iscar
การเชื่อมต่อและการประมวลผลเป็นพื้นฐานสำคัญของโรงงานยุคใหม่

‘Connect & Compute’ แนวคิดพื้นฐานสำคัญสำหรับ Digital Factory ยุคใหม่ที่มีหัวใจ คือ ‘ข้อมูล’

Date Post
25.04.2025
Post Views

ผู้ประกอบการโรงงานล้วนเข้าใจถึงความสำคัญของเทคโนโลยีสมัยใหม่ทั้งสิ้น แต่ผลลัพธ์ของการลงทุนกลับไม่แน่นอน ส่วนหนึ่งที่เป็นส่วนสำคัญเพราะวิธีการ Approach ต่อการลงทุน และการตั้งเป้าหมายที่เกิดขึ้น ซึ่งการจะทำให้เกิด Digital Factory ได้นั้นเรื่องของ ‘ข้อมูล’ เป็นปัจจัยสำคัญในการตั้งต้น โดยมีการเชื่อมต่อ (Connect) และการประมวลผล (Compute) เป็นส่วนประกอบอันขาดไม่ได้ที่ผู้ประกอบการมักจะมองข้ามไปอย่างไม่เข้าใจ

เรื่องของ Digital Transformation (DX) และเรื่องของ Digital Factory นั้นเป็นประเด็นที่ผู้ประกอบการจำนวนไม่น้อยให้ความสนใจ ทั้งในแง่ของทักษะการล้มแล้วลุกอย่างรวดเร็ว (Resilience) เพื่อปรับตัวและควบคุมต้นทุน รวมถึงการเผชิญหน้ากับความท้าทายหลากหลายมิติ ทำให้การลงทุนเทคโนโลยีกลายเป็น ‘คำตอบสุดท้าย’ สำหรับหลาย ๆ คน แต่ในขณะเดียวกันวิสัยทัศน์ และมุมมองต่อคำตอบสุดท้ายนี้ส่งผลต่อการลงทุนว่าจะ ‘ล้มเหลว’ หรือ ‘ประสบผลสำเร็จ’

‘มองผิดที่ แก้ผิดจุด’ ปัญหายอดฮิตของความล้มเหลวในการทำ Digital Factory

ข้อมูลจากเอกสาร ‘Digital Factory Transformation Survey 2022’ โดย PwC ชี้ให้เห็นว่าในแต่ละปีนั้นมีการลงทุนในด้าน Digital Factory กว่า 1.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่ง 64% อยู่ในขั้นตอนเริ่มต้นของ Digital Transformation โดยมีบริษัทที่มองว่าการลงทุนนี้จะเป็นการขับเคลื่อนในด้านของ Resilience และความยืดหยุ่น (Flexibility) เพิ่มขึ้นถึง 67%

AIS Business กับแนวคิดด้าน Connect ในภาคการผลิต

แต่ในขณะเดียวกันข้อมูลจาก McKinsey ได้แสดงให้เห็นว่า 70% ของ Digital Transformation ที่เกิดขึ้นนั้นต้องเผชิญหน้ากับความล้มเหลว หากพิจารณาตามเอกสารงานวิจัย ‘Why do so many digital transformations fail? A bibliometric analysis and future research agenda’ ที่ได้รับการเผยแพร่ในวารสาร Journal of Business Research ฉบับที่ 174 เดือนมีนาคม 2024 ปัจจัยในการทำ Digital Transformation ที่ล้มเหลวประกอบไปด้วย 4 ปัจจัยหลัก ได้แก่ นวัตกรรมด้านดิจิทัล, การบริหารจัดการ, เทคโนโลยีดิจิทัล และระบบข้อมูลสารสนเทศ ซึ่งปัจจัยทั้งหมดนี้ต่างเชื่อมโยงเข้าด้วยกันด้วยมิติของ ‘ข้อมูล’ ที่ขาดคุณภาพและไม่เชื่อมต่อกัน

