-
ผลกระทบทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม – ภัยธรรมชาติในปี 2024 ทำให้เกิดการหยุดชะงักในอุตสาหกรรมหลัก เช่น เทคโนโลยี การเกษตร และการขนส่ง ส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก
-
ความสำคัญของโครงสร้างพื้นฐาน – เหตุการณ์ภัยพิบัติสะท้อนความจำเป็นในการลงทุนในระบบป้องกันและโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อเพิ่มความพร้อมและลดความเสี่ยงในอนาคต
-
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ – ปัจจัยสภาพภูมิอากาศ เช่น El Niño และ IOD เพิ่มความรุนแรงของภัยธรรมชาติ เน้นย้ำความสำคัญของความร่วมมือระดับโลกในการรับมือและปรับตัว
ธรรมชาติเป็นแหล่งพลังอันยิ่งใหญ่ที่เปี่ยมไปด้วยความงดงามและน่าอัศจรรย์ แต่ก็แฝงไว้ด้วยความโหดร้ายที่สามารถสร้างผลกระทบมหาศาลต่อชีวิตและเศรษฐกิจของมนุษย์ได้อย่างไม่ทันตั้งตัว ไม่ว่าจะเป็นแผ่นดินไหว น้ำท่วม ไฟป่า หรือพายุรุนแรง ทุกเหตุการณ์สะท้อนให้เห็นถึงความเปราะบางของโลกและความจำเป็นที่เราต้องเตรียมพร้อมรับมือกับสิ่งที่ไม่อาจควบคุมได้
ภัยธรรมชาติในปี 2024 เหตุการณ์สำคัญและผลกระทบ
- แผ่นดินไหวในญี่ปุ่น – วันที่ 1 มกราคม 2024 แผ่นดินไหวขนาด 7.6 ที่จังหวัดอิชิกาวะเป็นหนึ่งในเหตุการณ์รุนแรงที่สุดในรอบ 40 ปี เกิดจากการเคลื่อนตัวของแผ่นเปลือกโลกที่ญี่ปุ่นตั้งอยู่ในเขตมุดตัว (Subduction Zone) แม้ญี่ปุ่นจะมีเทคโนโลยีเตือนภัยล่วงหน้าที่ทันสมัย แต่การหยุดชะงักของโรงงานผลิตเซมิคอนดักเตอร์ในพื้นที่แสดงให้เห็นถึงผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเทคโนโลยี
- ไฟป่าในออสเตรเลีย – เดือนมกราคม 2024 ฤดูร้อนที่ร้อนและแห้งแล้งที่สุดในประวัติศาสตร์ ทำให้ไฟป่าลุกลามในรัฐนิวเซาท์เวลส์และวิกตอเรีย การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและปรากฏการณ์ Indian Ocean Dipole (IOD) ส่งผลให้เกิดความแห้งแล้งอย่างรุนแรง ไฟป่าครั้งนี้ไม่เพียงสร้างความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังกระทบต่อการเกษตรและห่วงโซ่อุปทานระดับโลก เช่น การผลิตไวน์และปศุสัตว์
- น้ำท่วมในบราซิล – เดือนพฤษภาคม 2024 รัฐริโอกรันดีโดซูลเผชิญกับน้ำท่วมรุนแรงที่สุดในรอบ 80 ปี ฝนที่ตกหนักต่อเนื่องจากปรากฏการณ์ South Atlantic Convergence Zone (SACZ) ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำและทะเลสาบเพิ่มสูงจนล้นตลิ่ง บ้านเรือนกว่า 1.45 ล้านหลังได้รับความเสียหาย อุตสาหกรรมเหมืองแร่และการเกษตรต้องหยุดชะงัก ส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าโลกและความมั่นคงทางอาหาร
- พายุไต้ฝุ่นกาเอมิ – เดือนกรกฎาคม 2024 พายุไต้ฝุ่นกาเอมิพัดถล่มฟิลิปปินส์ ไต้หวัน และจีน แรงลมมหาศาลและฝนตกหนักจากปรากฏการณ์ El Niño สร้างความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐาน น้ำท่วมฉับพลันในมะนิลาและกรุงปักกิ่งทำให้ประชาชนหลายแสนคนต้องอพยพ ผลกระทบขยายวงกว้างไปถึงการผลิตและการขนส่งในภูมิภาคเอเชีย
- น้ำท่วมในไทย – เดือนกันยายน 2024 ฝนที่ตกหนักจากมรสุมและหย่อมความกดอากาศต่ำทำให้น้ำท่วมในพื้นที่ภาคเหนือและภาคกลางของไทย จังหวัดที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงในภาคเหนือ ได้แก่ เชียงราย พะเยา น่าน แพร่ สุโขทัย และเพชรบูรณ์ ส่วนในภาคกลาง ได้แก่ พระนครศรีอยุธยา นครสวรรค์ และอ่างทอง นิคมอุตสาหกรรมสำคัญ เช่น นิคมโรจนะต้องหยุดการผลิต ส่งผลต่อการส่งออกชิ้นส่วนรถยนต์และอิเล็กทรอนิกส์
