Raspberry Pi ได้กลายเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้างสรรค์โซลูชันที่คุ้มค่าและมีประสิทธิภาพสูงได้ MM Thailand ขอพาคุณไปสำรวจว่าทำไม Raspberry Pi ถึงไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือสำหรับการศึกษา แต่ยังเป็นหัวใจสำคัญของนวัตกรรมในหลายอุตสาหกรรม ตั้งแต่สื่อบันเทิง การแพทย์ สมาร์ทโฮม ไปจนถึงระบบเสิร์ฟเครื่องดื่มอัตโนมัติ
บทความนี้จะพาคุณไปรู้จัก ตัวอย่างการใช้งานจริงของ Raspberry Pi ที่ช่วยให้ธุรกิจขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้อย่างไร และเพราะเหตุใดบริษัทต่าง ๆ จึงเลือกใช้เทคโนโลยีนี้เป็นส่วนหนึ่งของผลิตภัณฑ์และบริการของตน
Raspberry Pi Trading สนับสนุนธุรกิจด้วยโซลูชันอัจฉริยะ
Raspberry Pi Trading เป็นบริษัทที่แยกตัวออกจากมูลนิธิ Raspberry Pi โดยมีหน้าที่ดูแลด้านการตลาดของคอมพิวเตอร์บอร์ดเดี่ยว (Single-board Computer) ด้วยผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายและเครือข่ายพันธมิตรด้านการออกแบบ บริษัทไม่เพียงแต่มีเทคโนโลยีที่สามารถสนับสนุนธุรกิจได้เท่านั้น แต่ยังช่วยให้บริษัทต่าง ๆ ค้นหาการตั้งค่าระบบที่เหมาะสมที่สุดได้อีกด้วย
TBS Mini Media Server ระบบสตรีมมิ่งอเนกประสงค์
TBS ไม่ได้ให้บริการเฉพาะอุตสาหกรรมโทรทัศน์ แต่ยังพัฒนาโซลูชันสำหรับเครือโรงแรม เพื่อช่วยควบคุมและสตรีมช่องรายการโทรทัศน์ในห้องพัก รวมถึงการแสดงป้ายดิจิทัล ในการพัฒนา OBP-24 Mini Server หนึ่งในข้อกำหนดสำคัญคือความสามารถให้ลูกค้าเพิ่มการ์ดจูนเนอร์ของตนเองได้ ทำให้สามารถสตรีมช่อง DVB, ดาวเทียม, ภาคพื้นดิน หรือเคเบิล ไปทั่วเครือข่ายท้องถิ่น
โครงการนี้ใช้ Compute Module 4 เพื่อรักษาขนาดมาตรฐานและความยืดหยุ่นสำหรับการปรับแต่งของลูกค้า อีกทั้งยังใช้ RP2040 microcontroller สำหรับหน้าจอ LCD ด้านหน้าของเซิร์ฟเวอร์
Bio Business ผสาน IoT กับเทคโนโลยีการแพทย์
ในปี 2009 Mostafa Elwakeel และเพื่อนร่วมงานก่อตั้ง Bio Business โดยเล็งเห็นศักยภาพของอุปกรณ์ตรวจสอบที่ขับเคลื่อนด้วย Internet of Things (IoT) พวกเขาเริ่มต้นด้วยการพัฒนา เครื่องวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG) และเครื่องช่วยหายใจ ก่อนจะขยายไปสู่การผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับแบรนด์ชั้นนำอย่าง Philips, Siemens และ GE
Bio Business นำเสนออุปกรณ์ IoT หลากหลายประเภท รวมถึงเครื่องมือที่สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลทางการแพทย์ เช่น อัลตราซาวด์, รังสีเอกซ์ และ MRI ต่อมา บริษัทได้พัฒนาอุปกรณ์ IoT เพื่อตรวจสอบคุณภาพอากาศ อุณหภูมิ และความชื้น อย่างไรก็ตาม การเชื่อมต่ออุปกรณ์เข้ากับ Cloud ทำให้เกิดความซับซ้อน และ Bio Business จำเป็นต้องใช้ฮาร์ดแวร์ที่สามารถรองรับการขยายตัวของตลาด
ท้ายที่สุด Compute Module 4 และ RP2040 กลายเป็นโซลูชันที่เหมาะสมที่สุด โดยอุปกรณ์ CPAP ของบริษัทใช้ RP2040 ในการตรวจวัดระดับออกซิเจน และยังมีเครื่องเพิ่มออกซิเจนที่ใช้ Raspberry Pi สำหรับการควบคุมพลังงานและการทำงาน
