไม่อาจเกิดขึ้นได้หากปราศจากระบบเครือข่ายและ Ecosystem ที่มีความพร้อม

ภายใต้แนวคิด ‘เติบโต อุ่นใจ ไปด้วยกัน’ ของ AIS Business โซลูชันและบริการสำหรับภาคการผลิตนั้นเรียกได้ว่าโดดเด่นไม่เป็นรองใคร ด้วยโซลูชันระบบเครือข่าย 5G ที่มาพร้อมกับ Ecosystem ครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นแพลตฟอร์มอัจฉริยะที่ช่วยลดต้นทุนในการพัฒนาระบบ สำหรับโรงงานยุคดิจิทัล หรือการเป็นพันธมิตรกับผู้ผลิตเทคโนโลยีและ SI ที่มีความเชี่ยวชาญในวงการรอบด้าน เช่น Mitsubishi Electric, Huawei, เลิศวิลัยแอนด์ซันส์ หรือ Microsoft ทำให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการใช้งานเทคโนโลยีและโซลูชันการผลิตยุคดิจิทัลให้กับภาคการผลิตได้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นสายการผลิต งานตรวจสอบคุณภาพ การ Monitoring การบริหารจัดการต้นทุน ความปลอดภัย ไปจนถึงการดูแลสภาพแวดล้อมต่าง ๆ รองรับเทคโนโลยีที่ต้องใช้การตอบสนองแบบ Real-time เช่น Digital Twin หรือการป้องกันด้าน Cybersecurity ที่ทันท่วงที

การบูรณาการเทคโนโลยีระดับ Cutting Edge Technology นั้นจำเป็นต้องมี Ecosystem ที่รองรับทั้งในเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ มีความยืดหยุ่นในการบริหารจัดการสูง เช่น การปรับแต่งช่องทางข้อมูลสำหรับอุปกรณ์ส่งข้อมูลขนาดเล็กจำนวนมากที่มีข้อมูลต่อเนื่อง กับข้อมูลขนาดใหญ่ที่มีจำนวนน้อยกว่า ตลอดจนการใช้ทรัพยากรจากระบบเครือข่ายเพื่อลดต้นทุนโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ อาทิ การทำระบบ Hybrid Cloud หรือการใช้ประโยชน์จาก 5G MEC เพื่อช่วยในการประมวลผลข้อมูลอันทรงพลังผ่านเครือข่าย ไม่ว่าความต้องการแบบไหนที่เกิดขึ้นในการผลิต AIS Business และพันธมิตรชั้นนำที่มีความเชี่ยวชาญต่างพร้อมสนับสนุนภาคการผลิตเพื่อก้าวข้ามความท้าทายและมุ่งหน้าสู่เป้าหมายที่ต้องการได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ไม่เพียงแต่การทำธุรกิจเท่านั้น AIS Business ยังมองว่านอกจากเรื่องของผลประกอบการและการเติบโตของธุรกิจแล้ว แต่ละองค์กรควรจะร่วมมือกันสร้างโครงการที่ช่วยเหลือสังคมและสิ่งแวดล้อม เพราะ AIS Business เชื่อว่าทุกองค์กรสามารถสร้างโซลูชันในการทำงานที่ลดได้ทั้งต้นทุนที่ต้องใช้และลดผลกระทบที่เกิดต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมไปได้พร้อม ๆ กัน หรือเรียกง่าย ๆ ว่า Do Well in Business + Do Good in Sustainability ซึ่งจะเป็นการนำพาทั้งองค์กรและพื้นที่ที่เกี่ยวข้องให้เติบโตอย่างปลอดภัย อุ่นใจไปด้วยกัน

สุดท้ายนี้ AIS Business ยังคงมุ่งหวังที่จะสร้างเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลให้เกิดความยั่งยืนได้ด้วยการเป็นพาร์ทเนอร์ในการเร่งขับเคลื่อน Digital Transformation ของลูกค้าด้วยโซลูชันใหม่ ๆ ที่ AIS Business ใส่ใจพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่องและด้วยทีมงานคุณภาพที่สามารถไว้วางใจได้ สำหรับในปี 2023 นี้ AIS Business จะขึ้นเป็นผู้นำในการสนับสนุนองค์กรธุรกิจและ SMEs ไทยให้สามารถ ‘เติบโต อุ่นใจ ไปด้วยกัน’ อย่างยั่งยืน

สำหรับอุตสาหกรรมใดที่อยากเร่งขับเคลื่อนธุรกิจของคุณอยู่ AIS Business ก็มีโซลูชันดี ๆ ที่พร้อมตอบโจทย์ทุกความต้องการให้ธุรกิจของคุณพร้อมเดินหน้าไปได้อย่างมั่นใจ
“Your Trusted Smart Digital Partner”
เติบโต อุ่นใจ ไปด้วยกัน

ปรึกษาและวางแผนพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อรองรับการทำงานและต่อยอดธุรกิจได้ที่ Email: [email protected]
Website: https://business.ais.co.th

Logo-Company
Logo-Company
Logo-Company
logo-company
Jirapat R.
A Content Creator with multiple interests and a fitness enthusiastic.