ในปัจจุบันเราอยู่ในช่วงของการทดลองใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน โดย AI ที่เรียกว่า ‘Co-Pilot’ สามารถสั่งงานได้ด้วยการเขียนข้อความ Prompt ซึ่ง Co-Pilot เป็นเหมือนลูกน้องที่มีความคิดเป็นของตนเอง เพียงแต่ลูกน้องคนนี้ฉลาดและมีฐานข้อมูลมากมาย อีกทั้งยังเก่งขึ้นได้อย่างก้าวกระโดดผ่านการเทรนด้วยข้อมูลจำนวนมาก
- 5 อาชีพเสี่ยงโดน AI เข้ามาแทนที่ได้แบบไม่รู้ตัว !
- ‘Apple & Generative AI’ ทิศทางใหม่ของ Apple ในปี 2024
AI เข้ามาเป็นส่วนเพิ่มในซอฟต์แวร์ต่าง ๆ ที่เราใช้อยู่ เช่น Google ที่เปลี่ยนมันสมองในซอฟต์แวร์ให้กลายเป็น Bard และตามด้วย Gemini ในขณะที่ Microsoft ก็มี Co-Pilot ที่ขับเคลื่อนด้วย GPT-4 ในส่วนของงานที่ต้องการความเชี่ยวชาญก็สามารถเทรน AI ได้เช่นเดียวกัน
บทความนี้จะมาเล่าถึงการใช้ AI ในงานพิมพ์ 3 มิติ ซึ่งแต่เดิมต้องพึ่งพาบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ และลองผิดลองถูกในการพิมพ์ทำให้เกิดการสิ้นเปลืองในการผลิต ปัจจุบัน AI สามารถฟีดแบคและช่วยปรับแก้แบบให้กับการพิมพ์ 3 มิติให้มีความเหมาะสมมากขึ้นด้วยข้อมูลฟิสิกส์ที่เทรนให้กับ AI การโอนถ่ายความเชี่ยวชาญไปที่ AI ก็ทำให้ลดการพึ่งพิงบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะ การฝึกอบรมพนักงานให้ทำงานร่วมกับ AI กลายเป็นวิธีการที่รวดเร็วกว่า และแก้ปัญหาการขาดแคลนพนักงานที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านของการพิมพ์ 3 มิติได้
บริษัท 1000 Kelvin สตาร์ทอัพผู้พัฒนา AI ที่ชื่อ ‘Amaize’ สำหรับงานพิมพ์ 3 มิติ บริษัทขยายฐานลูกค้าในกลุ่มผู้ใช้งานแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ CAD/CAM ที่มีการใช้งานอยู่อย่างแพร่หลาย เช่น Fusion ของ Autodesk โดยผนวก AI เข้าไปใน Fusion ทำให้การออกแบบงานพิมพ์ 3 มิติสามารถทำได้อย่างรวดเร็วและมีความเหมาะสม ในทางกลับกันบริษัทไม่จำเป็นต้องสร้างเทคโนโลยีทุกอย่างขึ้นมาด้วยตนเอง สามารถเสริมเทคโนโลยีจากบริษัทอื่นเข้ามาในแพลตฟอร์มของตนได้ ในรูปแบบ Plug-In ซึ่งอาจดีกว่าและเร็วกว่าสร้างเทคโนโลยีนั้นขึ้นมาใหม่ด้วยตนเอง
บทความเกี่ยวกับ ซอฟต์แวร์ AMAIZE ที่ขับเคลื่อนด้วย AI รองรับอุตสาหกรรมพลังงาน การบินอวกาศ
คลิปวิดีโอ Autodesk Fusion 360 เป็นซอฟต์แวร์ CAD, CAM, CAE และการออกแบบแผงวงจรพิมพ์บนคลาวด์
Amaize ของ 1000 Kelvin ที่รวมเข้ากับ Autodesk Fusion 360 ทำให้วิศวกรสามารถวิเคราะห์และแก้ไขการออกแบบการผลิตแบบเติมวัสดุได้อย่างมีประสิทธิภาพ (ที่มา: 1000 Kelvin)
