AIS Cloud X เครื่องมือบริหารจัดการคลาวด์ ทั้ง Hybrid และ Multi-cloud พร้อมเชื่อมต่อ 5G รองรับการพัฒนาแอปพลิเคชันแบบ Cloud Native แถมยังรวมบริการจาก Microsoft, VMware และพาร์ทเนอร์ระดับโลกไว้ใน Intelligent Cloud Ecosystem ที่เดียว จัดการแบบไร้รอยต่อ ยืดหยุ่น และง่ายที่สุดเท่าที่เคยมีมา
AIS Cloud X สุดยอดโซลูชั่นที่ก้าวไปไกลกว่า 5G Operator
เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2565 ที่ผ่านมา AIS Business เปิดตัว “AIS Cloud X” ระบบนิเวศคลาวด์อัจฉริยะ ในงาน “AIS Business Cloud 2022” โดยผนึกพาร์ทเนอร์ระดับโลกร่วมพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคลาวด์และแพลตฟอร์ม Cloud Native พร้อมบุกเบิกการเป็นผู้ให้บริการ Sovereign Cloud รายแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ที่จริงนั้น AIS ได้เริ่มให้บริการโซลูชั่น Cloud อยู่แล้วตั้งแต่ 5-6 ปีที่ผ่านมา เพราะเห็นถึงปัญหาของธุรกิจที่ต้องการทรานสฟอร์มองค์กรด้วยการจัดการข้อมูลปริมาณมหาศาลเพื่อให้สามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งแน่นอนว่าต้องลงทุนโซลูชั่นและเทคโนโลยีดิจิทัลมหาศาล แต่ความยืดหยุ่นที่ต้องการจะไม่มีทางเกิดได้ถ้าโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลกลายเป็นตัวถ่วงเสียเอง ดังนั้น “คลาวด์ (Cloud)” จึงเป็นเสาหลักของโครงสร้างพื้นฐานที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
งานนี้ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชน พันธมิตร และบรรดา SI จนแน่นห้องบอลล์รูมที่โรงแรม S31 เนื้อหาภายในงานเข้มข้นและน่าตื่นเต้นมาก ซึ่ง Modern Manufacturing ก็ได้รับโอกาสเป็นส่วนหนึ่งของงานครั้งนี้ จึงขอเก็บไฮไลท์ในงานและข้อมูลจากผู้จัดงานมาเล่าให้ฟัง
AIS Cloud X เหนือกว่าคลาวด์ทั่วไปอย่างไร?
Session แรกของงาน ‘AIS Cloud Business Visionary’ เป็นการร่วมแชร์วิสัยทัศน์ของ Cloud Technology โดย คุณธนพงษ์ อิทธิสกุลชัย – Chief Enterprise Business Officer, AIS ธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์ – Managing Director, Microsoft Thailand และคุณเอกภาวิน สุขอนันต์ – Country Manager, VMware Thailand
ไฮไลท์บางตอนจาก Session ‘AIS Business Cloud Visionary’
- วันนี้ยุค Edge Computing มันมาถึงจริงแล้ว ใช้ได้จริงแล้ว
- คลาวด์อาจจะเป็นเทรนด์แต่ Global Trend ของจริงมันคือ Cloud-Native
- ความท้าทายของระบบคลาวด์ในยุคนี้ คือ ทำอย่างไรจึงจะสามารถ Scales ได้ดีขึ้นกว่าเดิม สตาฟฟ์ไม่ต้องปวดหัวกับการ Reskill เพื่อดีลกับคลาวด์หลาย ๆ เจ้า / ควบคุมต้นทุนและจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ และ / มี Security ที่ไว้ใจได้จริง ๆ
