MM Thailand ชวนคุณเกณฑ์ชยุตม์ เมธาจารุนนท์ ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท Thai Worth มาแบ่งปันแนวคิด Component Solution Thinking ของ Ceratizit ที่จะช่วยเพิ่มผลผลิตในกระบวนการผลิตได้อย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระบวนการผลิตสินค้า High-Precision Mass Production ในอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ อุตสาหกรรมอากาศยาน อุตสาหกรรมการแพทย์ และอุตสาหกรรมวิศวกรรมต่าง ๆ

การตั้ง KPI ภาพรวมที่มีความยืดหยุ่น สามารถพลิกโอกาสในการแข่งขันได้

ในการผลิตในอุตสาหกรรมด้านโลหะยุคปัจจุบันให้ความสำคัญกับการลดต้นทุนที่ลงลึกถึงรายละเอียดปลีกย่อยเพื่อให้เป็นไปตามแนวคิด LEAN มากที่สุด ซึ่งมักทำให้เกิดการวาง KPI ที่กำหนดว่า Cutting Tools ชิ้นใหม่ หากใช้ใน Process เดิมจำเป็นต้องราคาถูกกว่าหรือเท่ากับของเดิม เพื่อลดต้นทุนในแต่ละกระบวนการให้มากที่สุด ด้วยความพยายาม Optimize แนวคิดดังกล่าวทำให้เกิดการพิจารณาใช้ Cutting Tools ที่เน้นคุณภาพ สร้างความคุ้มค่าและกำไรผ่านการลดต้นทุนในเชิงเวลา เช่น Machining Cost, Cycle Time, Material Removal Rate ซึ่งสามารถนำเวลาที่เหลือมารับคำสั่งการผลิตเพิ่มเติม เพิ่มเพิ่มผลผลิตภายใต้กรอบระยะเวลาและ Fixed-Cost ที่เท่ากัน

“การใช้งาน Cutting Tools ที่ถูกต้อง คือ Super Power ที่สามารถลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิตในภาพรวมอย่างมหาศาลและเปิดโอกาสในการต่อยอดธุรกิจในเวลาที่ได้เพิ่มเติมขึ้นมา”
คุณเกณฑ์ชยุตม์ เมธาจารุนนท์ ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท Thai Worth

อย่างไรก็ตาม การตั้งเป้าลดต้นทุน Cutting Tools นั้นไม่ได้ยึดโยง Final Product ซึ่งเป็นเป้าหมายในการทำธุรกิจ KPI ที่เกิดขึ้นจากแนวคิดดังกล่าวจึงไม่อาจกล่าวได้ว่ามีประสิทธิภาพสำหรับธุรกิจที่ต้องการการเติบโตนัก ทำให้ผู้เชี่ยวชาญเกิดการค้นหาและพัฒนาแนวคิดใหม่ ๆ ทำให้เกิดแนวคิดอย่าง Component-Based Thinking ที่เป็นการต่อยอดแนวคิด Cost Per Part ที่จะพลิกโอกาสในการแข่งขันได้ขึ้นมา

การคำนวณ Cost Per Part ในเบื้องต้น คือ การคำนวณต้นทุนต่อชิ้นงาน ซึ่งประกอบไปด้วย Material Cost, Cutting Tool Cost และ Machining Cost

Component-Based Thinking คืออะไร?

Component-Based Thinking คือ แนวคิดพื้นฐานด้าน Component Solution ที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากพาร์ทเนอร์อย่าง Ceratizit นั้นให้ความสำคัญกับชิ้นส่วนที่ต้องการผลิต ซึ่งสามารถจำกัดความอย่างง่าย ๆ ได้ว่าเป็น ‘คำตอบของพาร์ทการผลิต’ แต่หากจะพิจารณาให้ลึกลงไปจะพบว่าเป็นแนวคิดที่ออกแบบและวางแผนกระบวนการผลิต รวมถึงเครื่องมือและทรัพยากรที่ต้องใช้ 

ตั้งต้นจาก Final Product จากนั้นจึงพิจารณาขั้นตอนที่ต้องใช้ผ่านกระบวนการมองย้อนกลับ (Problem-Oriented Thinking) จากนั้นจึงเป็นการออกแบบกระบวนการที่จำเป็นต้องใช้ ผสมผสานกับแนวคิดแบบ Combination Tool เพื่อ Optimize ให้เกิด Cycle Time, Machining Cost และ Metal Removal Rate ที่มีประสิทธิภาพสูง เป็นการเพิ่มผลผลิตและลดระยะเวลาที่ใช้ จากการเดิน Process 12 ครั้ง อาจเหลือแค่ 2 ครั้ง หรือ 4 ครั้ง ซึ่งจะช่วยเพิ่มผลผลิตให้กับธุรกิจได้จำนวนมหาศาล