ถอดประสบการณ์ ‘เพราะเหตุใด’ ธุรกิจจึงล้มเหลวในการทำ Digital Transformation

ความผิดพลาดเหล่านี้เกิดขึ้นได้กับธุรกิจทุกประเภท ไม่ได้เจาะจงหรือมีอภิสิทธิ์ว่าธุรกิจขนาดใหญ่หรือเล็กเท่านั้นที่จะล้มเหลวได้ ยกตัวอย่างในกรณีของ Hershey* ผู้ผลิตช็อกโกแลตแบรนด์ดังที่พยายามบูรณาการ ERP ที่ซับซ้อนในระยะเวลาอันสั้น และมีกำหนดการเปิดใช้งานในช่วง Cycle ของธุรกิจที่มีกำลังผลิตสูง ประกอบกับแรงงานที่ยังไม่สามารถปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงได้ ทำให้เกิดปัญหาจำนวนมากขึ้นและแก้ได้ไม่ทันต่อความเร่งด่วน หรืออย่างในกรณีของ Ford Motor* ที่มีความทะเยอทะยานในการทำ Transformation แบบยกทั้งระบบ แต่ขาดความชัดเจนในเรื่องของยุทธศาสตร์ และมีขั้นตอนการดำเนินการที่ประสิทธิภาพยังไม่ดีพอทำให้เกิดความล้มเหลวขึ้น 

จากการพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญในภาคการผลิตหลากหลายสาขา พบว่าสาเหตุสำคัญที่การลงทุนทำ Digital Transformation เพื่อให้เกิดเป็น Digital Factory สำหรับประเทศไทยที่กลายเป็นความล้มเหลว มักเกิดขึ้นเพราะ ‘ความไม่เข้าใจ’ ในความต้องการของธุรกิจตัวเอง นำไปสู่ความเคยชินในการลงทุนที่อาจเกิดจากการไปเดินงานแสดงสินค้าแล้วเลือกซื้อเฉพาะสิ่งที่ตัวเองสนใจหรือรู้จักอยู่บ้าง แต่กลับไม่สอดคล้องกับความต้องการหรือความท้าทายที่มีอยู่จริงและเร่งด่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กที่ขาดแคลนผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี มักจะพบปัญหาความท้าทายเหล่านี้ได้มากกว่าบริษัทจากต่างประเทศที่มีผู้เชี่ยวชาญหรือมีประสบการณ์ในการปรับเปลี่ยนกันจนเป็นวัฒนธรรมหนึ่งในองค์กรไปแล้ว

* อ้างอิงข้อมูลจาก SANKA ผู้เชี่ยวชาญด้าน ERP และ CRM

ตั้งต้นความคิดด้วย ‘ผลลัพธ์’ ที่จับต้องได้เสียก่อน! 

จะเห็นได้ว่าทั้งความเคยชินและลงทุนโดยไม่ได้พิจารณาถึงคุณค่าที่จำเป็นจะส่งผลให้ธุรกิจเกิดความล้มเหลวไม่อาจก้าวเข้าสู่การเป็น Digital Factory ที่มีประสิทธิภาพได้ ดังนั้น การย้อนกลับมาตั้งต้นที่ผลลัพธ์ที่ต้องการจึงเป็นการวางแผนและปรับวิธีคิดใหม่ที่มีประสิทธิภาพมากกว่ารูปแบบอื่นใด 

การตั้งต้นว่าจะผลิตอะไร มีคุณภาพและส่งต่อคุณค่าให้กับผู้ใช้หรือผู้บริโภคอย่างไร น่าจะเป็นการตั้งต้นที่เห็นภาพชัดเจนที่สุด จากนั้นจึงพิจารณาย้อนกระบวนการว่าต้องการขั้นตอนอะไรบ้าง และขั้นตอนเหล่านั้นต้องประกอบไปด้วยเงื่อนไขอย่างไรจึงจะได้ผลลัพธ์อย่างที่ต้องการไปพร้อม ๆ กับการทำให้ธุรกิจเติบโต 

การพิจารณาลำดับขั้นเหล่านี้และการสำรวจข้อมูล (Data) จากสายการผลิตเดิมควบคู่กันไปจะทำให้เห็นแนวทางของการลงทุนชัดยิ่งขึ้น จะทำให้เห็นได้ชัดว่ากระบวนการตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ไปจนถึงมือผู้ใช้นั้นเต็มไปด้วยข้อมูลจำนวนมหาศาล เป็น Value Streaming ที่บ่งบอกทั้งคุณภาพชิ้นงาน ศักยภาพในการผลิต รวมถึงต้นทุน กำไร และแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นได้ 