- แต่ละองค์กรไม่ได้รัน Digital Solution แค่ระบบเดียว บางแห่งใช้คลาวด์มากกว่าหนึ่งเจ้า และยิ่งถ้าทำธุรกิจแบบ B2C หรือ B2B2C การจะ Deploy ชุดคำสั่งใหม่ ๆ ไม่ค่อยจะทำได้อย่างรวดเร็วตามแผน (และมักทำให้ทีมทะเลาะกันด้วยซ้ำ) ดังนั้น ต้องมีระบบ Automate Process ที่ทำลายการทำงานแบบไซโล
- ในมุมของ User ที่ใช้บริการต่าง ๆ ผ่าน Cloud แต่ละรายก็มีระบบลงทะเบียนและการเก็บข้อมูลแยกของตัวเอง กลายเป็นว่านี่คือยุค Cloud Chaos ต้องทำให้มันเป็น Cloud Smart
- Industry Cloud มันต้องไม่ใช่ Horizontal Product อีกต่อไป แต่ต้องสามารถใช้งานได้เฉพาะเจาะจงกับแต่ละธุรกิจอุตสาหกรรม
- การแข่งขันที่รวดเร็ว ธุรกิจต้องลด TCO – Total Cost of Ownership ลดเวลาการพัฒนาด้านเทคฯ แต่เอาประสบการณ์ในอุตสาหกรรมมาร่วมพัฒนากับพาร์ตเนอร์ดีกว่า
- ฯลฯ
จุดเด่นที่ทำให้ AIS Cloud X เหนือกว่าผู้ให้บริการ Cloud ทั่วไปคือคอนเซปต์ Compute | Connect | Complete หัวใจสำคัญอยู่ตรงความร่วมมือของ 3 พันธมิตรยักษ์ใหญ่ที่นำทีมโดย AIS x Microsoft x VMware รวมกับผู้ให้บริการดิจิทัลโซลูชั่นระดับโลกอีกหลายรายที่จับมือร่วมกันทำให้ ระบบนิเวศคลาวด์อัจฉริยะ (Intelligent Cloud Ecosystem) เกิดขึ้นได้จริงเพื่อแก้ปัญหาและรับมือความท้าทายที่กล่าวไว้ข้างต้น
คุณธนวัฒน์ – Microsoft ได้แชร์ไว้บนเวทีว่า
ทุกวันนี้เราไม่สามารถเลือกที่ตัวโปรดักส์ ฟังก์ชั่น หรือฟีเจอร์แล้วจบ เพราะทุกอย่างมันเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา แต่เราต้องเลือกที่พาร์ทเนอร์ ซึ่งแน่นอนว่า AIS นั้นมีศักยภาพสูง มีวิสัยทัศน์ และมีโครงสร้างพื้นฐานที่ใหญ่พอ
นอกจากนี้ คุณธนวัฒน์ได้ยกตัวอย่างเสริมว่า ขณะนี้ Microsoft ได้เริ่มให้บริการ Quantum Computing แก่ธุรกิจในไทยเพื่อทำ Simulation ในงานด้านวิจัยด้านเคมิคัล หรืออย่าง Microsoft Azure มีการออกบริการใหม่ ๆ เฉลี่ยวันละ 3 ฟีเจอร์ รวมแล้วปีละเป็นพัน ซึ่งที่ผ่านมาไม่มีใครที่มีเซอร์วิสและซัพพอร์ทได้เท่า AIS
ขณะที่คุณเอกภาวิน – VMware เสริมว่า ลูกค้ารายไหนใช้บริการ VMware หากต้องการความช่วยเหลือก็สามารถโทรตรงที่ Microsoft ได้เลย เพราะเป็น First Party Service
5G และคลาวด์เพื่อธุรกิจ
ช่วงถัดมาเป็นการแชร์ประสบการณ์ขององค์กรธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในการทำ Digital Transformation ได้แก่ NETBAY เป็นผู้ให้บริการ Cargo Transaction และ BUZZEBEES แพลตฟอร์ม CRM
