San IE Tech
San IE Tech
ภาพเปรียบเทียบโรงงานอุตสาหกรรมจริงด้านซ้ายกับแบบจำลองดิจิทัลด้านขวา แสดงแนวคิดของ Digital Twin ที่เชื่อมโยงข้อมูลจริงกับการจำลองในระบบเสมือน เพื่อวิเคราะห์และควบคุมกระบวนการผลิต

Digital Twin คือโฮโลแกรมสุดล้ำ อย่างที่หลายคนเข้าใจจริงหรือ ?

Date Post
21.04.2025
Post Views

ในหลายบทสนทนาเกี่ยวกับเทคโนโลยีอุตสาหกรรม 4.0 หรือการปฏิวัติภาคการผลิตสมัยใหม่ คำว่า Digital Twin มักจะโผล่ขึ้นมาเสมือนเป็นคำศักดิ์สิทธิ์ที่มีพลังวิเศษ ฟังดูน่าตื่นเต้นราวกับเป็นสิ่งที่หลุดมาจากโลกอนาคต หลายคนที่ได้ยินคำนี้จึงเผลอจินตนาการไปถึงภาพในภาพยนตร์ไซไฟ เช่น โมเดลเครื่องจักรลอยกลางอากาศ หมุนได้ด้วยนิ้ว เห็นข้อมูลวิ่งไปมาผ่านแว่น AR หรือจอโฮโลแกรม(Hologram)

อย่างไรก็ตาม ในโลกความเป็นจริง Digital Twin ไม่ได้มีหน้าตาแบบนั้นเสมอไป และไม่จำเป็นต้องมีภาพลักษณ์หรูหราขนาดนั้น ความเข้าใจที่ว่า Digital Twin คือสิ่งที่ ‘เห็นได้’ อาจกลายเป็นอุปสรรคต่อการประยุกต์ใช้งานจริง เพราะสิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือสิ่งที่มันทำได้ไม่ใช่แค่รูปลักษณ์ภายนอก

ความเข้าใจผิดแบบนี้จึงควรถูกไขให้กระจ่างว่า Digital Twin คือเครื่องมือที่ใช้เพื่อเข้าใจ ปรับปรุง และควบคุมระบบจริง ด้วยการใช้ข้อมูล ไม่ใช่การเนรมิตฉากล้ำอนาคตขึ้นมาให้ดูสวยงามเท่านั้น

จริงแล้ว Digital Twin คืออะไรกันแน่?

Digital Twin คือการสร้างแบบจำลองเสมือน ของสิ่งใดสิ่งหนึ่งในโลกจริง โดยสิ่งนั้นอาจเป็นวัตถุ เครื่องจักร ระบบการผลิต หรือแม้กระทั่งกระบวนการบริการ แบบจำลองนี้จะมีความพิเศษตรงที่มันไม่ได้หยุดอยู่แค่รูปทรงหรือโครงสร้างภายนอก แต่มีข้อมูลจริงจากเซ็นเซอร์หรือแหล่งข้อมูลต่างๆ ไหลเวียนเข้ามาตลอดเวลา

เมื่อข้อมูลเหล่านี้ถูกเชื่อมต่อเข้ากับแบบจำลอง Digital Twin จะกลายเป็นตัวแทนเสมือนของสิ่งนั้นอย่างสมบูรณ์ มันสามารถสะท้อนสถานะปัจจุบัน วิเคราะห์การทำงาน ทดสอบการเปลี่ยนแปลง และจำลองเหตุการณ์ล่วงหน้าได้

การมี Digital Twin จึงเปรียบเสมือนการมีสมองดิจิทัล คอยช่วยวิเคราะห์ , คิด , และเสนอแนวทางแก้ปัญหาให้กับระบบที่เราควบคุมอยู่ โดยที่เราไม่จำเป็นต้องเข้าไปยุ่งกับของจริงโดยตรงทุกครั้ง

Digital Twin ต่างจากระบบ Monitoring ธรรมดายังไง?

