PerformanceEconomy

Performance Economy Model ตัวช่วยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความทนทานให้ผลิตภัณฑ์ของคุณ

10.09.2024

ทุกท่านลองนึกถึงสิ่งของรอบตัว ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ สมาร์ตโฟน หรือเครื่องใช้ไฟฟ้า ส่วนใหญ่เมื่อสิ่งเหล่านี้หมดอายุการใช้งานหรือเริ่มชำรุด การเลือกที่จะทิ้งของเก่าและซื้อใหม่ทันทีก็เป็นเรื่องปกติที่เราแทบทุกคนได้ทำมา แต่จะเป็นอย่างไรหากเราสามารถใช้สิ่งของเหล่านั้นโดยไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าของอย่างถาวร เช่น การเช่ารถยนต์แทนการซื้อ หรือการเช่าอุปกรณ์เทคโนโลยีที่สามารถอัปเกรดได้ตลอดเวลา แนวคิดนี้เป็นหัวใจสำคัญของ Performance Economy Model

Performance Economy ไม่เพียงเน้นที่การผลิตและบริโภคอย่างยั่งยืน แต่ยังมุ่งเน้นการใช้ประโยชน์สูงสุดจากผลิตภัณฑ์ผ่านการเช่า ยืม แลกเปลี่ยน และการยืดอายุการใช้งานผลิตภัณฑ์ โดยการซ่อมบำรุงอย่างต่อเนื่อง ช่วยลดการผลิตของใหม่ ลดปริมาณของเสีย และเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้ทรัพยากร ในขณะเดียวกัน ผู้บริโภคยังคงได้รับบริการและประสบการณ์ที่ต้องการอย่างครบถ้วน 

Key
Takeaways
  • การยืดอายุการใช้งานของผลิตภัณฑ์
    • ผลิตภัณฑ์ออกแบบให้มีความทนทานและสามารถซ่อมแซมได้
    • ลดการใช้ทรัพยากรในการผลิตสินค้าทดแทน
    • ลดการสร้างขยะ
  • การขายบริการแทนการขายสินค้า
    • เน้นการให้เช่า การให้บริการซ่อมแซม และการบำรุงรักษา
    • สร้างรายได้อย่างต่อเนื่องให้กับบริษัท
    • เพิ่มความคุ้มค่าให้กับลูกค้า
  • การออกแบบที่คำนึงถึงวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์
    • ผลิตภัณฑ์ถูกออกแบบให้สามารถปรับปรุงหรือรีไซเคิลได้ง่าย
    • ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
    • เพิ่มประสิทธิภาพในการใช้ทรัพยากร
  • การสร้างความยั่งยืนในระยะยาว
    • มุ่งเน้นการเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าที่มีอยู่เดิม
    • ช่วยลดต้นทุนการผลิตและการจัดการทรัพยากร
    • ส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า
  • ตัวอย่างการนำไปใช้จริงในอุตสาหกรรม
    • อุตสาหกรรมยานยนต์: การให้เช่าและบริการตามระยะทาง
    • อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า: การให้บริการบำรุงรักษาและซ่อมแซม
    • กรณีศึกษา Xerox: เปลี่ยนจากการขายเครื่องถ่ายเอกสารเป็นการให้บริการถ่ายเอกสารแบบครบวงจร

การทำความเข้าใจแนวคิดนี้จึงเป็นการเปิดโลกทัศน์ใหม่ในเรื่องของการบริโภคและการใช้ชีวิต ในยุคที่ทรัพยากรธรรมชาติมีจำกัด เราไม่จำเป็นต้อง “ครอบครอง” สิ่งต่าง ๆ เพียงเพื่อใช้ประโยชน์จากมัน แต่การได้ “ใช้” และบำรุงรักษาสิ่งนั้นอย่างเต็มที่ก็เพียงพอแล้ว นี่คือหัวใจของ Performance Economy 