คุณกอบกาญจนา – NETBAY เล่าว่าแทบทุกคนมีประสบการณ์ใช้บริการ NETBAY เพราะการซื้อของผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ต้องเชื่อมต่อระบบ Cargo Transaction โดยในทุก ๆ เดือนที่มีโปรโมชั่น Online Shopping เช่น 7.7 9.9 10.10 ทาง NETBAY ต้องเตรียมการทำ Cloud Bursting เพื่อรองรับธุรกรรมที่สูงกว่าภาวะปกติมหาศาล และเชื่อมต่อกับคลังสินค้าที่ต่าง ๆ อย่างรวดเร็ว ซึ่งในจุดนี้ถ้าไม่มีบริการ 5G ที่ครอบคลุมที่สุดก็อาจทำให้ Transaction เกิดการล่าช้าหรือตกหล่นสูญหายได้ นอจากนี้ยังได้เสริมอีกว่าช่วง 2 ปีที่ผ่านมา NETBAY จำเป็นต้องปิดสำนักงานและให้พนักงาน WFH หรือ Work from anywhere ดังนั้นแค่อินเตอร์เน็ตอย่างเดียวไม่เพียงพอสำหรับธุรกิจของ NETBAY ต้องอาศัยระบบ Cloud Computing ที่ทรงพลัง
ถ้าขนาดเรายังย้ายค่ายมา AIS คุณก็ไว้ใจได้ เพราะไม่มีจุดอับสัญญาณตามห้องคลัง คอลเซ็นเตอร์ NETBAY ทำงานตามร้านกาแฟก็ไม่มีสะดุด
เทคโนโลยีมีข้อดีทุกตัว จะรู้ได้อย่างไรว่าจะหยิบตัวไหนมาใช้กับ Pain Point อะไร ตอบโจทย์ไหม? ทำอย่างไรให้คนของเราใช้เทคโนโลยีได้อย่างเร็ว พาร์ทเนอร์ต้องช่วย
วันนี้เราไม่ได้ทรานส์ฟอร์ม เพราะเราใช้ทุกวันแล้ว ทุกอย่างออนคลาวด์ ตัวเบาหมดเลย สบาย ให้พาร์ทเนอร์ดูแล เขาถนัดอะไรให้เขาทำ เราเก่งเรื่องไหนทำของเรา เราเลยมีมาร์จินได้ถึง 45%
คุณไมเคิล – BUZZEBEES แชร์ประสบการณ์ที่ต้องจัดการ Server เองในสมัยก่อนว่า เหนื่อยมาก เวลาจะปรับเปลี่ยนหรือสเกลก็ต้องหยิบ-ยก-ถอด-ใส่เซิฟเวอร์ ตั้งค่า ทดสอบ เสียเวลามาก ๆ ส่วนทุกวันนี้ BUZZEBEES ให้บริการทำ CRM แก่สมาชิกและลูกค้าขององค์กรมากมาย มี Touchpoints 4-5 หมื่นจุด และต้องพร้อมแบบ 24/7 ดังนั้น ถ้าไม่มีระบบ Automate Configuration Deploy ก็ไม่มีทางทำได้เลย เทคโนโลยีโตเร็วแต่คนทำงานพัฒนาไม่ทัน
ช่วงที่ผ่านมา BUZZEBEES บุกตลาดต่างประเทศ การจะไปแข่งกับยักษ์ใหญ่ระดับโลก Cloud นี่แหละคือหัวใจที่ทำให้สเกลได้เร็ว และในบางตลาดก็ได้เปรียบยักษ์ใหญ่รายเดิมเพราะเขายังย้ายมาคลาวด์ไม่ได้ ไม่คล่องตัวเท่าเรา ทั้งนี้ คุณไมเคิลกล่าวทิ้งท้ายว่า Cloud ทำให้เรามีความยืดหยุ่นในการเพิ่ม/ลดทรัพยากรได้สะดวก เปลี่ยนจากการลงทุนเป็นค่าใช้จ่าย ผู้บริการก็ต้องเปลี่ยนวิธีคิดในการบริหารค่าใช้จ่าย
1st Modernized Edge & Cloud Solutions for Business
กล่าวได้ว่าระบบนิเวศของ AIS Cloud X ก็คือการที่ AIS ในฐานะ 5G Operator ที่มีโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เป็นเจ้าภาพสร้างเครือข่ายพันธมิตรระดับโลกเพื่อแก้ปัญหาให้ลูกค้ากลุ่มธุรกิจและอุตสาหกรรมให้สามารถ Integrate โซลูชั่นต่าง ๆ ได้อย่างสะดวก อาทิ
Azure Arc: Intelligent Cloud / Intelligent Edge
ทำให้ความสามารถของทั้งสองฝั่ง Edge – Cloud เป็นผืนเดียวกัน ไม่ต้องทำใหม่ ไม่ต้องทำซ้ำ ไม่ต้องแก้ไข นั่นคือความสามารถของ Azure Arc จาก Microsoft ที่เอาเซอร์วิส ฟีเจอร์ และความสามารถบนคลาวด์มารัน On-premise หรือบน AIS Cloud X ได้อย่างไร้รอยต่อ ไม่ว่าจะเป็นที่ Data Center ของลูกค้าหรือที่เสาของ AIS เพราะเอามาตรฐานการ Manage Infrastructure มาทำ on premise ที่ช่วยให้ลูกค้าลดเวลาในการ Deploy ชุดคำสั่งใหม่ ๆ สามารถจัดการที่ไหนก็ได้ และต้องเร็วที่สุด
