ในวันอังคารที่ 5 มี.ค. ที่ผ่านมา เชื่อว่าทุกท่านคงได้เจอกับปัญหา Facebook-Instagram ล่มกลางดึกนานกว่า 2 ชั่วโมงกันไปอย่างถ้วนหน้าใช่มั้ยครับ แล้วสงสัยหรือเปล่า ? ว่าการล่มในครั้งนี้เกิดขึ้นจากสาเหตุอะไร
- นายกดึง AWS-Microsoft-Google เข้าลงทุนในไทยกว่า 3 แสนล้านบาท
- Amazon, Meta, Google ขึ้นแท่นซื้อพลังงานสะอาดมากที่สุดในอเมริกา
รายงานจากสำนักข่าว BBC ได้มีการออกมาเปิดเผยว่าสาเหตุที่ทำให้ Facebook, Instagram และโซเชียลมีเดียอื่น ๆ มีปัญหานั้นมีสาเหตุมาจากการที่สายเคเบิลสื่อสารใต้ทะเล 4 สายจากทั้งหมด 15 สายในทะเลแดงถูกตัดขาด ทำให้ประสิทธิภาพของการรับส่งข้อมูลระหว่างทวีปเอเชียและยุโรปลดลงถึง 25%
รายงานเสริมยังได้ระบุว่าสายเคเบิลสื่อสารนี้ยังเป็นทางผ่านของข้อมูลกว่า 80% ที่มีการส่งจากทวีปเอเชียไปยังฝั่งตะวันตก
สำหรับสาเหตุเบื้องหลังความเสียหายของสายเคเบิลนั้นยังอยู่ระหว่างการสืบสวน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ก็ได้ระบุว่าพวกเขากำลังพยายามค้นหาว่าสายเคเบิลที่ขาดทั้ง 4 เส้นนั้นถูกตัดโดยเจตนาหรือเสียหายเพราะสมอเรือ
โดยทางบริษัท HGC Global Communications ในฮ่องกง ได้ออกมาระบุว่าปัจจุบันบริษัทได้มีการใช้มาตรการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นแล้วด้วยการเปลี่ยนเส้นทางการรับส่งข้อมูลเลี่ยงไปใช้สายส่งสัญญาณอื่นแทนก่อน
อย่างไรก็ตามเหตุการณ์นี้ได้ส่งผลกระทบให้เกิดความกังวลขึ้นต่อผู้ใช้ในวงกว้างจนทำให้หลายท่านรู้สึกไม่มั่นใจในความปลอดภัยของข้อมูลตัวเองกันขึ้นมา ฉะนั้นคงต้องรอติดตามกันต่อไปว่าสาเหตุที่แท้จริงของการล่มในครั้งนี้คืออะไร และทางบริษัทแม่อย่าง Meta ของ Facebook และ Instagram จะมีมาตรการแบบไหนออกมาป้องกันเหตุการณ์ประเภทนี้ไม่ให้เกิดขึ้นได้อีกได้ในอนาคต
เพิ่มเติมจากผู้เขียน : เพจลงทุนแมนได้มีการคำนวณรายได้ที่ Facebook ต้องเสียไปจากการล่มเป็นเวลา 1 ชั่วโมงออกมาอยู่ที่ 547 ล้านบาท นั่นหมายความว่าการล่ม 2 ชั่วโมงของ Facebook ในวันที่ 5 ที่ผ่านมานั้นอาจทำให้ Facebook ต้องเสียรายได้ไปมากถึง 1,094 ล้านบาท