CaebonCure

CarbonCure ปฏิวัติวงการผลิต ‘วัสดุก่อสร้าง’ เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน

Date Post
02.08.2024
Post Views

ในยุคที่ความยั่งยืนกลายเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนอนาคต ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนต้องปรับตัวเข้าหาสิ่งแวดล้อมหรือลดการทำลายสิ่งแวดล้อมให้ได้มากที่สุด ไม่เว้นแม้แต่อุตสาหกรรมการก่อสร้างที่สร้างผลกระทบและมลภาวะให้กับสิ่งแวดล้อม วันนี้ MM Thailand จะขอเสนอตัวเลือกวัสดุก่อสร้างใหม่อย่าง CarbonCure ที่พร้อมจะปฏิวัติการผลิตคอนกรีตโดยใช้คาร์บอนไดออกไซด์เหลือทิ้งจากอุตสาหกรรมมาเพิ่มความแข็งแรงและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก กระบวนการนี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม แต่ยังช่วยผู้ประกอบการในการประหยัดต้นทุนการผลิตคอนกรีตเพื่อให้เป็นทางเลือกที่ทั้งคุ้มค่าและยั่งยืนสำหรับอุตสาหกรรมทั่วโลก

เทคโนโลยี CarbonCure จะนำคาร์บอนไดออกไซด์ที่จับได้จากแหล่งโรงงานอุตสาหกรรมมาใช้ในกระบวนการผลิตโดยฉีดเข้าไปในคอนกรีตที่ยังไม่แข็งตัว คาร์บอนไดออกไซด์จะทำปฏิกิริยาทางเคมีกับแร่ธาตุในคอนกรีต ทำให้เกิดเป็นแร่คาร์บอเนตซึ่งมีคุณสมบัติในการเพิ่มความแข็งแรงให้กับคอนกรีต ผลที่ได้ คือ คอนกรีตจะมีความแข็งแรงมากขึ้นและสามารถลดปริมาณการใช้ปูนซีเมนต์ลงได้ ซึ่งจะลดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมลงด้วยเนื่องจากการผลิตปูนซีเมนต์นั้นเป็นแหล่งปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกสู่สิ่งแวดล้อมปริมาณมาก กระบวนการผลิตต้องใช้ความร้อนและเชื้อเพลิงในการสร้างความร้อนปริมาณมหาศาลจึงอาจส่งผลกระทบในวงกว้าง

เทคโนโลยีดังกล่าวนี้ได้รับการยอมรับและนำไปใช้ในหลายประเทศทั่วโลก ยกตัวอย่างเช่น สหรัฐอเมริกา แคนาดา สหราชอาณาจักร สิงคโปร์ และออสเตรเลีย ซึ่งแต่ละประเทศได้เริ่มนำ CarbonCure มาใช้ในโครงการก่อสร้างต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืน

การทำงานของเทคโนโลยี CarbonCure

หลักการทำงานของ CarbonCure คือ การนำคาร์บอนไดออกไซด์ที่ได้จากกระบวนการเผาไหม้และการผลิตที่โรงงานอุตสาหกรรมเหล่านั้นไม่ต้องการนำมาใช้ใหม่ โดยฉีดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เข้าไปในคอนกรีตที่ยังไม่แข็งตัว คาร์บอนไดออกไซด์จะทำปฏิกิริยากับแคลเซียมไฮดรอกไซด์ในคอนกรีตเกิดเป็นแคลเซียมคาร์บอเนตซึ่งเป็นแร่ธาตุที่ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับคอนกรีต การเพิ่มความแข็งแรงนี้ทำให้สามารถลดปริมาณการใช้ปูนซีเมนต์ซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักของคอนกรีตได้ 

ผลกระทบและประโยชน์ของการใช้ CarbonCure

  1. เพิ่มความแข็งแรงของคอนกรีต การฉีดคาร์บอนไดออกไซด์เข้าไปในคอนกรีตทำให้คอนกรีตมีความแข็งแรงมากขึ้น สามารถลดปริมาณการใช้ปูนซีเมนต์ได้
  2. ลดต้นทุนการผลิต การลดปริมาณการใช้ปูนซีเมนต์ทำให้ลดต้นทุนการผลิตคอนกรีต
  3. ช่วยส่งเสริมความยั่งยืน การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นการช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้อุตสาหกรรมก่อสร้างมีความยั่งยืนมากขึ้น
  4. ประยุกต์ใช้ได้หลากหลาย CarbonCure สามารถนำไปใช้ในกระบวนการผลิตคอนกรีตได้หลากหลายรูปแบบและในโครงการก่อสร้างต่าง ๆ

แนวโน้มการขยายตัวและอนาคตของ CarbonCure 

การขยายตัวของเทคโนโลยี CarbonCure ในหลายประเทศทั่วโลกแสดงถึงศักยภาพที่ดีของวัสดุที่ได้รับการยอมรับจากนานาประเทศ CarbonCure จึงมีแนวโน้มที่สดใสด้วยการสนับสนุนจากอุตสาหกรรมก่อสร้างและรัฐบาลหลายประเทศที่มุ่งหวังลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและเพิ่มความยั่งยืนในการพัฒนา

นอกจากนี้ การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ CarbonCure ยังคงเดินหน้าต่อไป เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและขยายการใช้งานในรูปแบบต่าง ๆ รวมถึงการนำคาร์บอนไดออกไซด์จากแหล่งอื่น ๆ มาใช้ในกระบวนการผลิตคอนกรีต

การนำเทคโนโลยี CarbonCure มาใช้ในวงกว้างนั้นไม่เพียงแต่เป็นการตอบโจทย์ด้านสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างคุณค่าให้กับอุตสาหกรรมก่อสร้างในแง่ของความคุ้มค่าและความยั่งยืน เทคโนโลยีนี้จึงเป็นตัวอย่างที่ดีของการนำวิทยาศาสตร์และนวัตกรรมมาช่วยแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมในปัจจุบันและอนาคต

อ้างอิง : CarbonCure

Logo-Company
Logo-Company
Logo-Company
logo-company
Pisit Poocharoen
Former field engineer seeking to break free from traditional learning frameworks. อดีตวิศวกรภาคสนามที่ต้องการหลุดออกจากกรอบการเรียนรู้แบบเดิม ๆ