AIS เป็นผู้ให้บริการรายแรกและรายเดียวในประเทศไทยที่นำโซลูชัน Azure Arc มาให้บริการ
VMware Secure Multi-Cloud Managed Services
โซลูชันที่ผสานระบบการจัดการและระบบรักษาความปลอดภัยหลากหลายของ VMware ประกอบด้วย VMware SD-WAN ดูแลการใช้งานระบบเครือข่าย และ VMware Carbon Black ดูแลระบบความปลอดภัยของ Endpoint และ VM บนคลาวด์ และ VMware Cloud Health ที่ช่วยบริหารจัดการคลาวด์แบบ End-to-End เพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัยให้กับองค์กรที่มีการใช้งานคลาวด์จากหลายสถานที่ร่วมกัน
VMware เป็นผู้ให้บริการ Sovereign Cloud รายแรกของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดย Sovereign Cloud คือ โซลูชันคลาวด์ที่เพิ่มมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด ช่วยลดต้นทุนและความซับซ้อนในการออกแบบระบบ จึงเหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการเก็บข้อมูลในประเทศ หรือมีการกำกับดูแลจากหน่วยงานเฉพาะ
Veeam: โซลูชัน Backup / Recovery และ Migrate
ผู้ให้บริการโซลูชั่นจัดการข้อมูลบน Cloud ที่ช่วยสร้างความปลอดภัยให้กับข้อมูลในองค์กร โดย AIS พร้อมให้บริการ Backup ที่หลากหลาย เช่น Backup as a Service, Backup for Microsoft 365, Backup for Azure, Backup for VMware Tanzu (Cloud-native Application) ซึ่งเป็นบริการล่าสุดด้วยโซลูชันสำรองข้อมูล Kasten K10
AIS 5G NEXTGen Platform
5G Platform รายเดียวในประเทศไทย ที่รวบรวมการบริหารใช้งานทั้ง เครือข่าย 5G, ความสามารถของ Network Slicing, Edge Compute (MEC), ผู้ให้บริการ Cloud Hyper-scalers ชั้นนำ รวมถึงแอปพลิเคชัน ต่าง ๆ ที่มีให้เลือกใน Marketplace รวมไว้ด้วยกันในแพลตฟอร์มจัดการเพียงตัวเดียว ทำให้หน่วยงานธุรกิจและ System Integrators สามารถจัดการ Node, Server และการ Deploy ได้สะดวกรวดเร็วกว่าเดิมหลายเท่า
Business Log Management
หรือ B-Log ซึ่งเป็นโซลูชันที่ Blendata ร่วมกับ AIS พัฒนาบริการเก็บ Log สำหรับธุรกิจโดยเฉพาะ เพิ่มประสิทธิภาพด้วยการประมวลผล Big Data ตอบโจทย์ทั้งในด้านการเก็บข้อมูลให้ปลอดภัยบนระบบคลาวด์มาตรฐานโทรคมนาคมของ AIS และการเก็บข้อมูลให้เป็นไปตามพรบ.คอมพิวเตอร์และพรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงมีระบบช่วยในการค้นหาข้อมูล ทำรายงานสรุปผลในรูปแบบของกราฟ และยังขยายระบบได้อย่างรวดเร็วบนคลาวด์
Blendata พัฒนาเทคโนโลยี Big Data เพื่อผู้ใช้สามารถแปลง Business Log มาเป็น Insight ที่ใช้งานได้จริงในแบบ No code ผ่าน AIS Cloud X โดยไม่ต้องจ้างทีมเทค แถมยังเป็นการใช้งานแบบ pay per use ลูกค้าจึงลด TCO (Total Cost of Ownership) ลงได้อย่างมาก ทำให้องค์กรทุกขนาดสามารถเข้าถึงเทคโนโลยี Big Data ได้ง่ายขึ้น