สิ่งที่มักจะสับสนคือการแยกระหว่าง Digital Twin กับระบบ Monitoring แบบดั้งเดิม ในขณะที่ระบบ Monitoring ทำหน้าที่แสดงผลข้อมูลที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เช่น อุณหภูมิ ความดัน ความเร็ว ฯลฯ แต่ Digital Twin ก้าวไปไกลกว่านั้น

Digital Twin ไม่เพียงแต่แสดงข้อมูล แต่สามารถใช้ข้อมูลนั้นในการวิเคราะห์แบบจำลอง วางแผนล่วงหน้า และทำนายพฤติกรรมของระบบได้ สมมติว่ามีเครื่องจักรหนึ่งเริ่มมีอุณหภูมิสูงขึ้น ระบบ Monitoring อาจจะแจ้งเตือนว่า “ร้อนผิดปกติ” แต่ Digital Twin จะคำนวณต่อไปได้ว่า หากยังคงทำงานในลักษณะนี้จะเกิดความเสียหายในอีก 3 ชั่วโมงข้างหน้า (เริ่มเห็นภาพกันแล้วใช่ไหมครับ) นั่นคือความต่างอย่างชัดเจนจากการรู้ว่า ตอนนี้เป็นอย่างไร ไปสู่การรู้ว่า ต่อไปจะเกิดอะไร และ ควรทำอย่างไรตั้งแต่ตอนนี้เพื่อป้องกัน

โครงสร้างของ Digital Twin ทำงานอย่างไร?

Digital Twin ประกอบด้วยองค์ประกอบหลักหลายส่วนที่ทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ เริ่มจาก Physical Object หรือสิ่งของจริงที่เราต้องการจำลอง เช่น เครื่องจักร รถยนต์ หรือระบบโลจิสติกส์ จากนั้นเราจะสร้างแบบจำลองดิจิทัล (Virtual Model) ของสิ่งนั้นขึ้นมา ซึ่งอาจอยู่ในรูปของโมเดล 3D หรือโมเดลเชิงคณิตศาสตร์ที่จำลองพฤติกรรม

ข้อมูลจากเซ็นเซอร์หรือระบบต่างๆ จะถูกส่งเข้ามายังแบบจำลองนี้อย่างต่อเนื่อง ทำให้มันมีข้อมูลที่อัปเดตอยู่ตลอดเวลา นอกจากนี้ ยังต้องมีระบบวิเคราะห์และคาดการณ์ที่สามารถประมวลผลข้อมูล เช่น AI, Machine Learning หรือแม้แต่กฎลอจิกที่ช่วยทำนายผลลัพธ์ต่างๆ

สุดท้าย เมื่อระบบสามารถวิเคราะห์และตัดสินใจได้แล้ว มันจะส่งข้อมูลย้อนกลับไปยังระบบควบคุมในโลกจริง หรือแจ้งเตือนผู้ใช้งานเพื่อให้ตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาด

ตัวอย่างของการใช้งาน Digital Twin ในชีวิตจริง

ในภาคอุตสาหกรรมการผลิต Digital Twin ถูกใช้เพื่อจำลองสายการผลิตทั้งหมด ทำให้วิศวกรสามารถทดสอบการเปลี่ยนแปลง เช่น การเพิ่มความเร็วของสายพาน หรือการเปลี่ยนตำแหน่งของเครื่องจักร ก่อนที่จะลงมือทำจริง ช่วยลดเวลาและต้นทุนในการทดลองอย่างมาก

ในโลกของยานยนต์ โดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้า Digital Twin ช่วยติดตามแบตเตอรี่ของแต่ละคันแบบแยกรายหน่วย คาดการณ์ความเสื่อมสภาพล่วงหน้า และแนะนำเวลาที่ควรเปลี่ยนหรือบำรุงรักษา เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากความเสียหายระหว่างใช้งาน

ในเมืองอัจฉริยะ Digital Twin ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลจราจรแบบเรียลไทม์ ผสมกับการจำลองพฤติกรรมของรถยนต์ เพื่อนำไปสู่การปรับสัญญาณไฟจราจรโดยอัตโนมัติ ลดการจราจรติดขัดและเพิ่มความปลอดภัย

Digital Twin ไม่ใช่ฮาร์ดแวร์ ?