Homey Pro Smart Home Hub ที่ครบวงจร
Homey เป็นผลิตภัณฑ์จากบริษัท Athom ที่เปิดตัวในปี 2014 ในฐานะลำโพงอัจฉริยะและศูนย์ควบคุมบ้านอัจฉริยะ โดยมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้สามารถรองรับ Zigbee, Z-Wave, Wi-Fi, Bluetooth, 433 MHz RF, Infrared และ Thread ได้โดยไม่ต้องพึ่งพาอุปกรณ์เสริมเพิ่มเติม
“เราไม่ต้องการให้ผลิตภัณฑ์ดูเหมือนเราเตอร์เกมมิ่งที่มีเสาอากาศยื่นออกมาเต็มไปหมด” Emile Nijssen จาก Athom กล่าว Homey Pro จึงถูกออกแบบให้กะทัดรัดและลงตัวกับพื้นที่ใช้งาน
Athom เลือกใช้ Compute Module 4 เนื่องจากช่วยให้ผลิตภัณฑ์สามารถออกสู่ตลาดได้เร็วขึ้น โดยไม่ต้องสร้าง Linux Computer ใหม่จากศูนย์ การสนับสนุนทางเทคนิคและเอกสารของ Raspberry Pi ยังช่วยให้การผสานรวมระบบทำได้ง่ายขึ้นอีกด้วย
Korg Synthesizer ปรับปรุงคุณภาพเสียงด้วย Raspberry Pi
Korg เป็นหนึ่งในบริษัทผลิตซินธิไซเซอร์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก โดยเริ่มต้นจากการใช้ Linux กับคีย์บอร์ดระดับไฮเอนด์ ต่อมาบริษัทได้เปลี่ยนมาใช้ Compute Module 3 ในซินธิไซเซอร์บางรุ่น เช่น Wavestate, Modwave และ Opsix
เหตุผลที่ Korg เลือกใช้ Raspberry Pi Compute Module เป็นเพราะต้องการตั้งราคาสินค้าให้อยู่ต่ำกว่า 1,000 ดอลลาร์ โดยไม่ลดทอนคุณภาพเสียง และเพื่อแก้ปัญหาทางเทคนิคที่มีมายาวนาน ผลลัพธ์ที่ได้คือ Wavestate ซึ่งเป็นซินธิไซเซอร์ที่ต่อยอดจาก Wavestation โดยใช้บอร์ดแยกสองตัวสำหรับควบคุมและประมวลผลเสียงที่เชื่อมต่อกับ CM3
“หลายคนไม่รู้ว่า Raspberry Pi เป็นตัวสร้างเสียงจริง ๆ” Dan Phillips จาก Korg กล่าว “Compute Module 3 ทำให้เราสามารถสร้างเครื่องดนตรีที่ลึกซึ้งและทรงพลังได้”
iPourIt นวัตกรรมการเสิร์ฟเครื่องดื่มแบบอัตโนมัติ
Brett Jones, CTO ของ iPourIt เคยเผชิญปัญหาการรอคิวซื้อเบียร์ แต่เมื่อต่อคิวถึงตัวเองกลับพบว่าเบียร์ที่ต้องการหมดเสียแล้ว นั่นทำให้เขาคิดค้นระบบ RFID สำหรับเลือกและจ่ายค่าเบียร์อัตโนมัติ ปัจจุบันมี iPourIt กว่า 5,800 จุด ติดตั้งใน 220 แห่งทั่วอเมริกาเหนือ
ในปี 2019 บริษัทต้องการเปลี่ยนระบบจากอุปกรณ์ Android รุ่นเก่าไปเป็นแพลตฟอร์มที่เสถียรกว่า Compute Module 3+ และ Raspberry Pi 4 จึงถูกนำมาใช้แทนระบบเดิม พร้อมกับเปลี่ยนจาก ระบบไร้สายเป็น Power-over-Ethernet (PoE) เพื่อลดความซับซ้อนของสายไฟ
ปัจจุบัน หน้าจอสัมผัสแต่ละจุดใช้ Compute Module 3+ และ ทุก 12 จุดจ่ายเครื่องดื่มถูกควบคุมโดย Raspberry Pi 4 ส่งผลให้ระบบมีความแม่นยำสูง สามารถเสิร์ฟเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และค็อกเทลได้อย่างรวดเร็ว และมีต้นทุนที่ต่ำกว่าคู่แข่งถึง 20%
เทคโนโลยีของ Raspberry Pi ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ตั้งแต่การสตรีมมิ่ง การแพทย์ สมาร์ทโฮม ดนตรี ไปจนถึงธุรกิจบริการ เครื่องมือที่ทรงพลังและยืดหยุ่นเหล่านี้ช่วยให้บริษัทต่าง ๆ สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง ในราคาที่แข่งขันได้ และรองรับการขยายตัวของตลาดในอนาคตอย่างต่อเนื่อง