Opstella: บริการ DevSecOps Platform
บริการที่ Opsta ร่วมกับ AIS พัฒนาบนแพลตฟอร์ม VMware Tanzu รองรับการพัฒนา Cloud-Native Application เพื่อช่วยให้องค์กรสามารถพัฒนาแอปพลิเคชัน ได้ง่ายขึ้น ช่วยให้ทีมพัฒนาสามารถส่งมอบแอปพลิเคชันได้รวดเร็ว มีความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น และยังลดความยุ่งยากในการบริหารจัดการ Multi-cloud ได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
Intelligent Box: โซลูชัน e-Document
โซลูชันจาก NETbay (ผู้ให้บริการ Cargo Transaction อันดับหนึ่งของไทย) ที่ช่วยให้องค์กรธุรกิจสามารถสร้างระบบเอกสารแบบอัตโนมัติ รองรับการแชร์เอกสาร หรือการจัดเก็บและแลกเปลี่ยนกันระหว่างแต่ละหน่วยงาน สามารถใช้งานระบบได้บนทุกอุปกรณ์ ทุกทีทุกเวลาด้วยความปลอดภัย
Frontline Worker
โซลูชันการสื่อสารที่พัฒนาบน Microsoft 365 ซึ่งสนับสนุนการทำงานหลายส่วน เช่น ช่วยให้พนักงานหน้าร้านสามารถสื่อสารข้อมูลกับลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว เพิ่มประสิทธิภาพของยอดขาย สร้างรายงานการขายเพื่อติดตามยอดขายได้ / จัดลำดับงานตามความสำคัญ / จัดการงานอบรมพนักงานผ่าน Online ฯลฯ โดยในส่วนของ Application รองรับการใช้งานบน Smartphone และ Tablet ที่สื่อสารได้อย่างปลอดภัยในรูปแบบ Push-to-Talk สามารถเชื่อมต่อกับระบบเวิร์คโฟลว์ขององค์กรและหัวหน้างานได้สะดวก
สรุป | COMPUTE CONNECT COMPLETE
AIS Cloud X คือระบบนิเวศคลาวด์อัจฉริยะ (Intelligent Cloud Ecosystem) ที่จะช่วยให้ธุรกิจสามารถบริหารจัดการคลาวด์ได้อย่างยืดหยุ่น รองรับการใช้งานได้หลากหลายรูปแบบอย่างไร้รอยต่อ (Flexible Cloud Deployment)
ผสานการทำงานกับเครือข่าย 5G, Edge Computing, Multi-Cloud พร้อมแพลตฟอร์ม Cloud Native ที่จะรองรับการพัฒนาแอปพลิเคชัน ภายใต้แนวคิดการเขียนโค้ดอย่างรวดเร็วตามกฏความปลอดภัย (DevSecOps) และคอนเทนเนอร์ (Container)
พร้อมบริการที่ช่วยจัดการข้อมูล ทั้งการจัดเก็บ การประมวลผล และการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อป้องกันด้านความปลอดภัย และการใช้งานข้อมูลเพื่อธุรกิจ (Data Driven Business) ตลอดจนระบบสำรองกู้คืนข้อมูลที่รองรับระบบคลาวด์ที่กระจายตัว (Hybrid Cloud Environment) และข้อมูลแอปพลิเคชันที่อยู่ในรูปแบบ Cloud Native หรือคอนเทนเนอร์ (Container) รวมถึงการทำงานร่วมกับ VMware ในการเป็นพาร์ทเนอร์ผู้ให้บริการ Sovereign Cloud รายแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความมั่นใจเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการเก็บข้อมูลในประเทศ