การ Connect เชื่อมต่อข้อมูลกันในระบบการผลิตและงานคลังอัจฉริยะ

ดังนั้น การตั้งต้นพิจารณาที่ชิ้นงานหรือผลลัพธ์ที่ต้องการ จะต้องมาควบคู่กับข้อมูลที่มีคุณภาพ ซึ่งนิยามของข้อมูลที่ดีจะต้องประกอบด้วย ข้อมูลที่มีความน่าเชื่อถือ มีความแม่นยำ มีความสมบูรณ์ มีการอัปเดต และทันต่อสถานการณ์ เพื่อการได้มาและการต่อยอดข้อมูลดังกล่าว ระบบนิเวศของข้อมูลอย่างการเชื่อมต่อ (Connect) และการประมวลผล (Compute) จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมาก หากต้องการขับเคลื่อนโรงงานในรูปแบบของ Digital Factory ซึ่งแนวคิดการเชื่อมต่อและการประมวลผลนี้ยังเป็นแนวคิดที่ AIS Business ให้ความสำคัญในการขับเคลื่อนภาคการผลิตในปี 2025 นี้อีกด้วย

‘CONNECT & COMPUTE’ แนวคิดสำคัญของ AIS Business ในการขับเคลื่อนภาคการผลิตปี 2025

ความท้าทายสำคัญที่ AIS Business ต้องเผชิญเมื่อได้ทำงานอย่างใกล้ชิดร่วมกับทั้งพันธมิตร SI, SA, หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาอุตสาหกรรม และลูกค้าในภาคการผลิต คือ การใช้งานระบบอัตโนมัติในภาคอุตสาหกรรม โดยส่วนใหญ่นั้นยังขาดความเข้าใจอยู่อีกมาก ด้วยพฤติกรรมการลงทุนที่เคยชินกับการเลือกสินค้าตามงานแสดงสินค้า เช่น ลงทุนหุ่นยนต์ ลงทุน IIoT หรือลงทุนระบบ Machine Vision มูลค่าสูง แต่การขาดมุมมองเรื่องระบบนิเวศที่ต้องรองรับเทคโนโลยีซึ่งอาจไม่ใช่สิ่งที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เช่น โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่ทำหน้าที่เชื่อมต่อและประมวลผลแอปพลิเคชัน ซึ่งเป็นเหมือนกับถนนให้กับอุปกรณ์ต่างๆ ในโรงงาน ทำให้การใช้งานเทคโนโลยีมูลค่าสูงที่ลงทุนไปนั้นไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มศักยภาพ เกิดปัญหาคอขวด และในอีกหลายกรณีเป็นการทำงานแบบ Standalone ไม่สามารถส่งต่อหรือใช้ประโยชน์จากข้อมูลที่เกิดขึ้นก่อนหน้าได้เลย ส่งผลให้การทำ Digital Transformation เพื่อมุ่งหน้าสู่ Digital Factory จำนวนไม่น้อยเกิดความล้มเหลว

AIS Business จึงชวนผู้ประกอบการกลับมาตั้งต้นกันที่ ‘คุณภาพของข้อมูล’ ว่าจะทำอย่างไรให้ได้ข้อมูลที่ได้คุณภาพ เที่ยงตรง โปร่งใส แม่นยำ และทันต่อการใช้งาน ก่อนที่จะไปให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีที่เป็นปลายทางอย่างหุ่นยนต์หรือเซ็นเซอร์ต่าง ๆ โดย AIS Business ในปี 2025 จึงให้ความสำคัญกับการเชื่อมต่อและการต่อยอดการใช้งานให้สามารถเกิดประสิทธิภาพขึ้นได้จริง และไม่ก่อให้เกิดความเสียหายทางธุรกิจจากข้อมูลที่มีปัญหา เป็นการวางรากฐานของการเชื่อมต่อข้อมูลและการประมวลผลเพื่อให้เทคโนโลยีมูลค่าสูงอย่างหุ่นยนต์ เครื่องจักรอัจฉริยะ ระบบ Simulation รวมถึงอุปกรณ์ตรวจจับข้อมูลอย่างเซ็นเซอร์และ IIoT ที่มีจำนวนมากและต้องส่งข้อมูลอย่างต่อเนื่องสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ไร้ปัญหาคอขวด และทำให้สามารถใช้ศักยภาพของ Digital Factory ได้อย่างสมบูรณ์แบบ จะเห็นได้ว่าการวางโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลจำเป็นต้องมีการดำเนินการควบคู่ไปกับการลงทุนเทคโนโลยีที่สอดคล้องกับความท้าทายของธุรกิจที่เกิดขึ้นจริง ไม่ใช่การมุ่งไปด้านใดด้านหนึ่งเพียงอย่างเดียว