สิ่งที่ทำให้หลายคนเข้าใจ Digital Twin ผิดคือความคาดหวังว่าจะต้องมีอุปกรณ์หรือซอฟต์แวร์หน้าตาไฮเทค บางคนคิดว่าต้องมีภาพเคลื่อนไหว 3D หรือระบบ AR/VR แต่ความจริงแล้ว Digital Twin คือแนวคิดและกระบวนการ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับหน้าตา หรือการมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

ระบบ Digital Twin อาจถูกสร้างใน Cloud, ใช้เพียงกราฟข้อมูลธรรมดา หรือเป็นแบบจำลองที่รันอยู่ในระบบปิดก็ได้ ขอแค่สามารถเชื่อมข้อมูล วิเคราะห์ และตอบโต้กับของจริงได้อย่างแม่นยำ เท่านั้นก็ถือว่าเป็น Digital Twin แล้วสิ่งสำคัญคือ ความสามารถของระบบ

แล้วจะใช้ Digital Twin ไปเพื่ออะไร?

Digital Twin ถูกนำมาใช้ในหลากหลายวัตถุประสงค์ โดยเฉพาะในเชิงการวางแผน การเพิ่มประสิทธิภาพ และการลดความเสี่ยงในการดำเนินงาน ทั้งในระดับเครื่องจักรเล็กๆ ไปจนถึงระบบระดับเมืองหรือองค์กร

มันช่วยให้เราสามารถทดสอบไอเดียใหม่ วิเคราะห์ผลลัพธ์ล่วงหน้า และรู้ทันสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นก่อนที่จะสายเกินไป การตัดสินใจที่เคยต้องพึ่งประสบการณ์หรือสัญชาตญาณ ก็สามารถเสริมด้วยข้อมูลจำลองที่แม่นยำได้

ในยุคที่ข้อมูลเป็นทรัพยากรสำคัญ การมี Digital Twin ก็เหมือนการมี “เครื่องมือคิดวิเคราะห์เชิงลึก” ติดอยู่กับสิ่งของที่เราดูแลอยู่

เข้าใจ Digital Twin ให้ถูกต้องเพื่อมองโลกจริงให้แม่นยำขึ้น

Digital Twin ไม่ใช่ของล้ำยุคที่จับต้องไม่ได้ และไม่ใช่หน้าจอกราฟิกแค่สวยงาม มันคือระบบที่สร้างขึ้นมาเพื่อให้เราเข้าใจโลกจริงได้ลึกซึ้งและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ผ่านแบบจำลองที่เชื่อมต่อกับข้อมูลจริงในเวลาจริง

ไม่ว่ารูปแบบจะหน้าตาเป็นอย่างไร ความสำคัญของ Digital Twin อยู่ที่ มันช่วยให้เราทำนาย ทดสอบ และปรับเปลี่ยน ได้ทันก่อนที่ปัญหาจะเกิดขึ้นจริง ด้วยความเป็นไปได้ที่ไม่มีที่สิ้นสุดจากข้อมูลจริงที่มี

ในโลกที่ความเร็วในการตัดสินใจมีผลต่อความสำเร็จ การเข้าใจ Digital Twin อย่างถูกต้องจึงเป็นการลงทุนด้านความรู้ที่คุ้มค่า และจะมีบทบาทมากขึ้นในทุกภาคอุตสาหกรรมในอนาคต

บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของซีรี่ส์บทความจากหัวข้อ “ภาพรวมอุตสาหกรรม PCB และเซมิคอนดักเตอร์ไทย” โดยเชื่อมโยงถึงประเด็นความยั่งยืนที่กำลังกลายเป็นตัวชี้วัดสำคัญของภาคการผลิตในระดับสากล

Logo-Company
Logo-Company
Logo-Company
logo-company
Pisit Poocharoen
Former field engineer seeking to break free from traditional learning frameworks. อดีตวิศวกรภาคสนามที่ต้องการหลุดออกจากกรอบการเรียนรู้แบบเดิม ๆ
element14