ปัญหาต้นทุนค่าแรงที่เพิ่มสูงขึ้น ตลอดจนปัจจัยการผลิตที่มีราคาเฟ้อมากขึ้น และความต้องการในการลด Carbon Footprint ในผลิตภัณฑ์ ทำให้ผู้ผลิตมองหาประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นเพื่อลดต้นทุนการผลิตต่อหน่วย และลดการใช้แรงงานไปจนถึงระดับที่ไม่ต้องใช้เลย
เครื่องจักรมีระดับอัตโนมัติหลายระดับ รูปแบบที่คุ้นเคย คือ การผลิตแบบกระบวนการเดียวที่ผลิตจำนวนมาก ๆ (Mass Production) เครื่องจักรมีการเคลื่อนที่ในรูปแบบเดียวซ้ำไปมาแบบ Fixed Automation ที่ให้ประสิทธิภาพสูง แต่แนวโน้มของการผลิตปัจจุบันต้องการความหลากหลายในแต่ละคำสั่งซื้อ ดังนั้น เครื่องจักรจำเป็นต้องมีความยืดหยุ่นสามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงเครื่องมือเพื่อกระบวนการที่แตกต่างกันได้ จึงเป็นที่มาของระบบการผลิตอัตโนมัติแบบยืดหยุ่น (Flexible Automation) ที่มีการป้อนชิ้นงานที่หลากหลาย ตลอดจนช่องใส่เครื่องมือจำนวนมาก ทำงานได้อย่างอิสระ โดยที่ไม่ต้องใช้คนเข้าไปแทรกแซง
ในโรงผลิตแบบ Job Shop ที่มีขนาดเล็ก มีการผลิตจำนวนไม่มาก งานมีความพิเศษเฉพาะ ผลิตตามความต้องการของลูกค้า โซลูชันของระบบอัตโนมัติจึงต้องการความยืดหยุ่นเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังมีข้อจำกัดในเรื่องของพื้นที่อีกด้วย Makino จึงตอบโจทย์ความต้องการเหล่านี้ด้วยแพ็กเกจระบบอัตโนมัติ ‘DA300’ ที่สร้างขึ้นมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ
คลิปวิดีโอ แสดงการทำงานของ DA300 จาก Makino
DA300 ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตให้แก่ผู้ใช้งานในตลาดต่าง ๆ ตั้งแต่การบินอวกาศไปจนถึงส่วนประกอบเซมิคอนดักเตอร์
พาเลทจับชิ้นงาน ออกแบบมาเพื่อการใช้สอยพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด สามารถจับชิ้นงานที่มีขนาดใหญ่ได้ถึง 300 มม. เส้นผ่านศูนย์กลาง 360 มม. รับน้ำหนักสูงสุดที่ 60 กก. ต่อชิ้นงาน ออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อให้จับชิ้นงานได้โดยอัตโนมัติพร้อมความสามารถในการทำซ้ำที่ต่ำกว่า 2 ไมครอน ฐานที่จับทรง Polygonal Tapered ทำให้ล็อกพาเลทกับฐานเครื่องได้อย่างมั่นคงและแข็งแรง การโหลดและถอดพาเลทสามารถทำได้อย่างรวดเร็ว
ระบบอัตโนมัติ แพ็กเกจระบบอัตโนมัตินี้มาพร้อมแม็กกาซีนวงแหวนคู่เพื่อลดเวลาในการเตรียมเครื่องมือ สามารถเก็บเครื่องมือประเภทต่าง ๆ ได้ถึง 118 ชิ้น แต่ในสถานการณ์การผลิตที่มีการผสมของงานในระดับสูงก็สามารถเพิ่มจำนวนเครื่องมือได้มากถึง 254 ชิ้น ด้วยตัวเลือกแม็กกาซีนภายนอก แม้จะใช้พื้นที่เครื่องจักรเพียง 6 x 3.75 ม. แต่สามารถรองรับพาเลทจับชิ้นงานได้มากถึง 40 พาเลท
ซอฟต์แวร์ Makino ออกแบบให้ User Interface (UI) มีความเรียบง่ายและเพิ่มฟังก์ชันการทำงานของระบบให้มากที่สุด โดยการวางอินเตอร์เฟสอัตโนมัติไว้ภายในหน่วยควบคุม Professional 6 การจัดการพาเลทก็สามารถทำได้ง่ายขึ้น ด้วยความที่ UI เรียบง่ายแต่ทรงพลังทำให้ผู้ปฏิบัติการสามารถเข้าถึงฟีเจอร์ทั้งหมดของเครื่องจักรได้ในหน้าจอเดียว ตัวอย่างเช่น การจัดเตรียมวัสดุ การวางงานที่แตกต่างกันบนแต่ละพาเลท การจัดลำดับความสำคัญ การส่งคำขอเร่งด่วน การตรวจสอบและจัดการสถานะการผลิต เป็นต้น
GI Breaker ฟีเจอร์ใหม่ที่มาพร้อมกับแพ็กเกจ DA300 เป็นเทคโนโลยีการเคลื่อนที่ระดับไมโครเข้าไปในปฏิบัติการเจาะเพื่อแยกเศษออกเป็นชิ้นเล็ก ๆ โดยไม่ส่งผลกระทบต่อรอบเวลาหรืออายุการใช้งานของเครื่องมือ GI Breaker ช่วยให้เกิดความน่าเชื่อถือและผู้ผลิตสามารถวางใจได้หากปล่อยให้ DA300 ทำงานข้ามคืนหรือตลอดวันหยุดสุดสัปดาห์
คลิปวิดีโอ เปรียบเทียบการเจาะที่มี GI Breaker และไม่มี GI Breaker
eStabilizer คือ เทคโนโลยีใหม่ที่ยกระดับความน่าเชื่อถือของเครื่องจักร โดยการวางเซนเซอร์รอบ ๆ เครื่องจักร ซึ่งเซนเซอร์จะทำการวัดอุณหภูมิพื้นที่ผลิตและส่งสัญญาณไปยังระบบให้ทำการหล่อเย็นเพื่อชดเชยอุณหภูมิให้กลับมาอยู่ในช่วงปกติโดยการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิเล็ก ๆ น้อย ๆ จึงรับประกันได้ว่าความแม่นยำของเครื่องจะไม่ได้รับผลกระทบ ทำให้เครื่องจักรมีความเชื่อถือมากขึ้น
คลิปวิดีโอ การควบคุมอุณหภูมิของ DA300