เริ่มต้นที่ CONNECT & COMPUTE ต่อยอดสู่ Sustainable Manufacturing ในงาน AUTOMATION EXPO 2025

การเผยโฉมของแนวคิด ‘Transforming Digital Manufacturing with the Power of CONNECT & COMPUTE’ ที่กลับมาสู่พื้นฐานอันสำคัญยิ่งของการผลิตสำหรับ Digital Factory จาก AIS Business นั้นเกิดขึ้นในงาน AUTOMATION EXPO 2025 ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาตินงนุช พัทยา โดยภายใต้แต่ละแนวคิดย่อยมีประเด็นที่น่าสนใจ ดังนี้

ผู้เข้าร่วมงาน AUTOMATION EXPO 2025 ให้ความสนใจกับการออกงานแสดงเทคโนโลยีของ AIS Business

CONNECT

จุดเริ่มต้นแรกของการได้มาซึ่งข้อมูลที่มีคุณภาพ คือ การมีพื้นฐานการเชื่อมต่อที่มีประสิทธิภาพ เหมาะสมกับแอปพลิเคชันที่ใช้ เช่น ต้องการใช้งานในสภาพแวดล้อมแบบใด อุปกรณ์มีการเคลื่อนไหวมากน้อยแค่ไหน ขนาดของข้อมูลเป็นอย่างไร ช่องสัญญาณมีการรบกวนกันเกิดขึ้นหรือไม่ และความถี่ในการส่งข้อมูลมากน้อยแค่ไหน การบริหารจัดการทรัพยากรในระบบเหล่านี้จะส่งผลต่อความสมบูรณ์ของข้อมูล และการได้มาซึ่งข้อมูลที่ทันต่อสถานการณ์ ซึ่งภายในงาน AUTOMATION EXPO 2025 ทาง AIS Business ได้มีการจัดแสดงเทคโนโลยีเครือข่าย 5G และระบบโครงข่ายอินเทอร์เน็ตสำหรับโรงงานอุตสาหกรรม (Industrial Internet) ที่ถูกออกแบบมาเพื่อเงื่อนไขของภาคการผลิตที่มีความซับซ้อนโดยเฉพาะ

การเชื่อมต่อแบบไร้สายในโรงงานมีหลากหลายรูปแบบ ซึ่งส่งผลต่อระยะของสัญญาณ ความถี่ช่วงสัญญาณ และขนาดของข้อมูลที่รองรับ รวมถึงความหน่วงข้อมูลที่เกิดขึ้น การออกแบบการเชื่อมต่อที่คำนึงถึงแอปพลิเคชัน ความเสถียรของการใช้งาน ความปลอดภัยของข้อมูล และการเชื่อมโยงระบบนิเวศของเครือข่ายจะป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาคอขวดในระบบขึ้น

COMPUTE

เมื่อสามารถได้มาซึ่งข้อมูลที่มีความแม่นยำ รวดเร็ว และถูกต้องแล้ว การต่อยอดและประมวลผลข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพจะเป็นอีกส่วนที่มีความสำคัญอย่างมากใน Data Streaming ที่เกิดขึ้นสำหรับ Digital Factory ยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยเครื่องจักรอัตโนมัติที่ต้องทำงาน Synchronize กันตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการทำงานกับเครื่องจักรด้วยกันเอง การประมวลผลของเครื่องจักรที่ต้องเกิดขึ้นพร้อมกับการประมวลผลของระบบอย่าง MES, SCADA หรือ ERP แบบ Real-Time เรื่องของความหน่วงในการประมวลผลจะมีส่วนสำคัญอย่างมาก โดยภายในงาน AUTOMATION EXPO 2025 ได้มีการจัดแสดงเทคโนโลยี AIS Cloud X ที่สามารถลดต้นทุนด้านการประมวลผลผ่านระบบเครือข่ายให้กับผู้ประกอบการ ทั้งยังลดต้นทุนที่ต้องใช้หากเปรียบเทียบกับระบบการจัดเก็บและประมวลผลข้อมูลแบบดั้งเดิมได้เป็นอย่างดี แต่ถ้าใครกำลังมองหา Cloud ที่ใช้งานกับ AI หรือต้องการใช้งานศักยภาพที่สูงที่สุดของเทคโนโลยี AIS Business ก็ได้นำ AIS Thai Hyperscale Cloud มาเป็นตัวอย่างให้เห็นว่าการใช้งานเทคโนโลยีระดับ Cutting Edge ในภาคการผลิตสามารถเป็นไปได้ในทิศทางใดบ้าง

