รี้ด เทรดเด็กซ์ หนุนไทยแลนด์ 4.0 ปรับโฉม ME (Manufacturing Expo 2018) สู่โซลูชั่นแพล็ตฟอร์มเพื่อการผลิตครบวงจร ชู MExperience หนุนผู้ประกอบการไทย ใช้จุดแข็งชิงฐานการผลิตรถยนต์แห่งอนาคตและหุ่นยนต์ระบบอัตโนมัติ
คุณดวงเด็ด ย้วยความดี รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท รี้ด เทรดเด็กซ์ จำกัด เผยถึงการจัดงาน Manufacturing Expo 2018 ว่า รี้ดฯ พร้อมตอบสนองนโยบายไทยแลนด์ 4.0 เดินหน้าสนับสนุน 6 ใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย (S-curve industries) คือ ชิ้นส่วนยานยนต์สมัยใหม่ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ หุ่นยนต์ ชิ้นส่วนอากาศยาน อุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ครบวงจร และการแปรรูปอาหาร โดยเปิดเวทีสัมมนา MExperience เผยการเปิดประสบการณ์ใหม่กับเทคโนโลยีเพื่ออุตสาหกรรมการผลิต ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย คำตอบในการเปลี่ยนแปลงขบวนการผลิต และการผลิตชิ้นส่วนที่มีมูลค่าเพิ่มที่จะเกิดขึ้นในงาน ME 2018
ดร. กิริฎา เภาพิจิตร ผู้อำนวยการวิจัยด้านการวิจัยและคำปรึกษาระหว่างประเทศสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) เปิดเผยว่า จากการประเมินตัวเลขจีดีพีและดัชนีเศรษฐกิจของไทยและของโลกในปี 2561 เศรษฐกิจจะขยายตัวต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา โดยเศรษฐกิจโลกคาดเติบโตอยู่ที่ระดับ 3.1 % เศรษฐกิจสหรัฐฯ ขยายตัวได้ในระดับ 2.5 % จากตลาดแรงงานฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งและการลงทุนของภาคเอกชน โดยค่าเงินดอลลาร์จะกลับมาแข็งค่า เมื่อเทียบกับเงินสกุลหลัก แนวโน้มดังกล่าวส่งผลดีต่อภาคส่งออกไทย และการลงทุนโดยตรงของสหรัฐในไทย โดยเฉพาะภาคการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ สำหรับกลุ่มประเทศอาเซียน คาดว่าจะมีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจโดยเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 5.3% จากการฟื้นตัวของภาคการส่งออกและสินค้าภาคการเกษตร โดยประเทศไทยคาดว่าจะมีการส่งออกในปีนี้ขยายตัว 7-8 % โดยอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มสดใสในปีนี้ ได้แก่ อุตสาหกรรมค้าปลีกอีคอมเมิร์ซ การท่องเที่ยว บริการทางการแพทย์ และชิ้นส่วนอิเลคทรอนิกส์
คุณดวงเด็ด กล่าวเพิ่มเติมว่า จากยุทธศาสตร์ไทยแลนด์ 4.0 ภาครัฐมุ่งหวังว่า ภายในปี พศ. 2565 ประเทศไทยควรจะมีโรงงานที่ใช้หุ่นยนต์แขนกลไม่น้อยกว่า 70,000 โรงงาน จากจำนวนโรงงานทั้งหมด 140,000 โรงงาน ในช่วงปี 2559 – 2560 ที่ผ่านมา ประเทศไทยมีการนำเข้าหุ่นยนต์มาใช้ในภาคอุตสาหกรรมเฉลี่ยประมาณปีละ 3,500 ตัว ในขณะที่ปี 2561 คาดการณ์ว่าผู้ประกอบการขนาดใหญ่ในอุตสาหกรรมการผลิตอาหาร เครื่องดื่ม และ อิเลคทรอนิคส์ จะนำหุ่นยนต์แขนกลมาใช้มากที่สุด
งาน ME (เอ็มอี) จะนำเสนอและเปิดประสบการณ์ใหม่ภายใต้แนวคิด การนำเสนอโซลูชั่นในรูปแบบของการเชื่อมโยงเทคโนโลยี โดยจะเป็นเวทีกลางให้กับเจ้าของเทคโนโลยีค่ายต่าง ๆ ได้ร่วมกันจัดทำเทคโนโลยีต้นแบบ นำเสนอแก่ผู้ประกอบการให้ เข้าใจ เข้าถึง และเข้าใช้งาน เสมือนการผลิตจริง ทั้งนี้ ภายในงานจะประกอบไปด้วย เทคโนโลยีล่าสุดสำหรับการผลิตชิ้นส่วนต่าง ๆ ทั้งในกลุ่มพลาสติก แม่พิมพ์ ชิ้นส่วนยานยนต์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ โดยเชื่อโยงกับระบบอัตโนมัติแขนกล เซนเซอร์ การตรวจวัด และการตรวจนับ ก่อนการนำไปประกอบเป็นชิ้นงาน เป็นการนำเสนอแบบเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีที่ทันสมัย และหาคำตอบในการเปลี่ยนแปลงขบวนการผลิตที่เพิ่มประสิทธิภาพ และมุ่งสู่การผลิตชิ้นส่วนที่มีมูลค่าเพิ่ม ตลอดจนการใช้เทคโนโลยีใหม่กับวัสดุชนิดใหม่ ๆ ที่มีน้ำหนักเบาแต่มีคงทนแข็งแรงกว่า โดยการผลิตรถยนต์แห่งอนาคตและหุ่นยนต์ระบบอัตโนมัติ ยังเป็นเทรนด์ที่มาแรง และประเทศไทยได้ชื่อว่าเป็นฐานการผลิตที่มีความแข็งแกร่งมากจากประสบการณ์ที่ได้ร่วมผลิตให้กับแบรนด์ชั้นนำทั่วโลก ผู้ประกอบการไทยจึงควรอาศัยจุดแข็งของไทย ชิงฐานการผลิตรถยนต์แห่งอนาคตและหุ่นยนต์ระบบอัตโนมัติ ด้วยการจับมือสร้างเครือข่ายพันธมิตรในอาเซียนและเทคโนโลยีที่ทันสมัยสอดคล้องการผลิต
สำหรับ ไฮไลท์กิจกรรมในงาน ได้แก่ “Cutting tools runway” นำเสนอชิ้นงานเทคโนโลยีผ่านรูปแบบแฟชั่นโชว์ และ “Top of the best” เวทีสาธิตประสิทธิภาพของเครี่องจักรและซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้องแบบ Integrated system ซึ่งจะตอบโจทย์ความต้องการ Total Solution แก่กลุ่มผู้ซื้อและเข้าชมงาน นอกจากนี้ยังได้จัดให้มี MFair งานจับคู่ทางธุรกิจระหว่างผู้ผลิตจากประเทศญี่ปุ่น และผู้รับช่วงการผลิตของไทย ในอุตสาหกรรมสนับสนุน เพื่อสร้างพื้นที่ในการเจรจาการค้าให้กับผู้ร่วมงาน สร้างโอกาสแห่งการเติบโตของอุตสาหกรรมไทยอย่างรอบด้านครบถ้วนทุกมิติ
ขอเชิญร่วมสัมผัสนวัตกรรมและสุดยอดเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ยุคอุตสาหกรรม 4.0 ได้ที่งาน Manufacturing Expo 2018 จะจัดขึ้นในวันที่ 20-23 มิถุนายน 2561 ณ ไบเทค บางนา