บริษัท Samsung ที่หลาย ๆ คนอาจจะรู้จักกันดี จากสมาร์ตโฟนที่โด่งดังและมีการใช้งานอย่างแพร่หลายกระจายไปทั่วโลก แต่กี่คนที่จะรู้ ว่า Samsung นั้นไม่ได้มีดีแค่การผลิตโทรศัพท์เท่านั้น แต่ยังถือเป็นหนึ่งในผู้ผลิตชิปอิเล็กทรอนิกส์รายสำคัญของโลกอีกด้วย
รู้หรือไม่ ? ว่าชิปตัวแรกของโลก คือ Intel 4004 ซึ่งถูกผลิตขึ้นในปีพ.ศ. 2513 โดยเป็นชิปที่มีความจุเพียงแค่ 4 บิทเท่านั้น มีขนาดความยาว 4 มิลลิเมตร และความกว้าง 3 มิลลิเมตร ทำให้มีพื้นที่ทั้งหมด 12 มิลลิเมตร (12,000,000 µm²) แต่ในปัจจุบัน ขนาดของชิปสามารถลดลงมาจนถึง 3 นาโนเมตรได้แล้ว โดยมีประสิทธิภาพสูงขึ้นสวนทางกับขนาดที่ลดลงไปเรื่อย ๆ ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้สอดคล้องกับเทรนด์ที่เกิดขึ้นในโลกปัจจุบันที่อุปกรณ์อัจฉริยะทั้งหลายจะมีขนาดเล็กลงแต่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
- ไอเดียจากหนังสือภาพเด็ก สู่หุ่นยนต์ปูจิ๋วที่เล็กที่สุดในโลก
- จากน้ำเสียสู่เบียร์สะอาด วิธีบำบัดน้ำ NEWater ในสิงคโปร์
- ส่งอาหารผ่านท้องฟ้า เทคโนโลยีที่จะช่วยแก้ปัญหาในที่ห่างไกล
Samsung Electronics ได้ประกาศเริ่มการผลิตนาโนชิปขนาด 3 นาโนเมตร (nm) ด้วยการผลิตแบบ Gate-All-Around หรือ GAA และเริ่มต้นนำมาใช้งานในการประมวลผลที่มีประสิทธิภาพสูง แต่มีการใช้พลังงานต่ำกว่านาโนชิปแบบปกติ และจะทำการขยายการใช้งานมาสู่สมาร์ตโฟนต่อในภายหลัง
ด้วยเทคโนโลยีที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของทาง Samsung เอง ในการใช้งานแผ่นนาโนชีทที่มีขนาดช่องภายในที่กว้างขึ้น ทำให้นาโนชิปนี้มีประสิทธิภาพในการทำงานที่สูงขึ้น และยังประหยัดพลังงานมากขึ้นอีกด้วย
ซึ่งเมื่อเทียบกับชิปขนาด 5 นาโนเมตรแล้ว ชิปขนาด 3 นาโนเมตรตัวใหม่นี้สามารถลดพลังงานที่ต้องใช้ลงได้ 45 เปอร์เซ็นต์ เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานขึ้น 23 เปอร์เซ็นต์ และลดพื้นที่ไปได้ 16 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับชิปขนาด 5 นาโนเมตร และชิปขนาด 3 นาโนเมตรในรุ่นที่สองที่จะตามมาในช่วงปี 2023 จะสามารถลดการใช้พลังงานลงได้ 50 เปอร์เซ็นต์ เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้ 30 เปอร์เซ็นต์ และลดพื้นที่ลงได้เพิ่มเป็น 35 เปอร์เซ็นต์
ชิป 3 นาโนเมตรนี้จะช่วยเพิ่มขีดจำกัดของการทำงานให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สูงขึ้นไปได้อีกขั้น และด้วยขนาดที่เล็กลงยังเปิดพื้นที่ให้ระบบส่วนอื่น ๆ สามารถเสริมเข้ามาในอุปกรณ์ได้ง่ายยิ่งขึ้น ในอนาคตเราก็น่าจะได้เห็นชิป 3 นาโนเมตรมาอยู่ในมือถือของ Apple, Samsung และ Huawei กัน
Samsung ยังคงมีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง และยังต้องการแสดงความเป็นผู้นำในการเข้าสู่เทคโนโลยีและการผลิตของยุคต่อไป ซึ่งด้วยการมาของชิปขนาด 3 นาโนเมตรนี้ ก็เป็นอีกหนึ่งในสิ่งที่บ่งบอกถึงความก้าวหน้าของเทคโนโลยีในเจเนอเรชันถัดไป ที่กำลังจะเข้ามาถึงนั่นเอง