Sustainable Manufacturing

เพื่อให้เห็นภาพของแนวคิด CONNECT & COMPUTE ที่จับต้องได้ AIS Business จึงได้นำเสนอแอปพลิเคชันที่ต่อยอดการใช้งานเครือข่ายคุณภาพสูง และศักยภาพในการประมวลผลผ่านเครือข่ายที่โดดเด่นผ่านตัวอย่างการใช้งานจริงที่เกิดขึ้นในภาคอุตสาหกรรม เพื่อทำให้เกิดความยั่งยืนในธุรกิจและการแข่งขันที่จับต้องได้ ไม่ว่าจะเป็น AIS Carbon Manager Platform ที่ถูกออกแบบมาให้เชื่อมต่ออุปกรณ์ในโรงงานได้อย่างหลากหลาย สามารถแบ่ง Plant และอาคารต่าง ๆ เพื่อแยกคำนวณ Carbon Footprint ที่เกิดขึ้นได้อย่างสะดวก และ AIS Cloud PC ที่ช่วยลดต้นทุนด้านการใช้งานและการดูแลข้อมูลในคอมพิวเตอร์ ด้วยการรัน Windows OS ผ่าน Cloud ที่เข้าถึงได้ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตทั่วโลก สะท้อนให้เห็นถึงแนวทางการประยุกต์ใช้งานที่หลากหลายและสร้างความแตกต่างให้กับ Digital Factory ในยุคใหม่ได้จริง

นอกจากนี้ AIS Business ยังได้นำอุปกรณ์ Rugged Handheld ที่มีการเชื่อมต่อผ่านเครือข่าย 5G มาให้ทดลองใช้กันภายในงาน AUTOMATION EXPO 2025 อีกด้วย

แนวคิด Connect & Compute จาก AIE Business ถูกนำเสนอภายในงาน AUTOMATION EXPO 2025 เป็นที่แรก

สำหรับแนวคิด CONNECT & COMPUTE จาก AIS Business ที่ได้เปิดตัวในงาน AUTOMATION EXPO 2025 นั้น เห็นได้ชัดว่าเป็นการกลับมาให้ความสำคัญกับเรื่องพื้นฐาน การวางโครงสร้างของระบบให้เกิดประสิทธิภาพ ให้ความสำคัญกับข้อมูลในฐานะกระดูกสันหลังสำหรับ Digital Factory ที่ไม่อาจปฏิเสธได้ นำไปสู่ก้าวแรกของการเปลี่ยนแปลงที่มั่นคงและใกล้ตัวผู้ประกอบการมากยิ่งขึ้น ซึ่งในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านโซลูชั่น IT แล้ว AIS Business เรียกได้ว่ามีความพร้อมทั้งเรื่องของเทคโนโลยี องค์ความรู้ กรณีศึกษา และพันธมิตรที่จะทำให้ Digital Transformation เกิดขึ้นและประสบความสำเร็จได้ ไม่ว่าจะเป็นโรงงาน SME หรือเป็นโรงงานที่มีมาตรฐานระดับสากลจากบริษัทแม่ที่คอยกำกับควบคุมก็ตาม

สนใจบริการโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลสำหรับภาคอุตสาหกรรมที่ครบทั้ง Ecosystem จาก AIS Business ติดต่อสอบถามและติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

https://www.ais.th/business/enterprise/industries

Logo-Company
Logo-Company
Logo-Company
logo-company
Thossathip Soonsarthorn
"Judge a man by his questions rather than his answers" Voltaire