ดังนั้นแนวคิดของ Performance Economy Model ที่ถูกพัฒนาโดย Walter Stahel จึงเป็นการเน้นการใช้บริการหรือเช่าใช้ผลิตภัณฑ์แทนการเป็นเจ้าของ เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการขององค์กรหรือบุคคลได้โดยไม่จำเป็นต้องครอบครองทรัพย์สินจริง ๆ ในองค์กร ธุรกิจสามารถเลือกเช่าอุปกรณ์หรือใช้บริการจากภายนอกเพื่อลดค่าใช้จ่ายและความยุ่งยากในการดูแลรักษา ตัวอย่างเช่น การเช่าบริการเครื่องจักรแทนการซื้อขาด หรือการใช้บริการคลาวด์แทนการตั้งเซิร์ฟเวอร์เองในองค์กร สิ่งเหล่านี้ช่วยลดการใช้ทรัพยากรที่ไม่จำเป็นและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน

แนวคิดของ Performance Economy Model

Performance Economy Model มุ่งเน้นไปที่การเปลี่ยนวิธีคิดเกี่ยวกับการผลิตและการบริโภค แทนที่จะมุ่งเน้นการผลิตสินค้าจำนวนมากเพื่อขายให้ได้มากที่สุด โมเดลนี้เสนอให้บริษัทมุ่งเน้นไปที่การให้บริการและการเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าที่มีอยู่เดิม โมเดลนี้ประกอบด้วยแนวคิดหลัก ๆ ดังนี้

  • การยืดอายุการใช้งานผลิตภัณฑ์
    ลองนึกถึงเฟอร์นิเจอร์ไม้ เช่น โต๊ะหรือเก้าอี้สไตล์คลาสสิก หากเราดูแลรักษาและซ่อมแซมเมื่อมันมีรอยขีดข่วนหรือสึกหรอ เฟอร์นิเจอร์เหล่านี้สามารถอยู่ได้หลายสิบปีและยังคงความสวยงาม เช่นเดียวกับแนวคิดการยืดอายุการใช้งานผลิตภัณฑ์ใน Performance Economy ซึ่งเน้นการบำรุงรักษาและซ่อมแซมอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดความจำเป็นในการเปลี่ยนสินค้าใหม่ ลดการใช้ทรัพยากร และลดขยะที่เกิดขึ้นจากการทิ้งผลิตภัณฑ์เก่า
  • การขายบริการแทนการขายขาดสินค้า
    ในบางธุรกิจ เช่น การเช่าเครื่องถ่ายเอกสาร องค์กรหลายแห่งเลือกใช้บริการเช่าเครื่องแทนที่จะซื้อขาด เนื่องจากสามารถลดภาระการบำรุงรักษาและลดค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนเครื่องใหม่ บริษัทที่ให้บริการจะดูแลการซ่อมบำรุงและการอัปเกรดเครื่องให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานตลอดเวลา แนวคิดการขายบริการแทนการขายขาดนี้ทำให้ธุรกิจสามารถใช้ประโยชน์จากทรัพยากรได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพสูงสุด ในขณะเดียวกันผู้บริโภคก็ได้รับความสะดวกและความยืดหยุ่นที่มากขึ้น
  • การออกแบบที่คำนึงถึงวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์
    ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด คือ การออกแบบจักรยานให้สามารถแยกชิ้นส่วนได้อย่างง่ายดาย เมื่อจักรยานผ่านการใช้งานไประยะหนึ่ง บางชิ้นส่วนอาจเสียหายหรือเสื่อมสภาพ แต่ด้วยการออกแบบที่คำนึงถึงวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์ เราสามารถถอดเปลี่ยนเฉพาะชิ้นส่วนที่เสียหายได้แทนที่จะต้องทิ้งจักรยานทั้งคัน แนวคิดนี้ช่วยลดการผลิตขยะและช่วยให้ชิ้นส่วนต่าง ๆ ถูกนำกลับมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพในอนาคต

Performance Economy Model ได้นำไปใช้ในหลากหลายอุตสาหกรรม หนึ่งในตัวอย่างที่น่าสนใจ คือ อุตสาหกรรมยานยนต์ ที่มีการนำแนวคิดนี้ไปใช้ในการออกแบบและให้บริการรถยนต์ บริษัทยานยนต์หลายแห่งได้เริ่มเปลี่ยนจากการขายรถยนต์เป็นการให้เช่าหรือการให้บริการตามระยะทางที่ใช้ การให้บริการนี้ช่วยให้บริษัทสามารถดูแลรักษารถยนต์ได้อย่างต่อเนื่อง และยืดอายุการใช้งานของรถยนต์ได้มากขึ้น

อีกตัวอย่างหนึ่ง คือ ในอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีการนำแนวคิด Performance Economy มาใช้ในการให้บริการบำรุงรักษาและซ่อมแซมเครื่องใช้ไฟฟ้า แทนที่จะขายเครื่องใช้ไฟฟ้าใหม่ การให้บริการนี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดการผลิตขยะ แต่ยังช่วยให้ลูกค้าประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว

การวิเคราะห์ข้อได้เปรียบและเสียเปรียบของ Performance Economy Model

ข้อได้เปรียบ

  1. การลดของเสียและการใช้ทรัพยากร การยืดอายุการใช้งานของผลิตภัณฑ์และการขายบริการแทนการขายสินค้า ช่วยลดปริมาณของเสียและการใช้ทรัพยากรในการผลิตสินค้าใหม่ ๆ ทำให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
  2. ความยั่งยืนทางธุรกิจ โมเดลนี้ช่วยสร้างรายได้อย่างต่อเนื่องจากการให้บริการ เช่น การบำรุงรักษาและการซ่อมแซม ซึ่งเพิ่มความคุ้มค่าและความยั่งยืนทางธุรกิจในระยะยาว
  3. ความพึงพอใจของลูกค้า การเน้นบริการมากกว่าการขายสินค้า ทำให้ลูกค้าได้รับการดูแลและบริการที่ดีมากขึ้น ซึ่งสามารถสร้างความพึงพอใจและความภักดีต่อแบรนด์ได้

ข้อเสียเปรียบ

  1. ความซับซ้อนในการดำเนินงาน การเปลี่ยนจากการขายสินค้าเป็นการให้บริการต้องการการบริหารจัดการที่ซับซ้อนกว่า และอาจทำให้เกิดความท้าทายในการปรับตัวขององค์กร
  2. การลงทุนเริ่มต้นที่สูง การเปลี่ยนแปลงไปสู่ Performance Economy อาจต้องการการลงทุนเริ่มต้นที่สูงในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการฝึกอบรมพนักงาน
  3. ความต้านทานต่อการเปลี่ยนแปลง บางอุตสาหกรรมหรือบริษัทอาจมีความต้านทานต่อการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่ธุรกิจมีโมเดลการดำเนินงานแบบเดิมมานาน

อุตสาหกรรมต่าง ๆ นำแนวคิดนี้ไปใช้อย่างไรกันบ้าง

อุตสาหกรรมแฟชั่น Performance Economy Model สามารถนำมาใช้ในอุตสาหกรรมแฟชั่นได้ เช่น การเช่าชุดหรือเครื่องแต่งกายแทนการซื้อ ซึ่งช่วยลดปริมาณการผลิตเสื้อผ้าใหม่ และลดการใช้ทรัพยากร รวมถึงการนำเสื้อผ้ามือสองกลับมาขายหรือซ่อมแซมก่อนจำหน่ายอีกครั้ง

อุตสาหกรรมก่อสร้าง การนำวัสดุก่อสร้างที่ถูกออกแบบมาให้ทนทานและสามารถรีไซเคิลได้กลับมาใช้ใหม่ช่วยลดของเสียจากการก่อสร้างได้ โมเดลนี้ยังสนับสนุนการให้บริการซ่อมแซมและปรับปรุงโครงสร้างเดิมแทนที่จะรื้อทิ้งและสร้างใหม่ทั้งหมด