“จริง ๆ แล้วเรื่องของ Component-Based Thinking นั้นไม่ใช่เรื่องใหม่ ในทางกลับกันองค์ความรู้นี้กลับถูกใช้กันอย่างกว้างขวางในการผลิตของยุโรปด้วยซ้ำ”
คุณเกณฑ์ชยุตม์ เมธาจารุนนท์ ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท Thai Worth

ความแตกต่างของ Component-Based Thinking กับแนวคิดที่โรงงานส่วนใหญ่ ‘เคยชิน’

คุณเกณฑ์ชยุตม์ได้ชี้ให้เห็นถึงความแตกต่างกับแนวคิดการผลิตชิ้นงานที่ผู้ประกอบการไทยส่วนใหญ่นิยมใช้ โดยอ้างอิงจากแนวคิดที่ผู้ประกอบการเคยชิน “โดยปกติแล้วการทำงานกับ Cutting Tools จะเป็นการทำงานทีละชิ้น ทีละขั้นตอน จากนั้นจึงนำผลลัพธ์มาเปรียบเทียบกัน เมื่อแต่ละกระบวนการดำเนินงานเสร็จก็จำเป็นจะต้องรองานว่างเพื่อนำไปทดสอบ และปรับเงื่อนไขต่าง ๆ ทีละครั้ง กระบวนการเหล่านี้ใช้เวลาพิจารณาเฉลี่ย 1 – 3 เดือน เรียกว่าใช้เวลาการดำเนินงานนาน จะเห็นได้ว่าเป็นการทำงานที่มุ่งเน้นไปที่เรื่อง Tools เท่านั้น”

แต่ในกรณีของ Component-Based Thinking จะเป็นการ Optimize กระบวนการที่จำเป็นต้องใช้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ยกตัวอย่างการผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมอากาศยาน หรือเครื่องมือแพทย์ที่มีความซับซ้อน มีรายละเอียดสูง เช่น ฝาสูบ (Cylinder Head) กล่องเกียร์ (Gearbox Housing) ที่จะต้องมีการขยับเครื่องมือเข้า ๆ ออก ๆ อยู่บ่อยครั้ง การรวบรวมเครื่องมือให้เกิดกระบวนการน้อยครั้ง หรือเป็นการทำงานขั้นตอนเดียว ทำให้ลดระยะเวลาที่ใช้และเพิ่มผลผลิตให้กับสายการผลิตในเวลาเดียวกัน และหากมีการประยุกต์แนวคิดการเล่นรอบ (Cash Cycle) เพิ่มเติมลงไปในกระบวนการผลผลิตก็จะยิ่งทวีคูณอีกด้วย

“แน่นอนว่าในทุกการเปลี่ยนแปลงของมนุษย์ช่างอย่างพวกเรา การบันทึกผลลัพธ์ในทุก ๆ Variable ที่เปลี่ยนไปเป็นสิ่งจำเป็น เพราะการทำงานในรูปแบบที่เป็นวิทยาศาสตร์ทำให้เราเข้าใจได้ว่าการพัฒนาที่เกิดขึ้นมีที่มาอย่างไร และสามารถต่อยอดไปทางไหนได้บ้าง เช่น เราอยากลองเม็ดกลึงยี่ห้อนี้เพื่อดูว่าสามารถเพิ่ม Tool Life ให้เราได้ขนาดไหน เพิ่ม Metal Removal Rate ได้สักเท่าไร แต่ในแนวปฏิบัติที่ทุกวินาทีมีค่า ผมอยากชวนให้พวกเราลองเปลี่ยนแปลงทีละหลายตัวแปรผ่านแนวความคิดแบบ Component-Based Thinking และทำการทดลองแบบยกชุด แบบยก Tools แบบยกกระบวนการ และแบบยก Operation ไปเลย แล้วเราค่อยวัดผลกันตอนสุดท้ายทีเดียว กระบวนการเหล่านี้สามารถทำงานร่วมกับทีมที่มีความเชี่ยวชาญ มี Case Study ที่สอดคล้องกับธุรกิจนั้น ๆ จะทำให้มั่นใจได้ว่าการปรับเปลี่ยนเกิดขึ้นอย่างถูกต้องและเหมาะสม” คุณเกณฑ์ชยุตม์เล่าถึงประสบการณ์ที่เกิดขึ้นจากการทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์จาก Ceratizit ที่มีส่วนสำคัญในการนำ Component Solution เข้ามาสนับสนุนในการผลิตของโรงงานในประเทศไทย

