เทรนด์รถยนต์ไฟฟ้า ถือเป็นอีกหนึ่งในเทรนด์ที่มาแรงและได้รับการจับตามองเป็นอย่างมาก ทำให้บริษัทรถยนต์หลายแห่งต่างก็เริ่มหันเข้ามาลงทุนกับรถยนต์ไฟฟ้ากันมากขึ้น หนึ่งในนั้นก็ได้แก่บริษัทรถยนต์ขึ้นชื่อจากสหรัฐอเมริกา Ford นั่นเอง
จากบทความของคุณ Jay Peters บนเว็บไซต์ The Verge ได้ระบุว่า Chairman และ CEO ของ Ford ได้เตรียมการปรับเปลี่ยนทิศทางและรูปแบบในอนาคตของ Ford เพื่อให้สามารถแข่งขันกับคู่แข่งรายอื่นในปัจจุบัน และเตรียมรับมือกับคู่แข่งใหม่ในอนาคตด้วย
- Ford เรียกคืนรถยนต์กว่าแสนคัน จากปัญหาไฟไหม้เครื่องยนต์
- Tesla เดินหน้าขยายทัพ เพิ่มกำลังการผลิตในเยอรมนี
Ford จึงได้มีการปลดพนักงานรวมกว่า 3,000 คน แบ่งเป็นพนักงานประจำประมาณ 2,000 คน และพนักงานสัญญาจ้างอีกประมาณ 1,000 คน การเลิกจ้างในครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อพนักงานในประเทศสหรัฐอเมริกา แคนาดา และอินเดียเป็นหลัก แต่ Ford ก็ได้ยืนยันว่าจะให้ความช่วยเหลือในการหางานใหม่ให้แก่พนักงานที่ถูกปลดออกในครั้งนี้
มุ่งหน้าสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ภายในปี 2030
หลังจากการปลดพนักงานในครั้งนี้แล้ว Ford ยังได้ตั้งเป้าหมายใหม่ในการเปลี่ยนแปลงครั้งหน้า ด้วยการตั้งเป้าว่าภายในปีค.ศ. 2030 ครึ่งหนึ่งของสายการผลิตรถยนต์ของ Ford จะกลายเป็นไลน์การผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแทน
การเปลี่ยนแปลงของ Ford ในครั้งนี้ถือเป็นการมุ่งหน้าเข้าสู่เป้าหมายที่หลาย ๆ ประเทศวางไว้ให้มีการหันมาใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าแทนมากขึ้น เพื่อลดการปล่อยมลภาวะและลดผลกระทบที่เกิดต่อสิ่งแวดล้อม ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่สำหรับ Ford ที่เคยชินกับการผลิตรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงมาอย่างยาวนานกว่า 100 ปี
แต่แม้ว่า Ford จะมีฐานการผลิตรถยนต์เชื้อเพลิงที่มีประสิทธิภาพสูงแค่ไหน การปรับตัวให้ตามทันยุคสมัยและความต้องการของผู้บริโภค ก็ถือเป็นสิ่งสำคัญที่แม้แต่บริษัทยักษ์ใหญ่ก็ต้องนำไปพิจารณาอยู่ตลอดเวลา การเปลี่ยนแปลงนี้จะนำพา Ford ไปในทิศทางใดต่อ ก็คงจะต้องรอดูกันต่อไปครับ