อุตสาหกรรมเทคโนโลยี เช่น สมาร์ตโฟนหรือคอมพิวเตอร์ การให้บริการในการปรับปรุงอุปกรณ์แทนการซื้อใหม่ หรือการนำชิ้นส่วนที่ยังใช้ได้กลับมาใช้ใหม่ในผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ ช่วยลดการใช้ทรัพยากรและลดปริมาณขยะอิเล็กทรอนิกส์

เมื่อเปรียบเทียบกับโมเดลอื่น ๆ ในเศรษฐกิจหมุนเวียน

Performance Economy Model vs. Cradle to Cradle Model: ในขณะที่ Performance Economy มุ่งเน้นการยืดอายุการใช้งานและการขายบริการ ส่วน Cradle to Cradle Model มุ่งเน้นที่การออกแบบผลิตภัณฑ์ให้สามารถรีไซเคิลได้ 100% โดยไม่มีของเสีย เน้นการสร้างวัตถุดิบที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ในวงจรการผลิตใหม่ โดยไม่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

Performance Economy Model vs. Resource Cascade Model: Resource Cascade Model เน้นการใช้ทรัพยากรในหลาย ๆ ขั้นตอนและหลาย ๆ วงจรชีวิตก่อนที่จะถึงจุดสิ้นสุดของการใช้งาน ให้ความสำคัญกับการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรให้มากที่สุดในทุกขั้นตอนของวงจรชีวิต ในขณะที่ Performance Economy เน้นการยืดอายุของผลิตภัณฑ์และการให้บริการ 

ตัวอย่างบริษัทที่มีแนวโน้มที่ดีเมื่อนำแนวคิดนี้ไปใช้

หนึ่งในกรณีศึกษาที่น่าสนใจ คือ Xerox บริษัทที่เป็นผู้บุกเบิกการใช้โมเดล Performance Economy โดยเปลี่ยนจากการขายเครื่องถ่ายเอกสารเป็นการให้บริการถ่ายเอกสารแบบครบวงจร บริการนี้รวมถึงการให้เช่า การซ่อมบำรุง และการจัดการทรัพยากรที่ใช้ในการถ่ายเอกสาร ซึ่งช่วยให้บริษัทสามารถลดต้นทุนในการผลิตเครื่องถ่ายเอกสารใหม่ และเพิ่มความพึงพอใจให้กับลูกค้า

ประเทศไทย Performance Economy Model สามารถนำมาใช้ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในประเทศไทย โดยเฉพาะการให้บริการเช่ารถยนต์หรือจักรยานที่มีการบำรุงรักษาอย่างต่อเนื่อง แทนที่จะขายหรือทิ้งยานพาหนะเหล่านี้เมื่อใช้งานไปนาน ๆ นอกจากนี้ การให้บริการซ่อมแซมเครื่องใช้ไฟฟ้าหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์แทนการซื้อใหม่ก็เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้น

ประเทศญี่ปุ่น แนวคิด Performance Economy ถูกนำมาใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องจักรในญี่ปุ่น โดยบริษัทหลายแห่งได้เปลี่ยนไปใช้โมเดลการให้เช่าและการบำรุงรักษาเครื่องจักรแทนการขาย โดยมุ่งเน้นที่การยืดอายุการใช้งานของเครื่องจักรและลดของเสีย

Performance Economy Model เป็นแนวคิดที่มุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพและความทนทานของผลิตภัณฑ์ โดยการยืดอายุการใช้งาน การซ่อมแซม และการขายบริการแทนการขายสินค้า การนำโมเดลนี้ไปใช้ในภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ ไม่เพียงแต่ช่วยลดการใช้ทรัพยากรและการสร้างขยะ แต่ยังสร้างคุณค่าในระยะยาวให้กับธุรกิจและผู้บริโภค นับเป็นแนวคิดที่สำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจหมุนเวียนที่ยั่งยืน

Pisit Poocharoen
Former field engineer seeking to break free from traditional learning frameworks. อดีตวิศวกรภาคสนามที่ต้องการหลุดออกจากกรอบการเรียนรู้แบบเดิม ๆ