- เฮอร์ริเคนเฮเลนในสหรัฐฯ – เดือนตุลาคม 2024 เฮอร์ริเคนเฮเลนพัดเข้าสู่ชายฝั่งฟลอริดาด้วยความเร็วลมสูงสุดถึง 220 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ความเสียหายกระจายไปทั่วฟลอริดา จอร์เจีย และแคโรไลนาใต้ ส่งผลกระทบต่อประชาชน 3 ล้านคน และทำให้ราคาพลังงานพุ่งสูงขึ้น
ผลกระทบทางอุตสาหกรรม
ภัยธรรมชาติเหล่านี้ส่งผลกระทบอย่างมากต่ออุตสาหกรรมในหลากหลายประเทศ
- อุตสาหกรรมเทคโนโลยี – การหยุดชะงักของโรงงานผลิตเซมิคอนดักเตอร์ในญี่ปุ่นทำให้เกิดความล่าช้าในสายการผลิตทั่วโลก โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และยานยนต์
- การเกษตรและอาหาร – ไฟป่าในออสเตรเลียทำให้การผลิตไวน์และปศุสัตว์ลดลงอย่างมาก ขณะที่น้ำท่วมในบราซิลส่งผลให้การผลิตถั่วเหลืองและข้าวโพดชะงัก การหยุดชะงักเหล่านี้นำไปสู่การปรับราคาสินค้าเกษตรในตลาดโลก
- อุตสาหกรรมการขนส่ง – พายุไต้ฝุ่นกาเอมิและน้ำท่วมในไทยทำให้การขนส่งสินค้าทั้งทางเรือและทางบกล่าช้า ห่วงโซ่อุปทานในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง
- พลังงานและโลจิสติกส์ – เฮอร์ริเคนเฮเลนในสหรัฐฯ ทำให้โรงกลั่นน้ำมันและสถานีผลิตพลังงานในฟลอริดาต้องหยุดดำเนินการ ส่งผลให้ราคาพลังงานพุ่งสูงขึ้น และการขนส่งโลจิสติกส์ในพื้นที่ต้องหยุดชะงัก
บทเรียนจากเหตุการณ์และแนวทางรับมือ
การรับมือกับภัยธรรมชาติเป็นความท้าทายที่ต้องอาศัยทั้งการป้องกันล่วงหน้าและการตอบสนองอย่างมีประสิทธิภาพ ตัวอย่างที่ชัดเจนสามารถเห็นได้จากประเทศต่าง ๆ ที่เผชิญกับภัยพิบัติในปี 2024
- ญี่ปุ่น มีระบบเตือนภัยแผ่นดินไหวที่เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าที่สุดในโลก เมื่อเกิดแรงสั่นสะเทือน ระบบสามารถแจ้งเตือนล่วงหน้าได้ในเวลาไม่กี่วินาที ซึ่งช่วยชีวิตผู้คนนับพัน โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ เช่น โตเกียวและโอซาก้า อย่างไรก็ตาม ความท้าทายยังคงอยู่ในพื้นที่ชนบทที่ระบบโครงสร้างพื้นฐาน เช่น สะพานและถนน ยังคงเปราะบางและขาดความพร้อมเมื่อเผชิญกับแรงสั่นสะเทือนขนาดใหญ่ แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการกระจายทรัพยากรและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้ครอบคลุมพื้นที่ทุกส่วน
- ออสเตรเลีย เผชิญกับไฟป่าที่ลุกลามอย่างรวดเร็วในรัฐนิวเซาท์เวลส์และวิกตอเรีย เจ้าหน้าที่ดับเพลิงและอาสาสมัครต้องทำงานแข่งกับเวลาในการควบคุมไฟป่า เทคโนโลยี เช่น โดรนและภาพถ่ายดาวเทียม ถูกนำมาใช้เพื่อช่วยตรวจจับจุดที่ไฟกำลังลุกลาม อย่างไรก็ตาม การจัดสรรทรัพยากรและเจ้าหน้าที่ดับเพลิงยังคงมีข้อจำกัดเมื่อไฟป่าเกิดขึ้นในหลายพื้นที่พร้อมกัน สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นในการเสริมสร้างระบบจัดการทรัพยากรที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
- บราซิล แม้จะเผชิญกับน้ำท่วมครั้งใหญ่ในรอบหลายสิบปี แต่การอพยพประชาชนอย่างรวดเร็วและการตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราวช่วยลดจำนวนผู้เสียชีวิตได้อย่างมาก อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่ใหญ่กว่า คือ การขาดการลงทุนในโครงสร้างป้องกันน้ำท่วมระยะยาว เช่น การสร้างเขื่อนและการพัฒนาระบบจัดการน้ำที่ยั่งยืน ซึ่งยังคงเป็นสิ่งที่ต้องเร่งดำเนินการ