สร้างมูลค่าเพิ่มกว่า 2 เท่าด้วยแนวคิด Component-Based Thinking

จากประสบการณ์ของคุณเกณฑ์ชยุตม์พบว่าต้นทุนในการผลิตชิ้นส่วนโลหะนั้น Cutting Tools มีส่วนน้อยมาก แต่ต้นทุนหลักจะไปอยู่ที่ Cycle Time หรือ Machining Cost ซึ่งโรงงานขนาดเล็กมูลค่าอาจจะอยู่ที่ 800 บาทต่อชั่วโมง ไปจนถึงหลายหมื่นบาท หากพิจารณาเป็นไลน์การผลิต ถ้าเป็นโรงงานขนาดเล็กที่มีคำสั่งซื้อไม่เท่ากับกำลังการผลิตที่มี หรือไม่ต้องผลิตจำนวนมากอาจเรียกได้ว่าเป็นกระบวนการที่สมเหตุสมผลในสถานการณ์นี้ โรงงานแค่ใช้ Cutting Tools อย่างเต็มประสิทธิภาพก็เพียงพอแล้ว ทั้งนี้ทั้งนั้น สำหรับไลน์การผลิตที่มีการผลิตเต็ม Capacity คุณเกณฑ์ชยุตม์อยากแนะนำลองพิจารณาในส่วนของ Cutting Speed (Vc) เพื่อเพิ่ม Tool Life ก่อนที่จะมองหา Cutting Tools ที่ราคาถูกลง เพื่อเปรียบเทียบผลลัพธ์การปรับ Cutting Parameter ที่อาจสะท้อนให้เห็นว่ามีความคุ้มค่าเกิดขึ้นมากกว่าการเลือกใช้แบบเดิม ๆ

ในกรณีที่มีการผลิตจำนวนมาก หากสามารถลดระยะเวลาการผลิตได้ นั่นหมายถึง การลดต้นทุนของเวลาที่ส่งผลต่อค่าเสื่อมเครื่องจักร พลังงาน การซ่อมบำรุง และแรงงานที่ต้องใช้ คุณเกณฑ์ชยุตม์ยกตัวอย่างการปรับต้นทุน Cutting Tools ที่แต่เดิมอาจจะมีมูลค่าตั้งต้นอยู่ที่ 12 ล้านบาท แต่ Thai Worth ได้พิจารณาถึงศักยภาพเครื่องจักรและเทคโนโลยีที่สามารถปรับแต่งได้มาก มีเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย จึงได้ทำการแนะนำให้เพิ่มต้นทุน Cutting Tools เป็น 13 ล้านบาท เมื่อพิจารณาที่ Cycle Time หรือ Machining Cost จะพบว่าเวลาที่เคยใช้อยู่ 12 เดือนลดลงมาเหลือ 9 – 10 เดือน ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจึงเป็นการลดค่าใช้จ่าย Machining Cost จาก 1,300 ล้านบาทเหลือเพียง 800 ล้านบาท เป็นการลงทุนที่เพิ่มขึ้นไม่มากแต่ผลลัพธ์นั้นแตกต่างอย่างชัดเจน ซึ่งแนวคิดเหล่านี้มีสูตรและสมการที่วิศวกรสามารถคำนวณได้ โดยพิจารณาปัจจัยและ Optimize กระบวนการผลิตที่เกี่ยวข้อง เมื่อลองวิเคราะห์มูลค่าที่เกิดขึ้นจะพบว่าการลดระยะเวลาที่ใช้ และหางานมาเพิ่มเติมนั้นจะมีต้นทุนเท่าเดิม แต่ผลผลิตที่ได้จะเพิ่มเป็น 2 เท่า ซึ่งแนวคิดนี้เป็นหลักการ Cash Cycle ที่ผู้บริหารหรือผู้ดูแลยุทธศาสตร์องค์กรสามารถเข้าใจได้ไม่ยาก