นอกจากนี้ AIS Cloud X ยังสามารถต่อเชื่อมกับระบบโครงสร้างพื้นฐานครบวงจร และ 5G จึงเป็นระบบนิเวศคลาวด์ที่สมบูรณ์อย่างไร้รอยต่อ พร้อมช่วยธุรกิจให้สามารถพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคลาวด์ รวมถึงแอปพลิเคชันและโซลูชัน ที่ต้องการการประมวลผลอย่างรวดเร็ว รองรับงานที่ต้องการความแม่นยำสูง (Critical Mission) เช่น Tele-medicine และงานที่ต้องการความหน่วงต่ำ (Low Latency) เช่น การสื่อสาร Machine-to-machine ในโรงงาน อีกทั้งยังมี 5G NEXTGen Platform ที่ช่วยให้การพัฒนาแอปพลิเคชันบน 5G คล่องตัว บริหารจัดการง่าย รวมถึงช่วยขยายขีดความสามารถเพื่อรองรับการเติบโต การแข่งขันทางธุรกิจ และสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงได้อย่างทันทีทันใด
โซลูชั่นเหล่านี้ ไม่ใช่แค่การเพิ่มประสิทธิภาพให้แก่องค์กร แต่เป็นการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันเพื่อให้องค์กรสามารถเปลี่ยนกระบวนการทำงานและปรับรูปแบบการดำเนินธุรกิจ (Business Model) ได้อย่างยืดหยุ่นและรวดเร็ว
การทำ Digital Transformation โครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลและแพลตฟอร์มภายในองค์กรต้องแข็งแรง ไม่ว่าจะเป็นคลาวด์ (Cloud) ความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cyber Security) และไอโอที (IoT) ซึ่งหนีไม้พ้นการนำศักยภาพของโครงข่าย 5G เข้ามาเสริมความสมบูรณ์ของโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลและแพลตฟอร์ม โดยเฉพาะโซลูชันคลาวด์ ที่นับว่าเป็นหัวใจสำคัญที่องค์กรภาคธุรกิจต้องลุกขึ้นมาให้ความสำคัญอย่างจริงจัง เพราะคลาวด์จะช่วยให้องค์กรสามารถขับเคลื่อนได้อย่างรวดเร็ว รับมือกับการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภค และบริบทใหม่ๆ ของโลกได้อย่างทันท่วงที
ที่ผ่านมา AIS Business ยังได้รางวัล Microsoft Thailand Partner of the Year 2022 และ VMware Thailand Cloud Partner of the Year 2022 สะท้อนให้เห็นความมุ่งมั่นในการพัฒนาโซลูชันคลาวด์ที่ตอบโจทย์องค์กรอย่างแท้จริง
#
ติดต่อ AIS BUSINESS ได้ทาง https://business.ais.co.th
เกี่ยวกับ AIS
บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS ผู้นำด้าน Digital Life Service Provider อันดับ 1 ที่มีคลื่นความถี่ในการให้บริการมากที่สุดรวม 1420 MHz และมีจำนวนผู้ใช้งานมากที่สุดกว่า 45.5 ล้านเลขหมาย (ณ มิถุนายน 2565) พร้อมขับเคลื่อนประเทศไทยด้วยเทคโนโลยี 5G ที่ครบ 77 จังหวัดแล้วเป็นรายแรกผ่าน 3 สายธุรกิจ ได้แก่ โทรศัพท์เคลื่อนที่, อินเทอร์เน็ตบ้านความเร็วสูงภายใต้แบรนด์ AIS Fibre และบริการดิจิทัล 5 ด้าน ได้แก่ วิดีโอ คลาวด์ ดิจิทัลเพย์เมนท์ อินเทอร์เน็ตในทุกสิ่ง (IoT) และบริการร่วมกับพาร์ทเนอร์ตลอดจนขยายสู่กลุ่มธุรกิจใหม่ อาทิ AIS eSports, AIS Insurance Service