- ประเทศไทย แม้ว่านิคมอุตสาหกรรมหลายแห่งในพื้นที่ที่เสี่ยงน้ำท่วมจะมีการวางระบบป้องกันน้ำ เช่น กำแพงกั้นน้ำและเครื่องสูบน้ำ แต่ปัญหาในพื้นที่ที่อยู่นอกเขตนิคมยังคงเป็นความท้าทาย หลายชุมชนต้องพึ่งพาการช่วยเหลือจากภาครัฐในระยะสั้นเท่านั้น ซึ่งชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการวางแผนระยะยาวเพื่อเตรียมรับมือกับภัยพิบัติ
ผลกระทบที่ขยายวงกว้าง
ผลกระทบจากภัยธรรมชาติไม่ได้หยุดอยู่แค่ในพื้นที่ที่ได้รับผลโดยตรง แต่ยังส่งผลถึงเศรษฐกิจโลกและชีวิตของผู้คนในวงกว้าง ตัวอย่างเช่น การหยุดชะงักของการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ในญี่ปุ่นส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยีทั่วโลก หรือไฟป่าในออสเตรเลียที่ทำให้ผลผลิตเกษตรกรรมลดลงและกระทบต่อราคาสินค้าในตลาดโลก
นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศยังเพิ่มความถี่และความรุนแรงของภัยพิบัติ สร้างแรงกดดันต่อรัฐบาลและชุมชนในระดับท้องถิ่นและระดับโลกในการหาวิธีลดผลกระทบ ทั้งนี้ความร่วมมือระหว่างประเทศและการพัฒนาเทคโนโลยีจะเป็นกุญแจสำคัญในการรับมือกับความท้าทายเหล่านี้
ภัยธรรมชาติในปี 2024 แสดงให้เห็นถึงความเปราะบางของโลกและความจำเป็นในการลงทุนเพื่อป้องกันและรับมืออย่างมีประสิทธิภาพ ความร่วมมือระหว่างประเทศ การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน และการนำเทคโนโลยีมาใช้ จะช่วยลดความสูญเสียและเตรียมความพร้อมสำหรับภัยพิบัติในอนาคตได้อย่างยั่งยืน
แหล่งอ้างอิง
(มีการนำข้อมูลส่วนน้อยจากรายงาน GAR มาเป็นส่วนอ้างอิงภายในบทความและ UNDRR ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการตรวจสอบความถูกต้องของการแปลเพื่อใช้เป็นแหล่งอ้างอิงในครั้งนี้แต่อย่างใด คำแปลนี้ไม่ได้จัดทำโดยสำนักงานสหประชาชาติเพื่อลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ (UNDRR) UNDRR ไม่มีความรับผิดชอบต่อเนื้อหาหรือความถูกต้องของคำแปลนี้)
- https://thehimalayantimes.com/environment/monsoon-brings-heavy-rainfall-koshi-bagmati-and-gandaki-on-high-alert
- https://www.bangkokbiznews.com/world/1127487
- https://portal.inmet.gov.br/noticias/eventos-extremos-chuva-acima-da-m%C3%A9dia-marcam-maio-de-2024
- https://udn.com/news/story/11091/8377570?utm_source=chatgpt.com
- https://www.undrr.org/resource/lebanon-floods-2024-forensic-analysis
- https://www.reuters.com/world/japan/magnitude-74-earthquake-strikes-japan-tsunami-warning-issued-2024-01-01/
- https://www.nsw.gov.au/sites/default/files/noindex/2023-06/Final-Report-of-the-NSW-Bushfire-Inquiry.pdf
- https://www.bbc.com/news/world-australia-50951043
- https://www.reuters.com/pictures/southern-brazil-hit-by-worst-flooding-80-years-2024-05-04/
- https://reliefweb.int/disaster/tc-2024-000127-chn
- https://www.bangkokpost.com/business/general/2857856/flooding-in-thailand-preparing-for-the-worst
- https://www.bbc.com/news/articles/czd13mezz7mo
- https://www.bbc.com/thai/articles/c75l2wv0qvlo