Amaize ช่วยให้บริษัทออกแบบและผู้ผลิตสามารถพิมพ์ส่วนประกอบที่มีความซับซ้อนด้วยการพิมพ์ 3 มิติได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ Amaize ใช้โมเดล Machine Learning ที่ได้รับข้อมูลทางฟิสิกส์และข้อมูลการผลิตเพื่อคาดการณ์ปัญหาในการออกแบบและการพิมพ์ จากนั้นจึงส่งไฟล์การพิมพ์ที่เหมาะสมที่สุด ทำให้งานพิมพ์ 3 มิติที่ออกมานั้นมีประสิทธิภาพ วิศวกรไม่ต้องลองผิดลองถูกและจัดการชิ้นส่วนที่มีความซับซ้อนได้มากขึ้น
Katharina Eissing, Ph.D., CTO และผู้ร่วมก่อตั้ง 1000 Kelvin กล่าวว่า “การวางจำหน่าย Amaize บน Autodesk App Store จะช่วยเปลี่ยนแปลงกระบวนการผลิต การบูรณาการนี้เป็นการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต โดยเพิ่มระยะเวลาที่เครื่องทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดเวลารอสินค้าลงได้อย่างมาก เสริมเสถียรภาพของกระบวนการผลิต กระตุ้นให้เกิดกระบวนการฝึกอบรมพนักงานเพื่อให้ได้ความเชี่ยวชาญในการพิมพ์ 3 มิติ ผมตื่นเต้นมากที่ได้ร่วมงานกับ Autodesk และหวังว่าจะช่วยให้การผลิตแบบเติมวัสดุสามารถเข้าถึงและใช้งานได้ง่ายมากขึ้น”
สิ่งเหล่านี้เป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับบริษัทการผลิตแบบเติมวัสดุที่กำลังเผชิญความท้าทายเนื่องจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นและแรงงานที่สูงอายุมากขึ้น
“ประโยชน์ที่เยี่ยมยอดที่สุดอย่างหนึ่งของ AI คือ ความสามารถในการทำให้กระบวนการที่ซับซ้อนนั้นง่ายขึ้น และเข้าถึงเทคโนโลยีได้มากขึ้น การตั้งค่าและเขียนโปรแกรมกระบวนการพิมพ์ระดับอุตสาหกรรมสามารถทำได้โดยอัตโนมัติด้วย AI ของ 1000 Kelvin ที่รวมเข้ากับ Autodesk Fusion บนคลาวด์ ทำให้เกิดผู้เชี่ยวชาญในด้านการผลิตแบบเติมวัสดุเป็นวงกว้างมากขึ้น ผมตื่นเต้นมากที่ได้นำเสนอ Amaize ให้กับผู้ใช้งาน Fusion” Stephen Hooper, Vice President, Design & Manufacturing Product Development บริษัท Autodesk กล่าว
“ในปัจจุบัน ความท้าทายหลักอย่างหนึ่งของอุตสาหกรรมการผลิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหรัฐฯ คือ การขาดแคลนบุคลากรที่มีความสามารถ ทำให้บริษัทต่าง ๆ ไม่สามารถตอบสนองความต้องการที่เติบโตอย่างรวดเร็วในตลาดได้ ซึ่ง Amaize AI Co-Pilot นั้นช่วยให้บริษัทต่าง ๆ เกิดความรู้ความชำนาญและสามารถเอาชนะความท้าทายนี้ได้” Omar Fergani, CEO และ Co-Founder ของ 1000 Kelvin กล่าว
อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งของการใช้งาน AI คือ ผู้ใช้งานต้องมีความรู้พื้นฐานที่ดีพอที่จะสามารถตรวจสอบงานของ AI ได้ว่าถูกต้องเหมาะสม เพื่อการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด
บทความอ้างอิง: ETMM