ร่วมสัมมนาและพูดคุยกับคุณสุทธิพงษ์ พรหมเกศ Application Engineer จาก Ceratizit พาร์ทเนอร์บริษัท Thai Worth ร่วมกับวิทยากรที่น่าสนใจจากบริษัท PTT RAiSE, Mekha-V และ MITSUI & CO. Ltd. ในหัวข้อ ‘Technologies to Support Carbon Footprint Monitoring ขับเคลื่อนองค์กรสู่ Net Zero ด้วยเทคโนโลยี’ [AEX117] เวลา 13.15 – 16.00 น. ลงทะเบียนเข้าฟังสัมมนาฟรีได้ที่: https://shorturl.at/zEF3M

ปรับใช้ Component-Based Thinking อย่างไรในโรงงานอุตสาหกรรม

“ผมเชื่อว่าประเทศไทยเป็นฐานการผลิตที่มีศักยภาพ มีตัวแทนเจ้าของสินค้าหรือที่ผมเรียกว่า Technology-Enabler จากครบทุกมุมโลก มี Supply Chain ที่แข็งแรง ซึ่งกรณีของ Component-Based Thinking เป็นหนึ่งในตัวอย่างที่ดี เพราะมีการเริ่มใช้พอสมควรแม้จะไม่ใช่แนวคิดใหม่ถอดด้าม ทำให้มีตัวอย่างในการเรียนรู้และ Study Case ที่พอเพียงต่อการปรับปรุงสายการผลิตในประเทศไทยยุคปัจจุบัน” คุณเกณฑ์ชยุตม์กล่าวถึงแนวทางในการปรับใช้ Component-Based Thinking กับภาคอุตสาหกรรมของประเทศไทย แต่กำแพงสำคัญที่คุณเกณฑ์ชยุตม์พบเจอบ่อยครั้งมักจะเป็นเรื่องของชุดความคิดและเงื่อนไขในเรื่องของเทคโนโลยี

ความเข้าใจร่วมกันเป็นสิ่งสำคัญ

ในประเด็นนี้คุณเกณฑ์ชยุตม์ชี้ให้เห็นว่า KPI ของฝ่ายจัดซื้อเป็นส่วนสำคัญในการริเริ่มทำโปรเจกต์ Component Solution เพราะบางที่นิยมตั้งเป้าลดต้นทุน Cutting Tools อย่างเดียว เนื่องจาก Machining Cost มักถูกมองว่าลงทุนไปแล้วในตอนแรกถือว่าไม่ต้องนำมาพิจารณาอีก ผลลัพธ์ที่ได้จริงกลับสวนทางกับเป้าหมายแท้จริงที่ต้องการ ซึ่งเกิดจากความเข้าใจที่ไม่ตรงกันของการทำงานในแต่ละภาคส่วน ซึ่งคุณเกณฑ์ชยุตม์ได้เล่าประสบการณ์ตรงในประเด็นนี้เอาไว้ว่า “เรื่องนี้เท่าที่ผมเจอมา Production Engineer เข้าใจดีมากอยู่แล้ว แต่จำเป็นต้องทำตาม KPI ที่ถูกกำหนดจึงไม่สามารถแสดงฝีมือในเรื่องนี้ได้อย่างเต็มที่ ผมเลยขอเสนอดัชนีวัดผล (Metric) ตัวใหม่ที่ชื่อว่า Return On Cutting Tools หรือ ROCT ที่บอกเราถึงประสิทธิภาพการลงทุนใน Cutting Tools ซึ่งก็คือ Cost Per Part หารด้วย Cutting Tools แบบง่าย ๆ นี่เอง”

แนวทางการแก้ไขปัญหาเชิงนโยบายนี้ คุณเกณฑ์ชยุตม์เสนอว่า แต่ละแผนกในโรงงานจำเป็นจะต้อง ‘คุยกัน’ เพื่อให้เกิดความเข้าใจและแลกเปลี่ยนมุมมอง หลายครั้งอาจเกิดจากฝ่ายบริหารที่อาจไม่ได้ดูเศรษฐศาสตร์ของการผลิตเป็นภาพรวม จึงไม่สามารถคำนวณผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นได้ กลายเป็นว่า KPI ที่ตั้งขึ้นมากลายเป็นคอขวดให้กับกระบวนการผลิต ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วอาจมีศักยภาพในการผลิตมากกว่าที่ดำเนินการต่อ ๆ กันมาตามความเคยชิน “ผมเชื่อว่าหลาย ๆ ที่ ทางแผนก Production น่าจะมีการคุยกันกับระดับบริหารแล้วแต่ติดที่นโยบายที่ตั้งมาจากต่างประเทศ การพูดคุยร่วมกันจากหลากหลายฝ่าย ทั้งผู้บริหาร วิศวกร และ Technology Provider ผ่านแนวคิด Component-Based Thinking และแชร์ดัชนี ROCT เพื่อพิจารณา” คุณเกณฑ์ชยุตม์เล่าถึงความสำเร็จที่เคยดำเนินการร่วมกับพาร์ทเนอร์เพื่อพูดคุยกับผู้บริหารในต่างประเทศ และผลักดันให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลได้จริง

