GM หรือ General Motors ผู้ผลิตยานยนต์รายใหญ่สบช่องมองเห็นโอกาสในการผลิตผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ สำหรับตลาดทางการทหารและการป้องกันประเทศที่มีพื้นฐานจากเทคโนโลยียานยนต์ ชิ้นส่วนเดิมที่ทำการผลิต
ในอดีตนั้น GM เคยผลิตรถถังในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ไม่ได้มีารกต่อยอดหรือแตกยอดใด ๆ จากธุรกิจหลัก โดย GM มองเห็นว่าหน่วยผลิตภัณฑ์ด้านการป้องกันประเทศของตัวเองนั้นสามารถสร้างมูลค่าในตลาดได้ถึง 25 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ต่อยดจากยานยนต์ ชิ้นส่วนและเทคโนโลยีเดิม โอกาสที่จะเกิดขึ้นนี้ยังหมายรวมถึงระบบส่งกำลังไฟฟ้าและยานยนต์อัตโนมัติด้วยเช่นกัน
ผู้เชี่ยวชาญในด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศและการบินใหิ้ความเห็ฯว่ากองทัพนั้นมีความต้องการระบบส่งกำลังไฟฟ้าและยานพาหานะรวมถึงระบบขับขี่อัตโนมัติด้วยเช่นกัน ซึ่ง GM นั้นจะมีการลงทุนในตลาดดังกล่าวกว่า 27 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จนถึงปี 2025
ในอดีต GM เคยขายหน่วยที่ดูแลด้านเทคโนโลยีป้องกันประเทศให้กับ General Dynamics ในปี 2003 เป็นมูลค่ากว่า 1.1 พันลานดอลลาร์สหรัฐฯ และกลับมาเปิด GM Defense ในปี 2017 อีกครั้งหนึ่ง
แบตเตอรี่หรือเซลล์เชื้อเพลิง?
ปัจจุบันเซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cells) ยังเป็นส่วนหนึ่งของผลิตภัณฑ์ที่มีขายอยู่ แต่ GM Defense ให้ความสำคัญกับธุรกิจที่เข้าถึงโอกาสในระยะสั้นได้ เช่น EV กองทัพในปัจจุบันยังไม่พร้อมที่จะซื้อพาหนะที่ใช้พลังงานจากเซลล์พลังงานจำนวนหลายพันหลายหมื่นคัน การหันหน้าเข้าหา EV จึงดูมีความเป็นไปได้ที่สูงกว่า
พาหนะที่ใช้เซลล์พลังงานนั้นทำงานคล้ายกับ EV อย่างมาก แต่พลังงานไฟฟ้าจะถูกสร้างขึ้นจากไฮโดรเจนและออกซิเจน ยานพาหนะเหล่านี้ปลดปล่อยเพียงน้ำเวลาใช้งาน และยังใช้งานในระยะางไกลได้ดีกว่าแบตตเตอรี่ EV เสียอีก โดยยังสามารถใช้งานกับไฮโดรเจนหมุนเวียนที่เกิดจากแหล่งทรัพยากรอย่างลมหรือชีวมวลได้อีกด้วย
จุดเด่นของ EV และเซลล์เชื้อเพลิงเมื่อเทียบกับพาหนะที่ขับเคลื่อนด้วยแกสโซลีนหรือดีเซล คือ ทอล์คที่ต่อเนื่องสม่ำเสมอ และเคลื่อนที่ได้เร็วกว่า เช่นเดียวกับเสียงรบกวนและการตรวจจับความร้อนที่น้อยลงอีกด้วย
GM Defense มีสัญญามูลค่ากว่า 214 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีที่ผ่านมา โดยกองทัพได้ว่าจ้างให้ผลิตยานพาหนะสำหรับหน่วยทหารราบเพื่อส่งกำลังพลเป็นต้น
ที่มา:
Cnbc.com