จะเห็นได้ว่าหากมีการกำหนดนโยบายเกิดขึ้นระหว่างแผนกต่าง ๆ (Co-Creation) หรือเกิดการสื่อสารที่ทำให้ระดับบริหารที่มีอำนาจตัดสินใจสามารถมองเห็นภาพรวมและความสำเร็จที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งเจ้าของเทคโนโลยีก็จะมีส่วนสำคัญในการนำเสนอ Case Study และผลลัพธ์เพื่อสร้างความมั่นใจในการปรับเปลี่ยนใช้งานอีกด้วย

‘เทคโนโลยี’ อีกหนึ่งตัวแปรสำหรับแนวคิด Component-Based Thinking

นอกเหนือไปจากเรื่องของคนในธุรกิจแล้ว ตัวแปรที่จะส่งผลต่อความสำเร็จของ Component-Based Thinking อีกประการหนึ่ง คือ เทคโนโลยีของ Machine Tools (เช่น Machine, Tool Holder, Systems) Lubrication และ Cutting Tools ที่ใช้ การที่เครื่องจักรมีเทคโนโลยีระดับสูง สามารถปรับ Condition ได้มาก เพิ่มเครื่องมือให้ได้มาก มีศักยภาพในการลองอะไรใหม่ ๆ มากขึ้น จะยิ่งเป็นการเพิ่มโอกาสในการ Optimize ปรับตั้งค่าต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับเงื่อนไขได้ใกล้เคียงกับอุดมคติมากที่สุด 

มุ่งหน้าสู่ LEAN ด้วย Component-Based Thinking 

จะเห็นได้ว่าแนวคิด Component-Based Thinking ที่คุณเกณฑ์ชยุตม์กล่าวถึงสำหรับการผลิตนั้น เป็นแนวทางที่อ้างอิงกับผลลัพธ์สุดท้าย และช่วยให้สามารถออกแบบกระบวนการที่เกี่ยวข้องได้โดยเกิดประสิทธิภาพมากที่สุดอย่างก้าวกระโดดวิธีหนึ่ง ด้วยกระบวนการได้อย่างเหมาะสมและเกิดประสิทธิผลได้มากกว่าความเคยชินเดิมในอุตสาหกรรม ที่นิยมให้ความสำคัญกับกระบวนการและการจัดการต้นทุนสิ้นเปลืองอย่าง Cutting Tools ทีละตัว ทำให้เกิด LEAN ที่ไม่ได้เพียงลดความสูญเปล่าแต่ยังเป็นการเพิ่มผลผลิตได้ในเวลาเดียวกันอีกด้วย

และถ้าใครเป็นสายฮาร์ดคอร์เรื่องการ Optimize Production คุณเกณฑ์ชยุตม์กล่าวเสริมเอาไว้ว่าให้รอติดตามเรื่องของสูตรคำนวน Maximum Profit Rate ในงาน Machining กันเอาไว้ได้เลย

ร่วมพูดคุย สอบถาม เกี่ยวกับ Component Solution ของ Ceratizit และแนวคิด Component-Based Thinking ได้ที่บูธ Thai Worth พร้อมค้นพบโซลูชันงานแม่พิมพ์และ Machine Tool สำหรับการผลิตยุคใหม่ได้ที่ AUTOMATION EXPO 2025 ณ ศูนย์และชุมและแสดงสินค้านานาชาตินงนุช (NICE) พัทยา 19 – 21 มีนาคม 2568 นี้เท่านั้น!

พบกับเทคโนโลยีการผลิต ระบบอัตโนมัติโรงงาน ไปจนถึงหุ่นยนต์และซอฟต์แวร์ต่าง ๆ ได้ที่งาน AUTOMATION EXPO 2025 เข้าชมงานและร่วมสัมมนาได้ฟรี! ลงทะเบียนได้ที่: https://shorturl.at/zEF3M พบกับ AUTOMATION EXPO 2025 ได้ที่ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาตินงนุช (NICE) พัทยา ระหว่างวันที่ 19-21 มีนาคม 2568 สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติม และลงทะเบียนเพื่อสำรองที่นั่งในหัวข้อสัมมนาต่าง ๆ ได้ที่ www.automation-expo.asia